หลังจากที่ ไบแนนซ์ (Binance) ได้เปิดเผยรายงานหลักฐานของเงินทุนสำรอง ซึ่งครอบคลุมทั้งสินทรัพย์และหนี้สินบางส่วน รวมถึงข้อมูลทางการเงินย่อยอื่น ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มนั้น 

ล่าสุด วันที่ 13 ธันวาคม 2022 ไบแนนซ์ได้อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ เกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของ Merkle Tree เพื่อการตรวจสอบบริษัทบริหารสินทรัพย์บิตคอยน์ (BTC) โดยผู้ใช้งาน ซึ่งฟีเจอร์นี้ ถือเป็นเวอร์ชันแรก โดยในเร็ว ๆ นี้ ผู้ใช้งานจะสามารถดำเนินการตรวจสอบเพื่อรับรองยอดจัดเก็บเหรียญอื่น ๆ เช่น  ETH, USDT, USDC, BUSD รวมถึง BNB

นอกจากนี้ ไบแนนซ์ยังมีการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ตรวจสอบอิสระจากภายนอก ในการทำงานร่วมกับไบแนนซ์ เพื่อช่วยยืนยันความถูกต้องของข้อมูลบนโครงสร้าง Merkle Tree อีกด้วย

CZ Changpeng Zhao, founder and chief executive officer of Binance
REUTERS/Benoit Tessier

นายฉางเผิง จ้าว (Changpeng Zhao) หรือ CZ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของไบแนนซ์ กล่าวว่า “เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น ทำให้ชุมชนการลงทุนต้องการบริการ และการดูแลที่มากขึ้นจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทฯ ซึ่งมันมากกว่าความต้องการจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมเสียอีก ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีความยินดีที่จะนำเสนอฟีเจอร์ล่าสุด เพื่อให้ทุกคนสามารถตรวจสอบเงินทุนของตนเองได้”

CZ ยังเปิดเผยอีกว่า เนื่องจากชุมชนผู้ใช้งานของไบแนนซ์กำลังจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าแพลตฟอร์มที่อยู่ในลำดับถัดไปแบบเท่าตัว ทำให้การปฏิบัติงานของไบแนนซ์ถือเป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ และจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ ในการพัฒนาข้อมูล เพื่อบริหารสินทรัพย์ที่อยู่ในความดูแล โดยไบแนนซ์จะเร่งทำการอัปเดตข้อมูลครั้งต่อไปให้เร็วที่สุด เพื่อตอบสนองความคาดหวังของชุมชนได้อย่างทันท่วงที

สำหรับกลไกพิสูจน์เงินทุนสำรอง หรื Proof of Reserves (PoR) นั้น เว็บไซต์ PoR จะถูกออกแบบมาเพื่อแสดงให้เห็นว่า ไบแนนซ์ในฐานะผู้ดูแล (Custodian) มีการถือสินทรัพย์ของลูกค้าเต็มจํานวนพร้อมด้วยเงินทุนสํารอง หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เมื่อผู้ใช้งานฝาก 1 BTC เงินทุนสำรองจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 BTC ตามไปด้วย เพื่อทำให้แน่ใจว่า เงินทุนของลูกค้าได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ บุคคลทั่วไปจะสามารถตรวจสอบเว็บไซต์ และขอดูหลักฐานการสํารองเงินทุนของไบแนนซ์ได้อย่างสะดวก โดยข้อมูลจะแสดงให้เห็นถึงอัตราส่วนเงินสำรองของไบแนนซ์ ควบคู่ไปกับจำนวนสินทรัพย์ของลูกค้า โดยการตรวจสอบสินทรัพย์นั้น สามารถทำได้ใน 2 วิธี คือ 

1. ผ่านทางเว็บไซต์ของไบแนนซ์

ผู้ใช้งานสามารถเริ่มต้นด้วยการเข้าสู่เว็บไซต์ไบแนนซ์ (Binance) จากนั้นคลิกที่ “กระเป๋าเงิน” (Wallet) ตามด้วย “การตรวจสอบ” (Audit) หลังจากนั้น ระบบจะสร้างรหัสบันทึกเฉพาะที่ยืนยันว่าสินทรัพย์ของคุณได้รับการคุ้มครอง รวมถึงการยืนยันยอดคงเหลือของสินทรัพย์ดังกล่าว ณ เวลาที่ทําการตรวจสอบ

2. ผ่านทางแอปพลิเคชัน Python

วิธีนี้เหมาะสําหรับผู้ใช้งานที่ต้องการตรวจสอบสินทรัพย์ที่ละเอียดไปอีกขั้น ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการคัดลอก Source Code ลงในแอปพลิเคชัน Python และเชื่อมโยงการอ้างอิงได้ด้วยตนเอง

นอกจากการอัปเดตฟีเจอร์ตรวจสอบเงินทุนของตนเองแล้ว ไบแนนซ์กําลังพิจารณาเปิดตัว ZK-SNARKs ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ โดย ZK-SNARKs จะเป็นเครื่องมือที่เพิ่มคุณสมบัติในด้านความเป็นส่วนตัว และลดขั้นตอนที่ยุ่งยากของกลไกพิสูจน์เงินทุนสำรอง (Proof of Reserves) และสินทรัพย์ของผู้ใช้งาน 

ซึ่งเหตุผลที่ไบแนนซ์ต้องการเปิดตัวบริการนี้ มาจากการที่ไบแนนซ์เป็นผู้ให้บริการการวางหลักประกัน (Margin) และสินเชื่อ (Loan) ในบางประเทศ ดังนั้น ผลการตรวจสอบ ซึ่งแสดงยอดสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นและหนี้สินของผู้ใช้งานแต่ละคน (Net Balance = Equity – Debt) จะทำให้ผู้ใช้งานบางคนมียอดคงเหลือติดลบในสินทรัพย์ของตนเอง

ด้วยเหตุนี้ ไบแนนซ์จึงพยายามนํา ZK-SNARKs เข้ามาใช้ เพื่อให้เป็นอีกวิธีหนึ่งสําหรับผู้ใช้งานในการพิสูจน์ว่ามีสินทรัพย์อื่น ๆ เป็นหลักประกันเพียงพอที่จะคุ้มครองเงินทุนของพวกเขา โดยวิธีนี้จะช่วยพิสูจน์ว่ายอดสุทธิรวม (คิดเป็นสกุลเงิน USD) ของผู้ใช้งานแต่ละคนไม่ติดลบนั่นเอง

ตัวแทนของไบแนนซ์ยังคงยืนยันว่า การอัปเดตข้อมูลล่าสุดจากไบแนนซ์เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนว่า บริษัทฯ มีการถือครองสินทรัพย์ของผู้ใช้งานในอัตราส่วน 1:1 (รวมถึงเงินทุนสํารอง) โดยไบแนนซ์ยังคงเป็นบริษัทที่มีหนี้เป็นศูนย์ในโครงสร้างเงินทุน อีกทั้งยังมีกองทุนฉุกเฉิน (กองทุน Emergency Fund หรือ SAFU Fund) เพื่อปกป้องผู้ใช้งานในกรณีเกิดเหตุสุดวิสัยที่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส