ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในอาชีพนักแสดง โดยเฉพาะการเป็นนักแสดงมืออาชีพระดับฮอลลีวูด ล้วนต่างก็มีความกังวลในอาชีพของตัวเองไม่มากก็น้อย หนึ่งในนั้นก็คือ โรเบิร์ต แพตทินสัน (Robert Pattinson) นักแสดงหนุ่มหล่อวัย 37 ปี อดีตนักแสดงวัยรุ่นที่เติบโตกลายมาเป็นอีกนักแสดงคุณภาพของยุคนี้ ซึ่งเขาได้มีโอกาสเล่าถึงความกังวลในการแสดงของเขาเองกับ จอร์แดน เฟิร์สต์แมน (Jordan Firstman) นักเขียนและนักแสดงตลกวัย 32 ปี ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดของนิตยสาร Interview

แม้แพตทินสันจะเป็นนักแสดงที่มีครบเครื่องทั้งหน้าตาและฝีมือ แต่เขาก็ยังมีความกลัวที่รุนแรงมากที่สุด นั่นก็คือความหวาดกลัวว่าตัวเองจะได้รัมีโอกาสแสดงในหนังแย่ ๆ ซึ่งจะทำให้เขารู้สึกอับอายขายหน้า เพราะถูกแฟน ๆ จดจำเขาจากบทบาทในหนังห่วย ๆ และนั่นก็ส่งผลทำให้เขาซีเรียสและจริงจังอย่างมากในการคัดเลือกบทบาทที่ถูกเสนอให้ และเอ่ยปฏิเสธหนังที่เขาไม่สนใจและคิดว่าน่าจะออกมาไม่ดี และไม่มีโอกาสได้ทุ่มสุดตัวกับบทบาทของตัวเองได้แบบทันควัน

Robert Pattinson

“ผมมีความกลัว โคตรกลัวการถูกลบหลู่ดูหมิ่นมาก ๆ ครับ และก็อย่างที่คุณรู้ ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับตัวคุณเองด้วยแหละ คุณพูดได้นะว่าเพราะบทมันแม่-ห่วยแตก หรือเป็นเพราะผู้กำกับส้นตี-โน่นนั่นนี่ แต่สุดท้ายไม่มีใครสนใจเหตุผลที่คุณบอกหรอก คุณจะถูกหาว่าเป็นคนงี่เง่า และคนส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าคุณเป็นคนที่โคตรจะงี่เง่า แม้คุณจะพยายามจะทำมันให้ดีที่สุดแล้วก็ตาม”

ความกดดันอีกอย่างที่เขามีต่อฮอลลีวูดก็คือ การพยายามทำให้ตัวเองสมบูรณ์แบบอยู่เสมอ แพตทินสันเปิดเผยว่า เขาเองเคยลองลดน้ำหนักด้วยการกินแต่มันฝรั่งเท่านั้น เพื่อให้ได้รูปร่างในแบบตามอุดมคติตามอุตสาหกรรมของฮอลลีวูด แม้เขาจะไม่รู้สึกว่ามีปัญหากับภาพลักษณ์ของตัวเอง แต่เขาก็ยอมรับว่าครั้งหนึ่งก็เคยเสพติดการอดอาหารจนกลายเป็นความกดดัน

“ครั้งหนึ่งผมเคยไม่กินอะไรนอกจากมันฝรั่งต้มกับเกลือหิมาลัยสีชมพูเป็นเวลา 2 สัปดาห์ มันเป็นการดีท็อกซ์อย่างหนึ่ง ซึ่งคุณจะน้ำหนักลดอย่างแน่นอน โดยส่วนตัวผมเคยลองทุกเทรนด์แฟชั่นที่คุณนึกออกแล้ว ไม่มีอะไรที่พอดีสักอย่าง และมันก็เป็นเรื่องค่อนข้างน่าอายที่ผมต้องตอบคำถามเกี่ยวกับการออกกำลังกายของผมเอง เพราะสุดท้ายก็จะมีผู้ชายที่มีรูปร่างดีกว่าผมเสมอแหละ”

Robert Pattinson

แพตทินสันเริ่มต้นการเป็นนักแสดงละครเวทีตอนอายุ 15 ปี และเข้าวงการตอนอายุ 17 ปีด้วยการรับบทเป็น เซดริก ดิกกอรี (Cedric Diggory) ใน ‘Harry Potter and the Goblet of Fire’ (2005) และแจ้งเกิดดังเปรี้ยงไปทั่วโลกจากการรับบทเป็น เอ็ดเวิร์ด คัลเลน (Edward Cullen) แวมไพร์หนุ่มในหนังแฟรนไชส์ ‘Twilight’ ก่อนจะได้รับการยอมรับในฝีมือการแสดง ทั้งในหนังอินดี้และหนังบล็อกบัสเตอร์คุณภาพหลายเรื่อง ทั้ง ‘The Lighthouse’ (2019), ‘Tenet’ (2020) และ ‘The Batman’ (2022)

แพตทินสันเองเคยพูดถึงความกังวลของเขาต่ออายุในอาชีพการงานของตัวเขาเองกับเว็บไซต์ GQ ในปี 2020 ซึ่งมาถึงตอนนี้คงไม่มีใครสงสัยอีกต่อไปแล้วว่า เขาจะมีที่ยืนและไปต่อยาว ๆ ในฮอลลีวูดได้ไหม “ปัญหาที่ผมค้นพบก็คือ ไม่ว่าผมจะชอบหนัง (อินดี้) ที่ผมแสดงมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครเห็นมันเลย มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะผมไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นได้จริงในอาชีพการงานของผม ผมไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วมีคนในอุตสาหกรรมนี้สักกี่คนกันที่ยังสนับสนุนผม โดยที่ผมยังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลย”

แพททินสันเล่ามุมมองของการหาตัวตน และการมีตำแหน่งแห่งที่ของตัวเองในฮอลลีวูด หรือแม้แต่การมีตัวตนในสังคมว่ามันเป็นเรื่องยากมากมายเพียงใด “ผมคิดอยู่ตลอดแหละว่า คุณจะมีช่วงชีวิตที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ด้วยการไม่มีอะไรทำและสิ้นหวัง และรู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แต่นั่นมันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแหละนะ” (หัวเราะ)


ที่มา: Interview, Entertainment Weekly, People

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส