จากเหตุการณ์นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย และ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร่วมลงนามใน MOU แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) จุดเริ่มต้นของการสร้างความร่วมมือในการค้นหาและลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญมาก ๆ ในด้านเทคโนโลยี 

คำถามคือ ทำไมแร่แรร์เอิร์ธ คืออะไร สำคัญแค่ไหนกับโลกใบนี้ ?

ทำไมแร่แรร์เอิร์ธ ถึงได้รับความสนใจ ?

แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth Elements – REEs) หรือที่เรียกกันติดปากว่า แร่หายาก คือกลุ่มโลหะพิเศษจำนวน 17 ชนิด ที่มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า กังหันลม หลอด LED แบตเตอรี่ แม่เหล็กถาวรประสิทธิภาพสูง สารเรืองแสง และอุปกรณ์ทางการแพทย์

แม้ว่าจะได้ชื่อว่า แรร์ ที่แปลว่าหายาก แต่จริง ๆ หาไม่ยากเลย สามารถพบได้ตามชั้นหินบนเปลือกโลก แต่ที่หายากจริง ๆ คือการได้แร่ในรูปบริสุทธิ์ เพราะต้องผ่านกระบวนการแยกสกัดและถลุงหลายขั้นตอน ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและต้นทุนสูง แถมยังผลิตมลพิษจำนวนมากเข้าสู่สิ่งแวดล้อม เช่น น้ำเสีย สารหนู หรือโลหะหนัก จึงไม่ใช่ทุกประเทศที่อยากจะตั้งโรงงานผลิตแร่ประเภทนี้ไว้ในบ้านตัวเอง 

ใครที่สามารถขุดขึ้นมาได้เยอะ ก็สามารถคุมอำนาจต่อรองในระดับโลกได้ เหมือนตอนที่สหรัฐฯ​ ทำสงครามการค้ากับจีนด้วยการขึ้นกำแพงภาษี จีนที่เป็นผู้ผลิตแรร์เอิร์ธและส่งออกที่คิดเป็น 70% ของการผลิตทั่วโลก ก็ตอบโต้ทันทีด้วยการลดทำให้ห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ​ เกิดปัญหา

แรร์เอิร์ธมีธาตุอะไรบ้าง ?​

แรร์เอิร์ธประกอบด้วยธาตุทั้งหมด 17 ชนิด ประกอบด้วย 

  • สแกนเดียม (Sc : Scandium)
  • อิตเทรียม (Y : Yttrium)
  • แลนทานัม (La : Lanthanum)
  • ซีเรียม (Ce : Cerium)
  • เพรซีโอดิเมียม (Pr : Praseodymium)
  • นีโอดิเมียม (Nd : Neodymium)
  • โพรมีเทียม (Pm : Promethium)
  • ซาแมเรียม (Sm : Samarium)
  • ยูโรเพียม (Eu : Europium)
  • แกโดลิเนียม (Gd : Gadolinium)
  • เทอร์เบียม (Tb : Terbium)
  • ดิสโพรเซียม (Dy : Dysprosium)
  • โฮลเมียม (Ho : Holmium)
  • เออร์เบียม (Er : Erbium)
  • ทูเลียม (Tm : Thulium)
  • อิตเทอร์เบียม (Yb : Ytterbium)
  • ลูทีเชียม (Lu : Lutetium)

แร่เหล่านี้คือ “วัตถุดิบ” สำคัญที่ขาดไม่ได้ในการสร้างเทคโนโลยี เป็นหัวใจของเทคโนโลยีขั้นสูงแทบทุกชนิด ตั้งแต่มอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV), แม่เหล็กในกังหันลม, ฮาร์ดไดรฟ์คอมพิวเตอร์, ไปจนถึงระบบนำวิถีขีปนาวุธ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ และแม้ว่าจะขุดเจอได้ง่าย แต่หลังจากมีการสกัดออกมาแล้ว แรร์เอิร์ธบางชนิดกลับมีมูลค่ามากกว่าทองคำซะอีก หนึ่งในนั้นคือ ลูทีเชียม (Lu : Lutetium) แร่ที่หายากที่สุด และมีราคาสูงที่สุด

แร่ลูทีเชียม (Lu : Lutetium)

ลูทีเชียมหายากแค่ไหน ?

สาเหตุที่แร่ลูทีเชียม (Lu : Lutetium) หายากมาก เพราะสองเหตุผลหลักคือ มีน้อยมากและกระจัดกระจายสุดๆ โดยในเปลือกโลกมีเพียง 0.5 ส่วนในล้านส่วน (ถ้าเราขุดแร่ขึ้นมาเท่ากับน้ำหนักรถ 1 คัน เราจะเจอแร่ลูทีเชียเท่ากับคลิปหนีบกระดาษ 1 อัน) 

และที่สำคัญที่สุดคือ มันไม่เคยสะสมตัวเป็นก้องเหมือนทอง แต่จะอยู่ในรูปแบบฝุ่นปริมาณจิ๋ว (มักน้อยกว่า 0.003%) ที่ปะปนมากับแร่หายากชนิดอื่นที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน ทำให้การสกัดมันทำได้เพียงเป็น “ผลพลอยได้” (Byproduct) จากการแปรรูปแร่อื่นๆ ในปริมาณมหาศาลเท่านั้น ซึ่งกระบวนการแยกก็ซับซ้อนและมีต้นทุนสูงมาก

แร่ลูทีเชียมแพงแค่ไหน ?

ด้วยความที่แร่ลูทีเชียมหายาก กว่าจะได้มาก็ต้องผ่านการแยกที่ซับซ้อนและมีต้นทุนสูง ทำให้ปริมาณมีน้อยมาก ๆ ราคาก็เลยสูงลิบลิ่ว และยิ่งบริสุทธิ์ราคาก็ยิ่งสูงเป็นเงาตามตัว ยกตัวอย่าง ลูทีเชียมออกไซด์ (Lutetium Oxide) (Lu₂O₃) สารตั้งต้นในอุตสาหกรรมที่ได้มาจากแร่ลูทีเชียม หากมีความบริสุทธิ์สูง 99.99% อาจมีราคาสูงถึงประมาณ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ (หรือราว 37,000 บาท) ต่อกิโลกรัม หรือมากกว่านั้น

และถ้ายิ่งเป็น ลูทีเชียมโลหะ (Lutetium Metal) ที่มีความบริสุทธิ์สูงก็จะยิ่งแพงกว่าเดิม เพราะถือเป็นหนึ่งในโลหะที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ราคาล่าสุดจากผู้จัดจำหน่ายในยุโรป (99.9% ขึ้นไป) อยู่ที่ประมาณ 2,799 ยูโรต่อกิโลกรัม (หรือราว 100,000 บาทต่อกิโลกรัม)​ 

ทำไมถึงแพงขนาดนี้ ?

การแยกและทำให้บริสุทธิ์ยากที่สุด ธาตุแรร์เอิร์ธมักเกาะกลุ่มกันแน่นในแร่ การจะแยกลูทีเชียมออกมาให้บริสุทธิ์ถึงระดับที่อุตสาหกรรมใช้ได้ ต้องผ่านกระบวนการเคมีที่เรียกว่า การสกัดด้วยตัวทำละลาย (Solvent Extraction) นับพันรอบ ซึ่งใช้พลังงานและสร้างของเสียเคมีมหาศาล

ความต้องการเฉพาะด้านสูงมาก ลูทีเชียมไม่ได้ใช้ในงานทั่วไป แต่เป็นหัวใจของเทคโนโลยีความแม่นยำสูง เช่น เครื่องตรวจมะเร็ง, เลเซอร์ และเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในรูป Lutetium-177 (Lu-177) ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสีที่ใช้ในการ “รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก” โดยตรง ทำให้ความต้องการในวงการแพทย์พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทำไมแรร์เอิร์ธถึงทำให้ผู้นำไทย – สหรัฐจับมือกัน

ข้อตกลงและความร่วมมือแรร์เอิร์ธระหว่างไทย-สหรัฐฯ เกิดขึ้นเพราะแรงกดดันด้านอำนาจการผลิตและควบคุมตลาดจากจีน ซึ่งจีนผลิตแรร์เอิร์ธคิดเป็น 70% ของโลก และอเมริกาในฐานะผู้นำเทคโนโลยีจึงจำเป็นต้องหาทางลดการพึ่งพาจีน และสร้างความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทานที่จำเป็นต่อการสร้างเทคโนโลยี ด้วยการสร้างพันธมิตรกับหลาย ๆ ประเทศ เช่น กับไทยที่เป็นผู้ผลิตแรร์เอิร์ทอันดับ 6 ของโลกด้วยปริมาณ 3%

และนี่คือเหตุผลที่สหรัฐฯ เลือกจับมือกับไทยในเรื่องของแรร์เอิร์ธ การที่ไทยและสหรัฐฯ ลงนาม MOU ว่าด้วยแร่แรร์เอิร์ธในครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่ข้อตกลงทางการทูตทั่วไป แต่คือการเคลื่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญ เพื่อสร้างความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานของ “ขุมทรัพย์” ที่ขับเคลื่อนโลกอนาคตเหล่านี้ และเป็นการส่งสัญญาณว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นผู้เล่นคนสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาดระดับโลก