คริสตอฟเฟอร์ คอช (Kristoffer Koch) ชายชาวนอร์เวย์ ถือเป็นผู้ที่เข้าสู่โลกของ Bitcoin ตั้งแต่ยุคบุกเบิกอย่างแท้จริง โดยในปี 2009 ขณะที่เขามีอายุเพียง 25 ปี เขาได้ตัดสินใจลงทุนซื้อ Bitcoin จำนวน 5,000 เหรียญ ด้วยเงินเพียง 22 เหรียญ(ราว 900 บาท ในขณะนั้น) โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้ในการทำวิทยานิพนธ์เรื่องการเข้ารหัส แต่แล้วเขาก็ลืมเรื่องการลงทุนนี้ไปโดยสิ้นเชิงตลอดหลายปีที่ผ่านมา
จนกระทั่งสี่ปีต่อมา เมื่อราคาของ Bitcoin ได้เริ่มพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เขาจึงนึกขึ้นได้ถึงกระเป๋าสตางค์คริปโตที่ถูกลืมไป เมื่อคอชสามารถกู้รหัสผ่านกลับมาและเข้าสู่บัญชีได้สำเร็จ เขาต้องตกตะลึงกับตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าจอ
เพราะการลงทุนเพียง 22 เหรียญของเขาในวันนั้น ได้เพิ่มมูลค่าขึ้นเป็นสูงถึง 850,000 เหรียญในปี 2013 ซึ่งเทียบเท่ากับการได้เงินที่ถูกลืมอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ท แต่เป็นเงินที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดฝันไว้มาก
คอชให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นในปี 2013 ว่า “ผมไม่เคยคิดฝันเลยว่า [Bitcoin] จะพุ่งสูงขึ้นขนาดนี้” และเขายังกล่าวอีกว่า “มันแปลกประหลาดมาก กับปฏิกิริยาทางจิตวิทยาที่ทำให้เราผูกคุณค่าเข้ากับสิ่งที่ไม่เคยมีคุณค่าในตัวมันเอง” เขาตัดสินใจขาย Bitcoin ออกไปประมาณหนึ่งในห้าของจำนวนที่ถือครองอยู่ ซึ่งเงินกำไรที่ได้นั้นมากพอที่จะทำให้เขาสามารถซื้ออพาร์ตเมนต์ในกรุงออสโลได้ทันที
เรื่องราวของคอชเป็นตัวอย่างคลาสสิกของ “ผู้ชนะ” ในโลกคริปโต ที่เกิดจากความบังเอิญและความอดทนในการถือครองในระยะยาว (HODL) โดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่คอชเป็นผู้ชนะ แต่ก็มีเรื่องราวในมุมกลับที่น่าเศร้าไม่แพ้กัน
ตรงกันข้ามกับคอช นักธุรกิจชาวสวิสที่ชื่อว่า สเตฟาน โทมัส (Stefan Thomas) ก็ได้รับ Bitcoin มาตั้งแต่ปี 2011 และมูลค่าของมันก็พุ่งสูงขึ้นอย่างมากเช่นกัน โดยทรัพย์สินในกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลของเขามีมูลค่าสูงถึง 790 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (โดยประมาณ) ในปัจจุบัน แต่เรื่องน่าเศร้าคือ โทมัส ลืมรหัสผ่าน ในการเข้าสู่กระเป๋าสตางค์ของเขา
ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ กระเป๋าเงินดิจิทัลของโทมัส ซึ่งเก็บไว้ในอุปกรณ์ IronKey ที่มีความปลอดภัยสูง จะอนุญาตให้พยายามใส่รหัสผ่านได้เพียง 10 ครั้งเท่านั้น ก่อนที่จะล็อกและลบข้อมูลทั้งหมดอย่างถาวร ซึ่งโทมัสได้ลองรหัสไปแล้วถึง 8 ครั้ง โดยเหลือโอกาสอีกเพียง 2 ครั้งสุดท้ายเท่านั้นก่อนที่จะสูญเสียทรัพย์สินมหาศาลนี้ไปตลอดกาล