หลังจากที่พ่อหมี คริส เฮมส์เวิร์ธ (Chris Hemsworth) นักแสดงชาวออสเตรเลีย เสร็จสิ้นการสวมบทบาทเทพเจ้าสายฟ้า ธอร์ (Thor) ในหนัง ‘Thor: Love and Thunder’ (2022) ของ Marvel Studios ก็มีข่าวออกมาว่า เขากำลังจะเตรียมหยุดพักการแสดง และหันไปโฟกัสด้านการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง รวมทั้งใช้เวลาอยู่กับครอบครัวที่ออสเตรเลียให้มากขึ้น หลังจากที่มีข่าวว่า เขาตรวจพบยีนเสี่ยงที่ทำให้เขามีแนวโน้มเป็นโรคอัลไซเมอร์มากกว่าคนปกติ 8-10 เท่า

เฮมส์เวิร์ธที่แม้ตอนนี้ตั้งใจจะลดการรับงานแสดงลง แต่ปีนี้ก็ยังได้เห็นผลงานของเขาทั้งการพากย์เสียงเป็นออเรียน แพ็กซ์ (Orion Pax) หรือออปติมัส ไพรม์ (Optimus Prime) ในหนังแอนิเมชัน ‘Transformers One’ และการรับบทเป็น ดีเมนทัส (Dementus) ในหนังสปินออฟ ‘Furiosa: A Mad Max Saga’ โดยได้ให้สัมภาษณ์ใน Vanity Fair ฉบับล่าสุด เพื่อเคลียร์ข่าวที่สื่อหลายหัวเอาเรื่องที่เขา ‘พบแนวโน้ม’ ว่าจะเป็นโรคอัลไซเมอร์ไปบิด และประโคมพาดหัวทำนองว่า เขากำลังจะเกษียณงานการแสดง เพราะเขากำลัง ‘เผชิญ’ โรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นข่าวเท็จที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

“มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ ครับ เพราะมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่า ผมเป็นคนที่อ่อนไหวกับเรื่องส่วนตัว แล้วก็แชร์เรื่องนี้ออกไป ไม่ว่าผมจะคอยพูดมากแค่ไหนว่า ‘นี่ไม่ใช่โทษประหารชีวิตสักหน่อย’ แต่เรื่องกลายเป็นว่า ผมกำลังป่วยโรคสมองเสื่อม และผมกำลังจะทบทวนชีวิต กำลังจะเตรียมเกษียณ โน่นนี่นั่น”

Chris Hemsworth in Extraction 2

“มีความคิดเห็นที่ผมอ่านมาจากด้านล่างของบทความอันหนึ่งที่ผมอ่านแล้วรู้สึกตลกมาก เขาเขียนว่า ‘ฉันหวังว่าคริสคงจะลืมว่าเขากำลังเกษียณ และจะกลับมาอีกครั้ง'”

ในระหว่างถ่ายทำซีรีส์สารคดี ‘Limitless with Chris Hemsworth’ ของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก (National Geographic) ที่ออกอากาศทาง Disney+ เฮมส์เวิร์ธรับหน้าที่เป็นโฮสต์พาผู้ชมไปพบกับงานวิจัย การทดสอบ และออกผจญภัย เพื่อค้นหาวิธีการต่อสู้กับความแก่ชรา และดึงเอาศักยภาพสูงสุดของมนุษย์ออกมาให้ได้

แต่ที่ตลกร้ายก็คือ ในตอนที่ 5 ของสารคดี เฮมส์เวิร์ธได้เข้ารับการทดสอบเกี่ยวกับระบบสมองและความจำ รวมทั้งยังมีการตรวจเลือด แต่กลายเป็นว่า แพทย์ได้แจ้งผลตรวจว่า มีการพบยีน APOE4 (เอโปอี 4) หนึ่งคู่ ซึ่งเป็นยีนที่พบได้ในผู้ป่วยอัลไซเมอร์อย่างน้อย 1 ตัว

แต่กลับพบว่า เฮมส์เวิร์ธมียีนนี้อยู่เป็นคู่ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดพันธุกรรมจากพ่อและแม่ ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยเพียง 2-3% ทำให้ผู้ที่พบยีนนี้ มี ‘แนวโน้ม’ ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์สูงกว่าผู้ป่วยทั่วไป 8 -10 เท่า ซึ่งพ่อของเขาก็มียีนนี้ รวมทั้งปู่ของเขาที่จากไปในปี 2023 ก็ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์เช่นกัน

หลังจากที่ ‘Thor: Love and Thunder’ (2022) เข้าฉาย เฮมส์เวิร์ธจึงเริ่มเปิดเผยกับสื่อว่า เขากำลังเตรียมตัวที่จะหยุดพักการรับงาน แต่ด้วยข่าวที่ฮือฮาในเวลานั้น ทำให้มีพาดหัวข่าวออกมาว่า เขากำลังเผชิญโรคอัลไซเมอร์ และกำลังเตรียมตัวเกษียณจากงานแสดงแทน

เขาเคยให้สัมภาษณ์กับ Men’s Health ว่า เขาเริ่มออกกำลังกายด้วยการทำคาร์ดิโอให้มากขึ้น รวมทั้งเริ่มใช้เวลาอยู่กับตัวเองอย่างมีสติ และจัดลำดับความสำคัญของการนอนหลับมากยิ่งขึ้น

ข่าวลือหนาหูขึ้นจนเฮมส์เวิร์ธต้องออกมาปิดข่าวลือด้วยตัวเองว่า เขายังไม่ได้ต้องการจะเกษียณตัวเองและออกจากฮอลลีวูด แต่เขาต้องการที่จะพักผ่อนจากการทำงานแสดง เนื่องจากความเหนื่อยล้า และต้องการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น และโรคร้ายนี้ก็ทำให้เขาเริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเอง รวมทั้งอาชีพนักแสดงของเขามากขึ้นกว่าเดิมต่างหาก

Chris Hemsworth in Furiosa A Mad Max Saga

“ผมคิดว่านี่เป็นครั้งแรกในอาชีพที่ทำให้ผมเริ่มคิดว่า เ-ี่ย นี่ยังเหลือเวลาที่จะทำสิ่งนี้ไปได้อีกกี่ปีวะ ? เมื่อวานผมนั่งดูรายชื่อหนังกับหุ้นส่วนของผม รายการที่ผมอยากจะทำ แล้วผมก็แบบว่า ‘เหลือหนังอีก 6 เรื่อง’ ซึ่งอาจจะเสร็จสักประมาณทศวรรษหน้า ถึงตอนนั้นผมอาจจะป่วยขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้ ถึงตอนนั้นใครจะไปรู้”

ปัจจุบันเฮมส์เวิร์ธและครอบครัวที่ประกอบไปด้วย ภรรยา เอลซา พาทากี (Elsa Pataky) นักแสดงและนางแบบชาวสเปน และลูก ๆ 3 คน ได้แก่ อินเดีย โรส (India Rose) ลูกสาวคนโต และลูกชายฝาแฝด ซาชา (Sasha) และทริสตัน (Tristan) อาศัยอยู่ที่บ้านในอ่าวไบรอน (Byron Bay) รัฐนิวเซาท์เวลส์ (New South Wales) ประเทศออสเตรเลีย เฮมส์เวิร์ธให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ไว้กับ Entertainment Weekly เมื่อปี 2023 ว่า

“เป็นเรื่องที่น่าสนใจนะครับ เพราะพาดหัวข่าว 2 อันนี้มันเชื่อมโยงกันพอดี ผมเกษียณงานเพราะความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้เป็นโรคอัลไซเมอร์”

“คือผมก็ยอมรับว่า ประสบการณ์ครั้งนั้น และรายการนั้น (สารคดี ‘Limitless’) มันทำให้ผมรู้สึกว่า ‘ว้าว คนเรานี่ไม่มีใครจะอยู่ยงคงกระพันได้เลยนะ’ มันทำให้ผมรู้สึกแย่กับช่วงเวลาเหล่านั้น ผมเริ่มถามคำถามที่ใหญ่ขึ้น มันทำให้ผมคิดได้ว่า ‘ผมคงต้องช้าลง สัมผัสกับประสบการณ์ตรงหน้าให้มาก และไม่ต้องออกแรงแข่งขันเหมือนกับหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา’ นี่แหละคือแง่บวกที่ผมมีต่อสิ่งเหล่านี้”

“จนกระทั่งมีข่าวเหมือนกับว่า ผมกำลังจะเกษียณงานแล้วเพราะด้วยเรื่องนี้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องจริงเลย แล้วผมก็คิดว่ามันดราม่ามากเกินไปหน่อย”