กฎของแรงดึงดูด (Law Of Attraction) เป็นหนึ่งในศาสตร์ที่ใช้ในการดูแลจิตใจตัวเอง และเป็นศาสตร์แห่งการฝึกจิตเพื่อดึงดูดเรื่องราวในแง่บวกที่มีการเผยแพร่มาอย่างยาวนานแล้ว แต่เรื่องราวของกฎแห่งแรงดึงดูด มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับการเผยแพร่ในวงกว้างมากขึ้น จากการถือกำเนิดของ หนังสือ How -To ชื่อดังอย่าง “The Secret” ผู้แต่ง Rhonda Byrne ซึ่งวันนี้เราจะนำเนื้อหาที่เกี่ยวกับ กฎของแรงดึงดูด มาย่อให้สั้นลง และนำเสนอวิธีใช้กฎนี้แบบง่ายดายที่สุด ให้คุณได้ทำความรู้จักกัน

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นผลพวงมาจากสิ่งที่เราคิด

แนวคิดของกฎนี้มีอยู่ว่า เมื่อคุณจดจ่อจิตอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จนส่งผลทำให้เกิดอารมณ์อย่างเข้มข้นต่อเรื่องนั้น  สิ่งนี้จะสร้างแรงดึงดูดที่ดึงดูดสิ่งที่คุณคิดเข้ามาหาคุณ ซึ่งจะมีการดึงดูดทั้งสิ่งดีและสิ่งที่ไม่ดี ไม่มีการเลือกปฏิบัติใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ข่าวดีก็คือ คุณสามารถเลือกเรื่องที่คุณคิดถึงและมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งที่คุณคิดได้ ดังนั้นหัวใจหลักของกฎนี้จึงเน้นย้ำให้คุณนึกถึงแต่สิ่งที่คุณต้องการ และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่คิดถึงสิ่งที่คุณไม่ต้องการ เท่านั้น

กฎของแรงดึงดูด (Law Of Attraction) ใช้กับเรื่องอะไรได้บ้าง? 

กฎนี้เป็นกฎที่ใช้ได้กับทุกเรื่องราวของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความรัก การงาน การเงิน ครอบครัว ความสัมพันธ์คู่รัก ความสัมพันธ์กับเพื่อน การปรับปรุงดูแลสุขภาพใจ ปรับปรุงดูแลรูปร่างของตนเอง การเป็นนิสัยให้เป็นคนที่ดีขึ้นในเรื่องที่คุณต้องการการเป็น เช่น มีความขยัน มีความมุมานะ มีความอดทนมากขึ้น เปลี่ยนนิสัยจากคนที่ขี้หงุดหงิดกลายเป็นคนที่มีอารมณ์เย็นขึ้น มองโลกในแง่ดีมากขึ้น และอื่น ๆ ตามที่คุณปรารถนา พูดง่าย ๆ การฝึกปฏิบัติกฎนี้อยู่เป็นนิจ จะสามารถเปลี่ยนมายด์เซ็ต และเปลี่ยนชีวิตของคุณได้เลย  

วิธีใช้กฎแห่งแรงดึงดูด 3 ขั้นตอนง่าย ๆ 

คราวนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการใช้งานกฎแห่งแรงดึงดูด 3 ขั้นตอนง่าย ๆ กัน โดยให้คุณท่องจำวิธีใช้งานเอาไว้ง่าย ๆ ว่า “ขอ / เชื่อ / รับ”

1. ขอ

คำว่าขอในที่นี่ คุณจะจดลงบนกระดาษหรือจะพูดออกมาก็ได้ โดยเป็นการพูดขอในสิ่งที่คุณต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ฉันขอให้ลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม ภายในระยะเวลา 1 เดือน ฉันขอให้ฉันเป็นคนที่โชคดีถูกหวยบ่อยมาก ๆ ฉันขอให้ฉันสอบผ่านวิชา ภาษาอังกฤษได้เกรดดี ๆ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ แต่จะต้องเป็นเรื่องในแง่บวก เรื่องที่ดีมีความหวังเท่านั้น ไม่ขอเรื่องที่จะทำร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นตกอยู่ในความทุกข์ เพราะอย่าลืมว่าสิ่งนี้จะย้อนกลับมาหาคุณเอง 

2. เชื่อ

หลังจากที่คุณขอไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงขั้นตอนของการใส่ศรัทธาเข้าไปในเรื่องที่คุณขอ เพราะการขอหรือการพูดออกมาเพียงอย่างเดียว ไม่มีพลังเข้มข้นพอที่จะทำให้กฎแห่งแรงดึงดูดนั้นทำงาน โดยคุณจะต้องใส่ “ความเชื่อ” เข้าไปด้วย ซึ่งขั้นตอนนี้คุณสามารถใช้เทคนิคในการดูรูปภาพ ใช้เทคนิคในการอ่านเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อทำให้คุณเกิดอารมณ์ที่เข้มข้นได้ 

เช่น คุณต้องการลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัมภายใน 1 เดือน ให้คุณดูรูปหุ่นที่คุณต้องการ ดูคลิปออกกำลังกายที่มีเทรนเนอร์หุ่นดี ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และทำให้ตัวเองเชื่อว่า คุณก็มีรูปร่างแบบนี้ได้ หรือ คุณต้องการมีแฟนที่ดี ก็ให้คุณอ่านเรื่องราวที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ดี ความสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับคู่แท้ เพื่อดึงจิตของคุณให้เชื่อเรื่องของความรักที่ซื่อสัตย์ และคุณเองก็คู่ควรแก่การมีความรักที่ดีเช่นกัน

3. รับ 

ขั้นตอนนี้คือขั้นตอนของ “การปล่อยวาง” เป็นการปล่อยวางให้ตัวคุณเองเชื่อว่า คุณได้รับสิ่งที่คุณต้องการแล้ว ทำให้คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดความรู้สึกอยากได้ อยากมี หรืออยากเป็น เพราะคุณ “ได้รับแล้ว” ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องการลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม ให้คุณบอกตัวเองว่าฉันมีน้ำหนัก 5 กิโลกรัมเรียบร้อยแล้ว หรือในกรณีที่คุณต้องการ คู่แท้ ที่จะเข้ามาเติมเต็มชีวิตให้กับคุณ ให้คุณส่งพลังออกไปว่า ฉันมีความสุขมากกับการได้เจอคู่แท้ที่ตามหามานานสักที พยายามบอกให้ตัวเองเชื่อให้ได้ว่าคุณได้รับสิ่งที่คุณต้องการแล้ว

สุดท้าย “ลงมือทำ”

ถึงแม้หลาย ๆ คนอาจจะมองว่ากฎแห่ง เป็นกฎที่พิเศษหรือทรงพลังมากแค่ไหน แต่กฎนี้จะเข้ามาทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นเพียงแค่ 50% แต่อีก 50% คุณจะต้องลงมือทำเองเช่น คุณอยากจะลดน้ำหนัก คุณก็จะต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ พยายามออกกำลังกาย ไปพร้อม ๆ กับทัศนคติที่ดีต่อตัวเองในแง่บวก 

หรือในกรณีที่คุณผิดหวังในเรื่องของ ความรักมามาก คุณอยากจะเจอคนที่ใช่จริง ๆ ให้คุณละทิ้งความล้มเหลวที่เกี่ยวกับความรักทั้งหมดทิ้งไป แล้วบอกตัวเองว่าคุณสมควรที่จะมีความสุข คุณคู่ควรกับการมีความรักที่ดี ทำตัวเองให้สดชื่นสดใส และอย่านำเรื่องราวในอดีตหรือเรื่องราวในแง่ลบเข้ามาใส่สมองของตัวเองเด็ดขาด

สรุป กฎแห่งแรงดึงดูดก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการปรับ Mindset ในเรื่องที่เป็นบวก ซึ่งในบางครั้งอาจจะมีความคิดในแง่ลบแว้บเข้ามาในสมองบ้างเป็นเรื่องปกติ เหมือนกับการฝึกสมาธิใหม่ ๆ ดังนั้นขอให้คุณพยายามดึงจิตของตัวเองให้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่คุณต้องการอยู่เรื่อย ๆ ตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้วฝึกฝนเป็นประจำ สิ่งนี้จะทำให้ทัศนคติของคุณดีขึ้นได้ จะทำให้คุณมองตัวเองในแง่ที่ดีขึ้น ปล่อยวางได้มากขึ้น และสิ่งที่จะตามมาคือ “ความสุขและความสำเร็จ” อย่างที่คุณต้องการ  

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ OOCA (อูก้า) ปรึกษาปัญหาใจ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส