ท่า 69 (69ing) เป็นท่าในการมีเซ็กส์มาตรฐาน แต่น่าตื่นเต้นที่คู่รักและคู่นอนหลายคู่น่าจะเคยทำ ในท่านี้ส่วนมากจะเป็นการทำออรัลเซ็กส์ (Oral sex) หรือการทำรักด้วยปากให้กันและกัน ซึ่งคุณสามารถเป็นผู้มอบและผู้รับความสุขได้ในเวลาเดียวกัน แม้ว่าการพูดเรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นทะลึ่งตึงตัง แต่การทำท่า 69 นั้นมีข้อมูลที่น่าสนใจในหลายมิติ ทั้งในแง่ของสุขภาพ ความสัมพันธ์ และความรู้รอบตัว ในบทความนี้คุณจะได้รู้เรื่องเหล่านั้น

8 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับท่า 69

เรื่องเซ็กส์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว การรู้เรื่องราวเกี่ยวกับท่านี้อาจช่วยให้คุณเห็นมุมมองใหม่ ๆ ในการมีเซ็กส์

1. ท่า 69 ถูกตั้งชื่อโดยชาวฝรั่งเศสในปี 1790s โดยมีชื่อในภาษาฝรั่งเศสว่า Soixante-Neuf

2. ท่า 69 มีบันทึกอยู่ในตำรากามาสุตรา (Kama Sutra) ของชาวฮินดูโบราณ

กามสูตรหรือกามาสุตรา บันทึกเรื่องราว ท่าทาง และขนบในการร่วมรักของชาวฮินดูโบราณ ซึ่งเป็นเอกสารเก่าแก่ที่สุดฉบับหนึ่งของโลก คาดว่าถูกเขียนขึ้น 300–400 ปีก่อนคริสตกาล โดยท่า 69 ถูกบันทึกไว้ในชื่อ Congress of Crow

3. ท่า 69 มีหลายรูปแบบ

ท่า 69 แบบดั้งเดิมจะเป็นฝ่ายหญิงอยู่ข้างบน (Classic/Traditional 69ing) แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าใครจะอยู่บนอยู่ล่างก็สนุกได้เหมือน แต่นอนจากการนอนราบแล้ว คุณยังสามารถทำท่า 69 ในรูปแบบอื่นเพื่อเพิ่มอรรถรสได้ด้วย

  • ท่า 69 แบบตะแคง
  • ท่า 69 แบบยืน ท่านี้ต้องอาศัยความแข็งแรงและความระมัดระวัง
  • ท่า 69 แบบนั่ง คนหนึ่งนั่งบนโซฟา และอีกฝ่ายยืนคร่อมหันหน้าไปทางเดียวกัน แล้วก้มลงมา
  • ท่า 69 แบบใช้เซ็กส์ทอยให้กับอีกฝ่าย

4. ส่วนสูงและน้ำหนักมีผลในการทำ 69

หลายคนน่าจะเคยได้ยินว่าส่วนสูงไม่มีผลในที่ราบ แต่สำหรับท่า 69 มีผล ถ้าหากทั้ง 2 ฝ่ายมีส่วนสูงต่างกัน ซึ่งอาจสร้างความลำบากในการทำท่านี้ได้ สำหรับคนที่รูปร่างใหญ่หรือมีน้ำหนักตัวมาก แนะนำว่าเป็นฝ่ายที่อยู่ด้านล่างจะปลอดภัยกว่า หรือเปลี่ยนเป็นท่า 69 แบบนอนตะแคงแทน

5. ท่า 69 ช่วยลดปัญหาเรื่องบนเตียง

แม้จะเป็นท่ามาตรฐานและก็มีประโยชน์ต่อกิจกรรมบนเตียงไม่น้อย เพราะคุณสามารถเป็นผู้มอบและผู้รับความสุขได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งการทำท่านี้จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลาย ลดความตื่นเต้นและกังวลที่อาจทำให้น้องชายไม่แข็งในผู้ชาย และเจ็บช่องคลอดในผู้หญิง

6. ท่า 69 เพิ่มโอกาสในการถึงจุดสุดยอดของฝ่ายหญิง

ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ยากและใช้เวลานานกว่าผู้ชายหลายเท่า แต่การทำออรัลเซ็กส์ ร่วมกับการใช้มือในท่า 69 สามารถช่วยกระตุ้นจุดศูนย์รวมเส้นประสาทของผู้หญิงได้มากกว่า โดยเฉพาะบริเวณปุ่มคลิตอริส (Clitoris) นอกจากนี้ ท่า 69 ยังเป็นการเล้าโลมที่ดีที่มีส่วนช่วยให้ฝ่ายหญิงเสร็จมากขึ้นเมื่อสอดใส่

7. ท่า 69 ช่วยให้คู่รักสื่อสารและเข้าใจกันมากขึ้น

ในระหว่างท่านี้ ปากของคุณและแฟนอาจไม่ว่างมากพอที่จะสื่อสารกันด้วยคำพูด แต่มือและร่างกายที่สัมผัสกันอย่างแนบชิดจะช่วยสื่อสารและประสานความรู้สึกของคุณแทน ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความสนุก ความรู้สึกที่ดี หรือจะเป็นการสื่อสารเพื่อควบคุมจังหวะ ตำแหน่ง และความเร็วในการทำรัก

8. ท่า 69 มีความเสี่ยงในการทำ

การมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะภายนอกภายในล้วนมีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น หากคุณกับคู่ของคุณเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน อย่าลังเลที่จะสวมถุงยางอนามัย แม้แต่ในการออรัลเซ็กส์เพื่อลดความเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เอชพีวี ซิฟิลิส เริม และหนองในที่ติดได้แม้ไม่สอดใส่

สำหรับการทำให้ฝ่ายหญิง ปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Dental dam หรือแผ่นยางอนามัยที่ใช้เพื่อการออรัลให้กับฝ่ายหญิงอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ การทำท่า 69 แบบยืนเป็นท่าที่มีความเสี่ยง เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติได้ ถ้าไม่แน่จริง แข็งแรงจริง อย่าหาทำ สำหรับมือใหม่แนะนำว่าทำแบบค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า

และนี่คือเรื่องราวของท่า 69 ที่ไม่รู้ก็ได้ แต่รู้ไว้ก็ดี และอยากให้คุณนึกถึงเสมอว่าสิ่งสำคัญในการทำท่า 69 หรือในการมีเพศสัมพันธ์ คือ ความสบายและผ่อนคลายของทั้ง 2 ฝ่าย และความปลอดภัย

ที่มา: Insider, Manmatters

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส