ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนน่าจะคุ้นหูกับกระแสร้อนแรงในวงการคริปโทและได้ยินชื่อของ ‘เทอร์รา’ (Terra), LUNA, UST ที่มูลค่าดิ่งลงเหวภายในมี่กี่วัน หรือแม้กระทั่งเห็นภาพหนุ่มชาวเกาหลีคนหนึ่งอยู่ตามพาดหัวข่าวต่าง ๆ ชายคนดังกล่าวคือ ‘โด ควอน’ (Do Kwon) ผู้ก่อตั้งอาณาจักรเทอร์ราที่กำลังเป็นข่าวอยู่นี่เอง

โด ควอน คือใคร?

do kwon คือใคร
โด ควอน (Do Kwon)

ควอนเป็นหนุ่มชาวเกาหลีใต้ที่จบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ เขามีความเชี่ยวชาญด้านการเขียนโปรแกรมต่าง ๆ และมีประวัติว่าเคยทำงานอยู่ที่แอปเปิล (Apple) และไมโครซอฟท์ (Microsoft) อยู่เป็นระยะเวลาสั้น ๆ

ควอนมีความสนใจในเทคโนโลยีบล็อกเชน และได้ลงทุนเป็นการส่วนตัวในจำนวนเงินที่เรียกว่าไม่น้อยเลย ไปกับโครงการต่าง ๆ ในโลกคริปโทเคอร์เรนซี จนวันหนึ่งเขาได้รู้จักกับแนวคิด Stablecoin หรือการทำให้สกุลเงินดิจิทัลหนึ่งมีมูลค่าคงที่ อยู่ที่ 1 ดอลลาร์ ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ สกุลเงินดิจิทัลหรือเหรียญดังกล่าวจะต้องถูกตรึงราคาไว้ด้วยสินทรัพย์ค้ำประกันต่าง ๆ และมีการให้ดอกเบี้ย เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนเก็บเงินไว้ในระบบมากขึ้น และทำให้ราคาคงที่

ควอนเห็นโอกาสว่า Stablecoin น่าจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ในโลกการเงินอนาคต แต่การจะทำแบบนั้นได้ ควอนต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ทั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาระบบและการซื้อสินทรัพย์มาค้ำประกันเพื่อตรึงราคาเหรียญให้คงที่

การก่อตั้งเทอร์รา (Terra)

terra luna ust

ในปี 2018 ควอนร่วมมือกับ แดเนียล ซิม (Daniel Sim) ก่อตั้ง ‘เทอร์รา’ ขึ้น โดยมีแนวคิดว่าเทอร์ราคือการทำ Stablecoin ที่ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกันเพื่อตรึงราคา แต่จะใช้การเขียนโปรแกรมเพื่อตรึงราคาเหรียญให้คงที่แทน เรียกว่า ‘Algorithmic Stablecoin’

โดยแนวคิดดังกล่าว จะใช้เหรียญ 2 เหรียญทำงานร่วมกัน คือ (1) UST เหรียญที่ระบบจะทำให้ราคาคงที่ ๆ 1 ดอลลาร์เสมอ และ (2) LUNA เหรียญที่คอยรองรับความผันผวนของตลาด

เมื่อ UST มีราคาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ ระบบจะซื้อเหรียญ UST ออกจากตลาดมาเผา (Burn) และผลิตเหรียญ Luna ที่มูลค่าเท่ากันมาใส่กองกลาง และเมื่อเหรียญ UST มีราคาสูงกว่า 1 ดอลลาร์ ระบบจะทำการเผาเหรียญ Luna ในกองกลางทิ้งไป และผลิตเหรียญ UST เข้าสู่ตลาดไปเพิ่ม เพื่อให้ราคากลับมาอยู่ที่ 1 ดอลลาร์เหมือนเดิม

ด้วยแนวคิดดังกล่าว เทอร์ราจึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก จนทำให้สามารถระดมทุนไปได้กว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 5,000 ล้านบาท) และภายหลังการระดมทุนสำเร็จ เทอร์รายังได้รับเงินทุนเพิ่มเติมจากนายทุนคนอื่น ๆ ตามมาอีกหลายครั้งในปีถัด ๆ ไป

ปี 2020 ถือเป็นไฮไลต์สำคัญที่ควอนได้สร้างความสนใจให้กับผู้คนหันมาถือเหรียญ UST มากขึ้น ด้วยการเปิดตัว ‘มาตรการแอนเคอร์’ (Anchor Protocol) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่จะให้รางวัลกับผู้ที่ถือเหรียญ UST เป็นดอกเบี้ยที่สูงถึง 20% ต่อปี ซึ่งนับว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก (สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในบ้านเราถึง 20 เท่า!) แถมยังให้ผู้คนถอนเงินออกเมื่อไรก็ได้อีกด้วย ดังนั้น การซื้อเหรียญ UST ที่มีมูลค่าคงที่ ๆ 1 ดอลลาร์ จึงกลายเป็นเหมือนการฝากเงินในธนาคารในฝัน

วีรกรรมสุดห้าวของ โด ควอน

ควอนนั้นขึ้นชื่อเรื่องความอีโก้สูงของเขา และยิ่งความสำเร็จของเทอร์ราที่มีมากขึ้นเท่าไร ก็ดูเหมือนว่าอีโก้ของเขาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเขามักใช้คำแทนตัวเองว่า “ราชา” และเรียกผู้คนที่ไม่สนับสนุนเทอร์ราว่า “คนจน” รวมถึงบอกให้พวกเขา “จนกันต่อไป” ถ้ายังไม่เลิกดูถูกเทอร์รา

ควอนเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อรายหนึ่งว่า 95% ของเหรียญต่าง ๆ จะล้มเหลว และมันก็เป็นเรื่องน่าสนุกที่จะได้มองโครงการเหล่านั้นค่อย ๆ ตายไป รวมถึงการที่เขาเคยทวีตถึงเหรียญ Stablecoin คู่แข่งอย่าง DAI ว่า “ด้วยน้ำมือของเขา DAI จะตายในที่สุด”

การล่มสลายของเทอร์รา

ปัญหาหลัก 2 อย่าง ที่ควอนอาจจะลืมนึกไปตอนสร้างเทอร์ราคือ (1) ผลตอบแทนที่สูงถึง 20% ที่เขาต้องจ่ายให้กับนักลงทุน ซึ่งในช่วงเวลาที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากนั้น ควอนต้องจ่ายเงินกว่า 7,000,000 ดอลลาร์ต่อวัน (ราว 238,420,000 บาท) สำหรับดอกเบี้ยนักลงทุน

และ (2) คือความเสี่ยงต่อการแห่ถอนเงินของนักลงทุน ซึ่งควอนนั้นอนุญาตให้นักลงทุนสามารถถอนเงินออกจากระบบเมื่อไรก็ได้ เนื่องจากระบบถูกสร้างมาให้ทำงานตามกลไก ไม่ว่าสภาพตลาดจะเป็นอย่างไรก็ตามบนกระดานเทรด ซึ่งถ้าเกิดมูลค่าของเหรียญ UST หลุดลงมาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ แล้วผู้คนต่างวิ่งหนีออกจากเหรียญ UST นั่นจะทำให้เหรียญยิ่งมีมูลค่าต่ำลง และระบบก็จะสร้างเหรียญ LUNA ขึ้นมาเพิ่ม เพื่อลดปริมาณเหรียญ UST ซึ่งก็จะยิ่งทำให้เหรียญ LUNA มีมูลค่าต่ำลงไปด้วย ถ้าไม่สามารถสู้แรงขายจากตลาดได้

LUNA Coin ลูน่า ลูนา

สมมติฐานดังกล่าวไม่เกินจริง เพราะเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ปี 2022 ราคาของเหรียญ UST ตกลงมาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ จนนำไปสู่ความตื่นตระหนก นักลงทุนแห่ถอนเงินออกจากระบบจำนวนมาก รวมถึงการเทขายเหรียญ UST ที่ตามมาอย่างรวดเร็วและทำให้มูลค่าของเหรียญตกลงมาเรื่อย ๆ ซึ่งสิ่งนี้ก็ส่งผลกระทบมาต่อที่ราคาของเหรียญ LUNA ด้วย เนื่องจากระบบไม่สามารถสู้แรงขายจากตลาดได้

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ เหรียญ UST จากที่ควรจะเป็น Stablecoin ที่มีมูลค่า 1 ดอลลาร์ กลับมีมูลค่าไม่ถึง 0.1 ดอลลร์ และเหรียญ LUNA ที่เคยมีมูลค่าสูงสุดที่ 119 ดอลลาร์ แทบจะไม่เหลือมูลค่าอะไรเลย…

แล้วถ้าคุณนึกภาพไม่ออกว่าเรื่องนี้เลวร้ายแค่ไหน ลองคิดตามว่า เงิน 1,000,000 ดอลลาร์ (ราว 34,060,000 บาท) ที่ฝากเอาไว้ในเทอร์รา 1 สัปดาห์ก่อนล่มสลาย จะเหลือมูลค่าเพียง 3 ดอลลาร์ (100 บาท) ในปัจจุบัน

เหตุการณ์นี้แทบจะนับว่าเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในวงการคริปโทเคอร์เรนซี และส่งผลกระทบต่อผู้คนเป็นจำนวนมาก รวมถึงโครงการ Stablecoin อื่น ๆ ที่น่าจะได้รับผลกระทบไปอีกสักพักใหญ่ และการเรียกความเชื่อใจของผู้คนให้กลับมาศรัทธาในเทอร์ราอีกครั้ง ดูเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยในตอนนี้

ที่มา: Intelligencer, Fortune, ColdFusion, Terra

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส