เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมประจำปี 2023 จาก สมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์นิวยอร์ก (New York Film Critics Circle Awards) จากผลงานการกำกับหนังเรื่องล่าสุด ‘Oppenheimer’ โดยในการมอบรางวัลบนเวที โนแลนได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เพื่อแสดงมุมมองอันซาบซึ้งของเขาที่มีต่อการวิจารณ์ภาพยนตร์ รวมทั้งพาดพิงไปถึงอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้ผู้ชมทั่ว ๆ ไปสามารถกลายเป็นนักวิจารณ์ แสดงความคิดเห็นต่อหนังได้โดยตรง แต่หลายครั้งก็นำมาซึ่งการวิจารณ์ที่รุนแรง ซึ่งแม้แต่ผู้กำกับเอกอุของยุคนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

โนแลนยังได้เล่าถึงประสบการณ์การพบเห็นการถูกวิจารณ์ผลงานของเขาแบบต่อหน้าต่อตาด้วย โดยเรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ในระหว่างที่เขากำลังใช้แพลตฟอร์มสตรีมมิงออกกำลังกาย แบบ On-Demand ที่มีชื่อว่า ‘Peloton’ โนแลนเล่าว่าในระหว่างที่รับชมคลาสการออกกำลังกายแบบ ทันใดนั้นก็มีเพลง “The Plan” ของ ทราวิส สก็อตต์ (Travis Scott) เพลงประกอบภาพยนตร์ ‘Tenet’ (2020) เปิดอยู่เบื้องหลัง เทรนเนอร์หญิงคนดังกล่าวที่กำลังสอนออกกำลังกาย จึงได้จังหวะพูดถึงในเชิงวิจารณ์หนัง ‘Tenet’ ของโนแลนแบบเมามัน

“เพลงนี้เป็นเพลง Soundtrack จากภาพยนตร์เรื่อง ‘Tenet’ ค่ะ มีใครเคยดูหนังเชี่-นี่บ้างมั้ยคะ ? นอกจากฉัน มีใครเคยดูหนังเรื่องนี้บ้าง ? ฉันนี่อยากได้คู่มือเลยนะ คือต้องมีคนคอยอธิบายหนังเรื่องนี้น่ะ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ มีใครเข้าใจบ้างไหมว่าในหนังเขาทำเหี้-อะไรกันน่ะ ? เอาจริง คนที่จะดูหนังเรื่องนี้เข้าใจ ก็คงมีแค่นักประสาทวิทยาเท่านั้นแหละ แล้วนั่นคือเวลาชีวิตตั้ง 2 ชั่วโมงเลยนะ ฉันอยากได้มันกลับมามาก”

แน่นอน เธอเองก็ไม่รู้ตัวว่า โนแลนเองก็กำลังดูคลาสนั้นอยู่ด้วยเช่นกัน

“ตอนนั้นผมกำลังดู Peloton ผมนี่เหนื่อยจะตาย แล้วผู้สอนคนนั้นก็เริ่มพูดถึงหนังของผมและพูดว่า ‘มีใครเคยดูหนังเรื่องนี้บ้างไหม ? นั่นคือชีวิต 2 ชั่วโมงของฉันเลยนะ และฉันคงไม่ได้มันกลับมาอีก!’ คือต่อให้ เร็กซ์ รีด (Rex Reed – นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดัง) วิจารณ์หนังคุณแบบเหี้- ๆ แต่เขาก็ไม่เคยขอให้คุณออกกำลังกายไปด้วยนะ!”

ล่าสุด เจนน์ เชอร์แมน (Jenn Sherman) ครูสอนปั่นจักรยานแพลตฟอร์ม ‘Peloton’ เจ้าของคำวิจารณ์สับแหลก ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงใน Instragram ส่วนตัวของเธอเองเพื่อหวังงว่าโนแลนเองก็สามารถที่จะวิพากษ์วิจารณ์แพลตฟอร์มของเธอกลับได้เช่นกัน

“เป็นวันที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับฉัน เมื่อได้รู้ว่า คริสโตเฟอร์ โนแลน หนึ่งในผู้สร้างหนังแห่งศตวรรษที่ 21 รู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันตื่นเต้นมาก ฉันอ่านบทความแล้ว และฟังนะ ตอนนั้นปี 2020 เป็นช่วงเวลาที่มืดมน ฉันอยู่บนแท่นสอนในชั้นเรียนเล็ก ๆ และฉันก็อ้าปากค้าง ในหัวฉันมีแต่การตีความในหนังที่ฉันดูเมื่อคืนก่อน ฉันมัวแต่คิดว่าไอ้นั่นมันคืออะไรวะ”

“สิ่งที่ฉันอยากบอกก็คือ ฉันเองอาจจะไม่ได้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นใน ‘ Tenet’ เลยสักนาที คำพวกนั้นมันก็เลยทะลุเข้ามาในหัวฉัน แต่ฉันเคยดู ‘Oppenheimer’ มาแล้ว 2 ครั้งนะ และนั่นก็เป็น 6 ชั่วโมงที่ฉันเองไม่อยากได้มันคืนเลยล่ะ”

“คุณโนแลนคะ ฉันเองอยากจะชวนคุณนั่งรถไปที่สตูดิโอของ Peloton ของฉัน คุณสามารถวิจารณ์ชั้นเรียนของฉันได้เลยนะ เราจะมีช่วงเวลาที่ดี คุณจะได้อยู่แถวหน้าสุด และฉันสัญญาว่าจะไม่มีการดูหมิ่นใด ๆ ทั้งสิ้น”

นอกจากนี้ ในสุนทรพจน์ โนแลนยังให้ทัศนะเกี่ยวกับการวิจารณ์ภาพยนตร์ และมุมมองของผู้ชมที่มีต่อหนังของเขาเอง โนแลนเล่าว่าตอนกำกับ ‘Oppenheimer’ เขาเองต้องยอมเลือกเสี่ยงต่อการตีความผิด ๆ ต่อการตัดสินใจไม่นำเสนอฉากระเบิดนิวเคลียร์ถล่มญี่ปุ่น และกล่าวว่า บ่อยครั้ง การให้บริบทและความหมายแก่ผู้ชม ก็เกิดขึ้นจากกับมุมมองของนักวิจารณ์ด้วยเช่นกัน

“ผู้กำกับมีความสัมพันธ์ทางอารมณ์ที่ซับซ้อนกับคำวิจารณ์ และการวิพากษ์วิจารณ์ คำถามที่เรามักจะถูกถามเสมอก็คือ เราได้อ่านบทวิจารณ์แล้วหรือยัง ? ถ้าเล่าจากเรื่องจริงก็คือ ผมเป็นคนอังกฤษ ทุกครั้งที่ครอบครัวรวมตัวกัน จะมีญาติคนหนึ่งที่พูดว่า ‘นี่รู้ไหมคริสโตเฟอร์ เช้านี้เธอไม่ควรจะเปิดอ่าน The Guardian นะ'”

Tenet

“ทุกคนที่อยู่กับเราในคืนนี้ คือเหล่ามืออาชีพที่พยายามจะเป็นกลาง แต่เห็นได้ชัดว่า การเขียนถึงภาพยนตร์อย่างเป็นกลาง คือ 2 สิ่งที่ขัดแย้งกัน แต่ความเป็นกลาง คือสิ่งที่ทำให้การวิจารณ์ มีความสำคัญยิ่ง อยู่เหนือกาลเวลา และเป็นประโยชน์ต่อผู้สร้างหนังและชุมชนของผู้สร้างภาพยนตร์”

“ในโลกปัจจุบัน ในฐานะคนสร้างหนัง คุณไม่สามารถซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังเจตนารมณ์ของผู้มีอำนาจได้ คุณไม่สามารถพูดได้ว่า ‘นี่คือความตั้งใจของผม’ เรายังอาศัยอยู่ในโลกที่ผู้ได้รับเรื่องราว มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าเรื่องราวนั้นมีความหมายต่อพวกเขาอย่างไร หมายความว่า งานควรพูดเพื่อตัวมันเอง มันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ผมพูด มันเกี่ยวกับสิ่งที่คุณได้รับและให้มันเป็น”

“ในโลกนี้ บทบาทของนักวิจารณ์มืออาชีพ หรือผู้แปล และบุคคลที่พยายามอธิบายบริบทต่าง ๆ แก่ผู้อ่าน ล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างไม่น่าเชื่อ ผมไม่เคยรู้สึกขอบคุณมากขนาดนี้ สำหรับการเขียนวิจารณ์อย่างรอบคอบ ไตร่ตรอง พิจารณา เกี่ยวกับหนังของผม อย่างที่เป็นใน ‘Oppenheimer'”

“ในโลกยุคปัจจุบัน ที่ความคิดเห็นมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง มีแนวความคิดที่ว่า การวิจารณ์ภาพยนตร์กำลังจะกลายเป็นประชาธิปไตย แต่ผมคิดว่า การวิจารณ์ภาพยนตร์ไม่ควรเป็นสัญชาตญาณ แต่มันควรจะเป็นอาชีพ”


ที่มา: Variety

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส