เจมส์ เอิร์ล โจนส์ (James Earl Jones) นักแสดง นักพากย์เสียง และผู้บรรยาย กลายมาเป็นหนึ่งในไอคอนของจักรวาล Star Wars มาอย่างยาวนานกว่า 45 ปี แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่ปรากฏอยู่หน้ากล้อง แต่เขาคือเจ้าของเสียงอันทรงพลังของ ดาร์ธ เวเดอร์ (Darth Vader) ที่เป็นเอกลักษณ์ เสียงของเขาเรียกได้ว่าผูกขาดภาพจำของวายร้ายด้านมืดผู้น่าเกรงขามแห่งจักรวรรดิกาแลกติกมาอย่างยาวนาน

James Earl Jones Darth Vader Star Wars

ล่าสุด เว็บไซต์ Vanity Fair ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ทีมงานและผู้ก่อตั้งบริษัท ‘Respeecher‘ บริษัทผู้ให้บริการสังเคราะห์เสียงพูดด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 มีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศยูเครน บริษัทนี้เคยมีผลงานกับ สกายวอล์คเกอร์ซาวนด์ (Skywalker Sound) สตูดิโอบันทึกเสียงในเครือของ ลูคัสฟิล์ม (Lucasfilm) ในการสังเคราะห์เสียง ลุค สกายวอล์กเกอร์ (Luke Skywalker) วัยหนุ่มในซีรีส์ ‘The Mandalorian’ และซีรีส์ ‘The Book of Boba Fett‘ และยังมีเครดิตเป็นผู้สังเคราะห์เสียงของ ดาร์ธ เวเดอร์ ในซีรีส์ ‘Obi-Wan Kenobi‘ ที่ฉายทาง Disney+ ด้วย

แม้ว่าในเครดิตของซีรีส์ ‘Obi-Wan Kenobi’ นั้นจะยังมีชื่อของโจนส์ปรากฏตัวอยู่ แต่ในบทสัมภาษณ์นี้ ทีมงานของ Respeecher ได้เปิดเผยแล้วว่า เนื่องจากว่าตอนนี้โจนส์เองก็มีอายุ 91 ปีแล้ว ทำให้เสียงของเขาเปลี่ยนเล็กน้อย บริษัทจึงได้ร่วมกันทำงานกับลูคัสฟิล์มในการสังเคราะห์ หรือโคลนนิงเสียงของโจนส์ขึ้นมาใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI โดย Vanity Fair ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะว่า โจนส์เองได้ตัดสินใจยุติบทบาทการพากย์เสียง ตัวละคร ดาร์ธ เวเดอร์ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

James Earl Jones Darth Vader Star Wars
เจมส์ เอิร์ล โจนส์ (James Earl Jones)

ทีมงานได้เล่าเบื้องหลังการทำงานของการสังเคราะห์เสียงตัวละคร ดาร์ธ เวเดอร์ว่า พวกเขาได้ใช้วิธีการเดียวกับตอนที่พวกเขาสังเคราะห์เสียงตัวละคร ลุค สกายวอลฺ์กเกอร์ วัยหนุ่ม เพื่อให้ตรงกับช่วงเวลากับเหตุการณ์ในซีรีส์ ‘The Mandalorian’ และ ‘The Book of Boba Fett’ โดยทีมงานได้นำเอาไฟล์เสียงของโจนส์จากคลังเสียงในอดีต เพื่อให้อัลกอริธึม AI ใช้ในการเรียนรู้และสังเคราะห์เสียง ดาร์ธ เวเดอร์ ที่มีความหนุ่มแน่นตามต้นฉบับออกมา ก่อนจะส่งไฟล์ให้กับ Skywalker Sound ใช้ในซีรีส์

และด้วยความที่ในเวลานั้น กองทัพรัสเซียเพิ่งจะเริ่มบุกประเทศยูเครนใหม่ ๆ อเล็กซ์ เซอร์ดิแอก (Alex Serdiuk) ซีอีโอผู้ร่วมก่อตั้ง และทีมงานของ Respeecher ก็เลยต้องทำงานในภาวะสงคราม พวกเขาจึงต้องทำงานอย่างรีบเร่ง จนกระทั่งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ซึ่งเป็นวันที่กองทัพรัสเซียบุกเข้าโจมตียูเครนเป็นวันแรก พวกเขาก็ยังคงต้องส่งไฟล์เสียงไปให้กับ Skywalker Sound ในช่วงที่กำลังมีการสู้รบ ทีมงานหลายคนเลือกที่จะเข้าไปหลบภัยในห้องใต้ดิน

James Earl Jones Darth Vader Star Wars

แมตธิว วูด (Matthew Wood) ผู้ควบคุมงานเสียงของ Skywalker Sound ได้เล่าเบื้องหลังเพิ่มเติมว่า โจนส์ได้ทำการเซ็นสัญญาทำข้อตกลงมอบสิทธิ์ในการใช้เสียงของเขากับ Lucasfilm ให้ทีมงาน Skywalker Sound สามารถนำเอาคลังเสียงที่บันทึกเสียงพากย์ของเขาในอดีตมาใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ของ Respeecher เพื่อสังเคราะห์เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ ดาร์ธ เวเดอร์ ในโปรเจกต์ Star Wars ที่จะมีต่อไปในภายภาคหน้า

และแม้ว่าโจนส์จะไม่ได้ลงมือพากย์เสียงเองแล้ว แต่เขาก็ยังเป็น “พ่อทูนหัวผู้ใจดี” และได้รับเครดิตในฐานะผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพากย์และกำกับเสียง เพื่อให้ทีมงานสามารถควบคุมเสียงพากย์ของ ดาร์ธ เวเดอร์ ในโปรเจกต์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างถูกต้อง

ในการทำงานสังเคราะห์เสียง บทพูดของละคร ดาร์ธ เวเดอร์ ในซีรีส์ ‘Obi-Wan Kenobi’ 50 บรรทัด ทีมงาน Respeecher ต้องส่งไฟล์เสียงสังเคราะห์ที่ได้รับการแก้ไขเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมแล้วมากกว่า 10,000 ไฟล์ และในที่สุดก็กลายมาเป็นเสียงพากย์ในซีรีส์ ‘Obi-Wan Kenobi’ ที่เรียกได้ว่ามีความแตกต่างกับเสียงต้นฉบับของโจนส์เล็กน้อยมากจนแทบจะแยกไม่ออก

James Earl Jones Darth Vader Star Wars

เจมส์ เอิร์ล โจนส์ เริ่มต้นอาชีพนักแสดงละครเวทีเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะได้แสดงละครทีวี และได้รับโอกาสแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก ‘Dr. Strangelove or: How I Learned to Stop Worrying and Love the Bomb’ (1964) ผลงานกำกับของ สแตนลีย์ คูบริก (Stanley Kubrick) จนกระทั่งเมื่อ จอร์จ ลูคัส (George Lucas) ได้เริ่มสร้างภาพยนตร์ Star Wars ภาคแรกในปี 1977

ในเวลานั้น ลูคัสเองต้องการให้มีการพากย์ทับเสียงดาร์ธ เวเดอร์ที่แสดงโดย เดวิด พราวส์ (David Prowse) โดยเขาต้องการเสียงที่ทุ้มต่ำและฟังดูมีพลังอำนาจ จึงได้เชิญให้โจนส์มารับหน้าที่พากย์เสียงตัวละครด้านมืด ซึ่งตอนนั้นเขาใช้โทนเสียงต่ำ ๆ และติดสำเนียงไอริชในการพากย์จนเสร็จสิ้นภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนที่ทีมงานจะนำไปเพิ่มเอฟเฟกต์เพื่อให้ได้เสียง ดาร์ธ เวเดอร์ อย่างที่ได้ยินกันในภาพยนตร์

James Earl Jones Darth Vader Star Wars

เสียงทุ้มต่ำอันทรงพลังของ ดาร์ธ เวเดอร์ ส่งผลให้เขาผูกขาดเสียง ดาร์ธ เวเดอร์ ใน Skywalker Saga ทั้งในเอพิโซดที่ 4-5-6 ในไตรภาคเดิม และเอพิโสดที่ 3 ในไตรภาคใหม่ โดยที่ไม่มีชื่อเขาในเครดิตในฐานะนักแสดง เพราะเขามองว่าตัวเขาเองทำงานในฐานะสเปเชียลเอฟเฟกต์ ไม่ใช่ในฐานะนักแสดง มีเพียงเอพิโสดที่ 6 เท่านั้นที่มีการระบุเครดิต รวมทั้งหนังสปินออฟ ‘Rogue One: A Star Wars Story’ (2016) และแอนิเมชัน ‘Star Wars Rebels’ (2014–2018) ด้วย

หลังจากความสำเร็จใน Star Wars โจนส์กลายมาเป็นนักพากย์เสียงและผู้บรรยายในอีกหลากหลายงาน เขามักได้รับงานพากย์เสียงและบรรยายเสียงที่ต้องการคาแรกเตอร์ที่ดูมีอำนาจทรงพลัง นอกจากนี้ เขายังได้เป็นพรีเซนเตอร์ของเครือข่ายโทรศัพท์ Verizon ให้เสียงเปิดรายการข่าวของ NBC และได้พากย์เสียงตัวละคร ‘มูฟาซา’ (Mufasa) ใน ‘The Lion King’ ทั้งฉบับแอนิเมชันที่ฉายในปี 1994 และฉบับไลฟ์แอ็กชันที่ฉายในปี 2019 ด้วย

แต่น่าเสียดาย เพราะว่าเขาก็ไม่ได้กลับมาพากย์บทมูฟาซาใน ‘Mufasa: The Lion King’ หนังไลฟ์แอ็กชันสปินออฟ ‘The Lion King’ ที่มีกำหนดฉายในปี 2024 ด้วยเช่นกัน


ที่มา: Vanity Fair, Screen Rant, Slash Film, Wikipedia

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส