เว็บไซต์ The Wrap เปิดเผยรายงาน Exclusive เกี่ยวกับเบื้องหลังกองถ่ายหนังแอ็กชันผจญภัยเทศกาลคริสต์มาส ‘Red One’ ที่ได้นักแสดงนำทั้ง ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson), คริส อีแวนส์ (Chris Evans) และ เจ.เค. ซิมมอนส์ (J.K. Simmons) ที่มารับบทเป็นซานตาคลอส รวมทั้งจอห์นสันยังรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ภายใต้บริษัทโปรดักชัน Seven Bucks Productions

ซึ่งแต่เดิมมีกำหนดฉายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปี 2023 แต่กลับต้องถูกเลื่อนไปฉายในเดือนพฤศจิกายนปี 2024 แทน ซึ่งนอกจากเหตุผลจากการหยุดงานประท้วง ยังมีสาเหตุภายในที่ยุ่งยากกว่านั้นมาก เนื่องจากการขาดความเป็นมืออาชีพของจอห์นสันในฐานะโปรดิวเซอร์ รวมทั้ง ฮิราม กราเซีย (Hiram Garcia) ผู้บริหารฝ่ายโปรดักชันของ Seven Bucks Productions รวมทั้งผู้บริหารด้านโปรดักชันของสตูดิโอ Amazon MGM Studios ที่ทำให้งบประมาณบานปลายมากกว่า 250 ล้านเหรียญ ซึ่งงบสูงถึงขนาดที่ว่าสามารถเอาไปทำหนังซูเปอร์ฮีโรได้สบาย ๆ

"สิ่งที่เขาทำได้อย่างสม่ำเสมออย่างเดียวก็คือการมาสาย"
Chris Evans and Dwayne Johnson in Red One

แหล่งข่าววงในเปิดเผยความไม่เป็นมืออาชีพของจอห์นสันกับ The Wrap ว่า เขามักจะมีพฤติกรรมมากองถ่ายสายอยู่เป็นประจำ และเขามักจะเดินทางเข้ามายังกองถ่ายหนัง ‘Red One’ สายประมาณ 7- 8 ชั่วโมง ทำให้ทีมงานมีโอกาสได้ถ่ายทำซีนของเขาได้เป็นบางวัน ชนิดที่ทีมงานใช้คำที่ว่า “สิ่งที่เขาทำได้อย่างสม่ำเสมออย่างเดียวก็คือการมาสาย”

นี่ไม่ใช่แค่พฤติกรรมการมาสายครั้งแรก แต่จอห์นสันมักจะมาสายมาตลอดหลาย ๆ ปี ทั้งการมาสายในกองถ่าย รวมทั้งถึงขนาดปฏิเสธการทำงานในกองถ่ายแบบเต็มวันเพื่อไปออกกำลังกาย 3 ชั่วโมง ซึ่งคนวงในอธิบายว่าเป็นเพราะเขาปฏิเสธที่จะทำงานเกิน 4-5 ชั่วโมงต่อวัน รวมทั้งการปรากฏตัวในงานอีเวนต์มวยปล้ำ WWE World ซึ่งเป็นงานอีเวนต์พบปะแฟน ๆ ก่อนการแข่งขันแมตช์หลักของศึก WrestleMania 40 ที่จอห์นสันก็ยังมาช้ากว่ากำหนดถึง 2 ชั่วโมง ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่นเผยว่า การมาสายทำให้แฟน ๆ ต่างส่งเสียงโห่ร้อง ในขณะที่คนวงในของ WWE อ้างว่าที่จอห์นสันมาสายเพราะติดภารกิจ รวมทั้งการจราจรที่ติดขัด

แหล่งข่าวผู้เป็นโปรดิวเซอร์ ที่ได้ไปเยี่ยมชมกองถ่ายซีรีส์ ‘Ballers’ (2015–2019) ของ HBO เปิดเผยว่า จอห์นสันมาสายแบบไม่สนสี่สนแปดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร “พวกเขาเช่าสถานที่สำหรับถ่ายทำนักแสดงคนอื่นเท่าที่พอจะทำได้มากที่สุด ในขณะที่พวกเขาต้องรอว่าดเวย์นจะเข้ามากองถ่ายหรือไม่” ในกองถ่ายซีรีส์ จอห์นสันมักจะมาสาย 3-4 ชั่วโมงอยู่เป็นประจำ ทำให้ทีมงานนับ 100 ชีวิตต้องรอเขาเพียงคนเดียว คนวงในอีกคนเผยว่า จอห์นสันเคยมากองถ่ายซีรีส์เรื่องดังกล่าวสายนานถึง 6 ชั่วโมง

ทีมงานคนหนึ่งของซีรีส์เล่าว่า แม้กองถ่ายจะเรียกนัดตั้งแต่ 7 โมงเช้า แต่จอห์นสันจะออกจากรถเทรลเลอร์เพื่อมาถ่ายทำอีกทีก็หลังบ่าย 3 โมงเข้าไปแล้ว และด้วยการทำงานยาวนานกว่า 14 ชั่วโมงในกองถ่าย ทำให้ทีมงานคนดังกล่าวผ่านคุณสมบัติในการสมัครทำประกันสุขภาพ

มีคนวงในบางคนเผยเพิ่มเติมว่า ในกองถ่ายหนัง ‘Rampage’ (2018) จอห์นสันมาสายบ่อยมากจนถึงขนาดที่ว่า มีนักแสดงคนหนึ่งที่คอยจดสถิติการมาสายของเขาโดยเฉพาะ อีกกรณีการมาสายที่โด่งดังก็คือ ในกองถ่ายหนัง ‘Fast & Furious’ วิน ดีเซล (Vin Diesel) มักจะมีปัญหากับเขา เพราะจอห์นสันมักจะมาสายในช่วงโปรดักชัน แถมบางครั้งเขาก็ไม่ยอมมาเข้ากองถ่ายเลยด้วยซ้ำ ทำให้โปรดักชันล่าช้าออกไปอีก

หรือแม้แต่ในกองถ่ายหนังแอ็กชันของ Netflix อย่าง ‘Red Notice’ แหล่งข่าววงในเผยว่า พฤติกรรมการมาสายของจอห์นสัน เคยทำให้นักแสดงร่วมอย่าง ไรอัน เรย์โนลด์ (Ryan Reynolds) ถึงกับทะเลาะกันยกใหญ่ หลังจากที่เขาเคยมากองถ่ายสายถึง 5 ชั่วโมง ก่อนที่จอห์นสันก็เดินออกจากกองถ่ายไป นักแสดงทั้ง 2 คนไม่ยอมพูดคุยกันอีกเลยมานานหลายปี จนกระทั่งพวกเขาเริ่มกลับมาคุยกันอีกครั้งเพราะ Netflix อนุมัติให้สร้างภาคต่อ ‘Red Notice’ แล้วตั้งแต่ปี 2022 แต่ความเคลื่อนไหวของโปรเจ็กต์ก็ยังมีอยู่น้อยมาก

ในระหว่างเปิดกล้อง ‘Red Notice’ ที่อยู่ในช่วงโรคระบาด จอห์นสันยังฝ่าฝืนกฏการกักตัว ด้วยการนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวกลับบ้าน คนวงในยังเล่าว่า เขาเคยโพสต์บ่นว่าตัวเขาเองเหนื่อยที่ต้องทำงาน 14 ชั่วโมงต่อวันก่อนจะลบโพสต์ไป ทีมงานคนหนึ่งเล่าว่า สาเหตุที่เขาต้องบินฝ่ากฏการกักตัวกลับบ้านเพราะว่าเขากลับไปเป็นเจ้าภาพในงานเลี้ยงบาร์บีคิวของครอบครัวและเพื่อนฝูง จนสุดท้ายพวกเขาก็ติดโควิด ซึ่งทีมงานคนนั้นมองว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันมองว่าเห็นแก่ตัวที่สุดเท่าที่นักแสดงคนหนึ่งจะเป็นได้”

หลังจากข่าวเปิดเผย โฆษกของ Amazon MGM Studios ได้ออกมาปฏิเสธต่อกระแสข่าวดังกล่าวว่า “ทั้ง ดเวย์น จอห์นสัน และ Seven Bucks ต่างก็เป็นพาร์ตเนอร์ที่ยอดเยี่ยมใน ‘Red One’ ซึ่งจะเป็นหนังที่ผู้ชมชื่นชอบในเทศกาลวันหยุดนี้ การฉายรอบ Screen Test เป็นไปอย่างดีมาก ๆ เห็นได้จากผลตอบรับในงาน CinemaCon และเราคงทำไม่ได้ หากปราศจากการทำงานและแรงสนับสนุนจากดเวย์นที่มีมาโดยตลอด ข่าวใด ๆ ที่บอกว่าเรามาถึงจุดนี้ได้ จากการที่เขามากองถ่ายสายไป 7-8 ชั่วโมงนับเป็นเรื่องเท็จที่ไร้สาระ”

ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าว 3 คนที่ไม่เปิดเผยชื่อ (เพราะถูกกลัวไล่ออก) ยืนยันว่า จอห์นสันนั้นมากองถ่ายสายไม่เกิน 1 ชั่วโมงเท่านั้น ในขณะที่การมาสายของเขาทำให้กองถ่าย ‘Red One’ ต้องเสียงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 50 ล้านเหรียญ

ในขณะที่แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับสตูดิโอ Amazon MGM Studios กล่าวว่า งบประมาณที่ทางสตูดิโออนุมัติมาให้หนังเรื่องนี้อยู่ที่ 250 ล้านเหรียญ และเป็นเรื่องปกติที่งบประมาณจะผันผวนราว ๆ 15% จากงบประมาณที่ตั้งเป้าเอาไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้ตามปกติ

ในกองถ่าย ‘Red One’ คนวงในคนหนึ่งได้เปิดเผยว่า วันใดที่จอห์นสันไม่ยอมมาเข้ากองถ่ายเลย ทีมงานโปรดักชันถูกบังคับให้ถ่ายนักแสดงคนอื่น ๆ ไปพลางก่อน ทีมงานคนหนึ่งถึงกับกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “แม่-คือหายนะของแท้” และ “ดเวย์นเป็นคนที่แม่-ไม่สนใจเหี้-อะไรเลยจริง ๆ “

ชอบฉี่ใส่ขวด Voss ให้ทีมงานเอาไปทิ้งบ่อย ๆ
Dwayne Johnson in Red One

อีกพฤติกรรมสุดอี๋ก็คือ ในกองถ่าย ‘Red One’ จอห์นสันมักมีนิสัยชอบปัสสาวะใส่ขวดน้ำเพื่อต้องการจะประหยัดเวลา จนทำให้ทีมงานไม่พอใจอย่างมาก แหล่งข่าววงในคนหนึ่งเล่าว่า “ในกองถ่ายที่อยู่ไกลจากรถเทรลเลอร์ หากเขาจำเป็นต้องฉี่ เขาก็จะไม่ยอมไปเข้าห้องน้ำสาธารณะ แต่เขาจะฉี่ใส่ขวดน้ำ Voss แล้วให้ทีมงานหรือผู้ช่วยส่วนตัวเอาไปทิ้งหรือกำจัด”

มีการเปิดเผยว่า จอห์นสันมีพฤติกรรมชอบปัสสาวะใส่ขวดน้ำมาตั้งแต่ปี 2017 โดยเขาเคยให้เหตุผลว่า เป็นเพราะเขามักจะชอบปวดปัสสาวะบ่อย ๆ ทำให้เขาต้องเข้าห้องน้ำบ่อยมาก โดยเฉพาะเวลาออกกำลังกายทุกครั้ง เขาจึงมักจะปัสสาวะใส่ขวดทุกครั้ง ในขณะที่มีแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับโปรดักชันเผยว่าจอห์นสันไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ และเขาไม่เคยขอให้คนอื่นเอาปัสสาวะในขวดไปทิ้งแต่อย่างใด

ล็อบบี้ Warner Bros. Discovery ส่งคนคุม DC Studios
'Red Notice' Ryan Reynolds Dwayne Johnson-03

พฤติกรรมอีกอย่างของจอห์นสันที่เปิดเผยในบทความเดียวกันของ The Wrap ก็คือการพยายามล็อบบี้ Warner Bros. Discovery เพื่อส่งคนเข้าไปควบคุม DC Studios โดยในปี 2022 จอห์นสัน และ แดนี การ์เซีย (Dany Garcia) โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ และอดีตภรรยาของเขา ได้เข้าประชุมพูดคุยกับ เดวิด ซาสลาฟ (David Zaslav) CEO ของ Warner Bros. Discovery ที่เพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่ง หลังจากปรับโครงสร้างองค์กร (หลังการควบรวมกิจการ) ได้ไม่นาน

โดยแหล่งข่าววงในเผยว่า ทั้งจอห์นสันและการ์เซีย พยายามจะล็อบบี้ให้ Seven Bucks Productions ได้เข้าไปควบคุมแผนก DC Films และส่งฮิราม ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชายของแดนี เข้าไปเป็นประธานของ DC Films แทนที่ประธานในเวลานั้นอย่าง วอลเตอร์ ฮามาดะ (Walter Hamada) ในขณะที่ทาง Seven Bucks เองก็ปฏิเสธว่า เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ ‘Black Adam’ เท่านั้น

ซึ่งในระยะเวลานี้ เขามีส่วนผลักดันให้ เฮนรี คาวิลล์ (Henry Cavill) กลับมารับบท Superman ด้วยการเพิ่มบทเข้าไปในเครดิตท้ายของ ‘Black Adam’ (2022) และยังผลักดันให้มีการสร้าง ‘Man of Steel’ รวมทั้งวางแผนให้ Black Adam ได้ปะทะกับ Superman ในอนาคต ซึ่งคาวิลล์มารับบท Superman แบบสัญญาใจ โดยไม่ได้มีการเซ็นสัญญาใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะต้องการรอดูผลตอบรับจาก ‘Black Adam’ ก่อน

ในเวลานั้น คาวิลล์เองก็มีดานีคอยเป็นผู้จัดการส่วนตัวเช่นเดียวกับจอห์นสันด้วย แต่สุดท้ายด้วยความที่ ‘Black Adam’ ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ Seven Bucks จึงได้ถอนตัวออกไป และ Warner Bros. Discovery ก็ตัดสินใจเลือก เจมส์ กันน์ (James Gunn) และ ปีเตอร์ ซาฟราน (Peter Safran) มารับหน้าที่ผู้บริหารของ DC Films ที่เปลี่ยนชื่อเป็น DC Studios ในภายหลัง

ฮิราม ที่ปัจจุบันเป็นผู้บริหารฝ่ายโปรดักชันของ Seven Bucks Productions เริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของจอห์นสันในกองถ่ายหนัง ‘The Scorpion King’ (2002) ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกของจอห์นสัน ก่อนที่เขาจะกลับไปเป็นผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณา และกลับมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของจอห์นสัน โดยเฉพาะการเตรียมอาหารให้กับนักแสดงแบบเต็มเวลา

คนวงในของ Universal Pictures ให้ข้อมูลว่า ฮิรามได้รับเครดิตเป็น Creative Assistant หรือ ผู้ช่วยฝ่ายสร้างสรรค์ ในหนัง ‘Fast Five’ (2011) ทั้งที่เขาเองมีหน้าที่เพียงแค่การเป็นผู้ช่วยส่วนตัวให้กับจอห์นสัน จนกระทั่งเขาได้รับการเสนอชื่อเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายโปรดักชันของ Seven Bucks ในปี 2017 ในขณะที่มีคนวงในที่ติดต่อกับฮิรามหลายคนเผยว่า เขาไม่ได้มีความสามารถในงานด้านโปรดักชันอย่างเป็นรูปธรรมมากนัก

แม้ชื่อของเขาจะมีตัวย่อ p.g.a. ที่ย่อมาจาก สมาคมผู้อำนวยการสร้างแห่งอเมริกา (Producers Guild of America) ห้อยท้าย รวมทั้งการมีเครดิตเป็นถึง Executive Producer ให้กับหนังหลายเรื่อง รวมทั้งหนังที่ไม่เกี่ยวข้องกับจอห์นสัน เช่น ‘Shazam!’ (2019)

โฆษกของ Amazon MGM Studios ยังได้โต้แย้งข้อกล่าวหาถึงความไม่เป็นมืออาชีพของฮิรามว่า “ฮิราม การ์เซีย คือผู้สร้างแนวคิดดั้งเดิมของหนังเรื่องนี้ (‘Red One’) รวมทั้งยังเป็นผู้อำนวยการสร้างที่ขยัน มีความสามารถ และกระตือรือร้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งนำประสบการณ์มากมายมาสู่การผลิตของเรา”

แต่คนวงใน 2 คนเล่าถึงความสามารถของฮิรามว่า “ฮิรามเองไม่ค่อยรู้ตารางงานในโปรเจ็กต์ของเขาเอง แทนที่จะพึ่งพาผู้ช่วยหรือโปรดิวเซอร์คนอื่น ๆ ในการติดตามตารางงานการถ่ายทำ” และ “เขาควรจะรู้วิธีการติดตามกำหนดการและงบประมาณ แต่ฉันไม่เห็นเขาสนใจจะทำแบบนั้นเลย”

“ฮิรามแค่เปลี่ยนงานจากการทำโปรตีนเชคให้ดเวย์น มาบริหารงานบริษัทของเขาก็เท่านั้นเอง” คนวงในของ Universal Pictures เผย