ยังคงโดนไม่เลิกกับตลาดคริปโตเคอเรนซี โดยเฉพาะเหรียญเจ้าตลาดอย่างบิตคอยน์ (Bitcoin) ล่าสุด สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าทางการจีนได้สั่งแบนไม่ให้สถาบันการเงินและบริษัทชำระเงินทั้งหลายให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมคริปโตเคอเรนซีอย่างเด็ดขาด

องค์กรอุตสาหกรรมของจีน 3 แห่ง ได้แก่ สมาคมการเงินทางอินเทอร์เน็ตแห่งชาติของจีน สมาคมธนาคารแห่งประเทศจีนและสมาคมการชำระเงินและการหักบัญชีของจีนกล่าวว่าสกุลเงินเสมือนจริงชนิดนี้ ‘ไม่ได้เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าอย่างแท้จริง’ และยังคงได้รับการพูดถึงว่าเป็นตลาดที่ไว้ซื้อขายเก็งกำไรซะมากกว่า ซึ่งเป็นการขัดขวางคำสั่งทางเศรษฐกิจและการเงินของจีน

เบื้องต้นรอยเตอร์รายงานว่าจีนได้แบนการเทรดคริปโตแล้ว แต่ผู้ซื้อชาวจีนยังคงสามารถถือเหรียญบิตคอยน์และเงินดิจิทัลสกุลอื่น ๆ ได้อยู่ ซึ่งหลังจากจีนประกาศไม่นาน ราคาของบิตคอยน์ก็ร่วงลง 7% ทันที จากก่อนหน้าที่ราคาก็ร่วงลงอยู่แล้ว ปัจจุบัน ราคาบิตคอยน์อยู่ที่ราว 1.3 ล้านบาทต่อเหรียญ นับว่าแทบจะต่ำสุดในรอบ 4 เดือน

ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาของบิตคอยน์ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ประกาศว่าเทสลา (Tesla) จะไม่ยอมรับชำระเงินด้วยบิตคอยน์อีกต่อไป เนื่องจากเขามองว่าการขุดบิตคอยน์ต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการขุดและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ทำให้ราคาบิตคอยน์ร่วงหนักมาตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว

ทีมนักวิจัยของสหรัฐฯ อย่างคอยน์ เมตริกส์ (Coin Metrics) ระบุว่าด้วยความเป็นผู้นำตลาดคริปโตของบิตคอยน์ ในฐานะสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ บัดนี้เริ่มลดน้อยลงทุกวันด้วยส่วนแบ่งของตลาดคริปโตที่ลดลงเหลือ 45 เปอร์เซ็นต์จาก 70 เปอร์เซ็นต์เมื่อต้นปี ทำให้นักลงทุนเริ่มมองหาผลตอบแทนใหม่ ๆ ที่มากขึ้นจากเหรียญคริปโตสกุลอื่น เช่น Ethereum, Dogecoin และเหรียญอื่น ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส