เมื่อถึงคราวต้องประสบกับภัยพิบัติ น้ำใจคนไทยไม่เคยเหือดหาย

จากเหตุการณ์น้ำท่วมจังหวัดอุบลราชธานีในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งที่วิกฤติที่สุดในรอบ 17ปี เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีเลยว่า เราคนไทยไม่เคยทอดทิ้งกัน ประชาชนคนไทยทุกภาคส่วน ล้วนร่มมือร่วมใจในการช่วยเหลือพี่น้องชาวอุบลราชธานีกันอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวในหนทางที่ตนจะช่วยเหลือได้ ไม่เว้นแม้แต่ศิลปิน ดารา นักแสดงหลายต่อหลายคนที่ต่างก็ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือพี่น้องชาวอุบลฯ ที่ประสบภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วยความเต็มใจ ถึงแม่ว่าในวันนี้น้ำจะลดลงแล้วในหลายพื้นที่แต่พี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็ยังต้องการความช่วยเหลือเยียวยาอยู่อีกมาก ความช่วยเหลือจึงจำเป็นต้องส่งออกไปอย่างต่อเนื่องจนก่อให้เกิดโครงการ

ปั่นเดี่ยวเยียวยา ซับน้ำตาน้ำท่วมอีสาน

ซึ่งก็คือโครงการดี ๆ โครงการหนึ่งของ พี่ติ๊ก ชิโร่ ศิลปินนักร้อง นักแสดง นักดนตรีและนักแต่งเพลงที่มากความสามารถคนหนึ่งของวงการเพลงเมืองไทย ซึ่งในครั้งนี้พี่ติ๊กได้ให้เกียรติมาพูดคุยกับแบไต๋ เกี่ยวกับโครงการดี ๆ ของพี่ติ๊กเอาไว้ให้เราได้ปลื้มไปกับพี่ติ๊กตั้งแต่ยังไม่ถึงวันเริ่มโครงการเลยทีเดียว และเมื่อเราถามถึง

Play video

จุดเริ่มต้นของโครงการกับที่มาของชื่อ “ปั่นเดี่ยว”

“ชื่อโครงการ ปั่นเดี่ยวเยียวยา ซับน้ำตาน้ำท่วมอีสาน ทำไมถึงเป็นปั่นเดี่ยว ตอนแรกตั้งใจจะไม่รบกวนใครเลย จะปั่นคนเดียว จะรับบริจาคไปเรื่อย ๆ ผมก็เลยมาคิดว่าเราจะทำยังไง? อันดับแรกผมเอาเงินของผมหนึ่งหมื่นบาทไปเปิดบัญชีที่ธนาคารออมสินแล้วก็ได้หมายเลขบัญชีมา ทางธนาคารออมสินเขาดีมากเลยเขาทำ Qr Code นี่ให้ผม เผื่อเราเจอใครผมก็…นี่เลย ให้เขาสแกน Qr Code เข้าไปบริจาค

พี่ติ๊ก ชิโร่ กับ Qr Code เพื่อบริจาคเงิน โครงการ "ปั่นเดี่ยวเยียวยา ซับน้ำตาน้ำท่วมอีสาน"

พี่ติ๊ก ชิโร่ กับ Qr Code เพื่อบริจาคเงิน โครงการ “ปั่นเดี่ยวเยียวยา ซับน้ำตาน้ำท่วมอีสาน”

จากเงินส่วนตัวตั้งต้น 1หมื่นบาท พี่ติ๊กก็ได้น้ำใจจากธนาคารออมสินร่วมบริจาคมากับพี่ติ๊กด้วย จากนั้นก็เริ่มมาเรื่อย ๆ จากหนึ่งแสน เป็นสองแสน พี่ติ๊กบอกกับเราว่า “ตอนนี้ก็น่าจะสามแสนแล้วมั้ง” ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่นับว่าสวยงามและน่าชื่นใจมาก ๆ ในสายตาของผู้ริเริ่มโครงการ ทำให้เราก็อยากจะรู้อีกด้วยว่า

ตั้งแต่พี่ติ๊กเปิดบัญชีนี้มา ใช้เวลากี่วัน

“ประมาณสี่ห้าวันได้ครับ ซ้อมไปได้ประมาณสี่ห้าวัน เมื่อคืนก็เล่นคอนเสิร์ตก็มีพี่ ๆ ช่วยบริจาคมาอีก 12,000บาท”

ซึ่งในส่วนนี้พี่ติ๊กก็ได้เล่าให้เราฟังถึงมุมน่ารัก ๆ ของผู้ที่บริจาคผ่านทางธนาคารออมสินไว้ว่าแม้แต่บริจาคมา 5 บาทก็ยังมี ถึงแม้ว่าจะดูเล็กน้อยแต่ก็เป็นน้ำใจที่พี่น้องชาวไทยตั้งใจช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนตามกำลังทรัพย์ที่ตนมี นับว่าเป็นเรื่องที่น่ารักเอามาก ๆ นอกจากนั้นก็ยังมีจักรยานล้อเดียวยุควิคตอเรีย 20 คันจะมาร่วมปั่นในโครงการนี้ด้วย อีกทั้งยังจะมี โดม ปกรณ์ ลัม ซึ่งตอนนี้กำลังติดต่ออยู่ แล้วก็ โย ยศวดี รวมถึง แองเจิลไบค์คลับ ที่เป็นโมเดล เป็นนางแบบ แล้วรักการปั่นจักรยาน มาร่วมกันปั่นในงานนี้ด้วย ทำให้ปั้นเดี่ยวไม่เดี่ยวอีกต่อไปแล้ว

ติ๊ก ชิโร่ "ปั่นเดี่ยวเยียวยา" สวมวิญญาณนักปั่น ซับน้ำตาพี่น้องชาวอีสาน

เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมการกุศลที่เริ่มต้นแล้วเห็นผลเร็ว

“เรียกได้แบบนั้นครับ ถึงแม้ว่าในเวลาที่เขาเจอะเจอกับอุทกภัยแบบปัจจุบันทันด่วนผมก็เริ่มที่จะช่วยแล้วเพราะบ้านคุณแม่ก็อยู่ขอนแก่น แต่ทีนี้พอขอนแก่นเสร็จปั๊บก็มาร้อยเอ็ด มาทางศรีสะเกษ เต็มไปหมดเลย อุบลหนักสุด มีอำเภอที่โดนอุทกภัยเกือบ ๆ 20 อำเภอ 7-8 อำเภอที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือผมจึงอยากช่วยตรงนี้ ตอนที่นำ้ท่วมอาจจะต้องการความช่วยเหลืออีกแบบหนึ่ง ตอนที่น้ำลดก็ต้องการความช่วยเหลือไปอีกแบบ คือการฟื้นฟู”

ซึ่งในส่วนนี้ที่พี่ติ๊กมองเห็น ก็เท่ากับว่าพี่ติ๊กได้เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ประสบภัยอย่างแท่จริง

เพราะในบางพื้นที่อาจมีการตกหล่นและความช่วยเหลืออาจไปได้ไม่ทั่วถึง

“ประมาณนั้น ทุกวันนี้ก็ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่ ถ้าใครไม่เคยประสบภัยแบบนี้ไม่รู้หรอกว่าจิตใจมันห่อเหี่ยวแล้วต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก อย่างน้อยไม่ใช่เรื่องเงินก็ต้องการเยียวยาด้านความรู้สึก การเข้าไปถึงเขา ส่งมอบสตางค์ ส่งมอบสิ่งของ บางอย่างที่เรานึกไม่ถึงเช่นผ้าอนามัย ยากันยุง และอะไรอีกหลายอย่างที่นอกเหนือจากที่เราคิด”

ติ๊ก ชิโร่ "ปั่นเดี่ยวเยียวยา" สวมวิญญาณนักปั่น ซับน้ำตาพี่น้องชาวอีสาน

เมื่อใจมาเต็มร้อยขนาดนี้ การวางแผนที่จะไปให้ถึงจุดหมายก็ได้ถูกวางเอาไว้อย่างรัดกุม

“เราจะเริ่มปั่นจักรยานกันเราจะใช้วันที่ 7 เวลา 7 โมงเช้าจะมารวมตัวกันที่ ททบ 5 พอ 8 โมงตรงเราก็จะเริ่มปั่นออกไปเลย อาจจะมีธนาคารออมสิน ทิพยประกันชีวิต นักปั่นล้อเดียวและสมาคมต่าง ๆ มาร่วมด้วย ดาราอย่าง เก้า เกริกพล วอนดอร์ฟ วอห์น ติน วงเอคอฟล่าห์ แล้วก็อีกหลาย ๆ วงอาจจะมาร่วมด้วย แล้วก็มีกระรอกน้อย ออฟ ศุภนัท ปั่นออกไปวิภาวดีมุ่งตรงไปนวนคร แวะพักแวะหยุดรับบริจาคที่อยุธยา แล้วตรงไปอยุธยาซิตี้พาร์คให้นักกีฬาได้พักผ่อน จากอยุธยาก็จะเดินทางไปที่สระบุรี จะมีทีมจักรยานจากสระบุรีมารับเราที่ทางเลี่ยงเมืองเข้าไปที่ศาลากลางใหม่ เพื่อเป็นจุดพักรถและรับบริจาค แล้วก็วนกลับมาพักที่โรงแรมเกียวอัน สำหรับวันแรก

จากนั้นก็ 6 7 8  คือจะปลุกกันตั้งแต่ 6 โมง 7โมงเตรียมตัวเพื่อปั่นออกไปในเวลา 8 โมงตรง เราจะเดินทางมุ่งตรงไปที่ปากช่อง จะมีจุดรับบริจาคแล้วก็พักดื่มน้ำ มุ่งตรงไปโคราช เส้นทางจากสระบุรีไกลมาก หนักหนาที่สุด จะเป็นระยะที่ยาวไกลมาก ประมาณ 200โล วัดใจกันเลย จากนั้นก็จะเข้าไปที่โรงแรมชฎา ก็จะมีคุณหมอโจ้มาช่วยสนับสนุนโรงแรมที่พัก จากโรงแรมเราจะวิ่งวนในโคราชตามจุดพักต่าง ๆ แล้วไปรับบริจาคที่หน้าย่าโม (อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี) จากนั้นจะมุ่งตรงไปที่เซ็นทรัลโคราช ทางเซ็นทรัลเขาสนับสนุนพื้นที่ในการรับบริจาคและทำกิจกรรมต่าง ๆ  จากนั้นจะไปพักที่โรงแรม ABM ซึ่งทาง ABM พอรู้ว่าโครงการนี้จะมาถึงโคราชก็มุ่งมั่นตั้งใจแล้วก็รวบวรวมสมาคมนักปั่นจักรยาน สมาคมของผู้ค้าทองคำมาช่วยกัน 

จากนั้นก็มุ่งตรงสู่บุรีรัมย์ แล้วไปที่ช้างอาริน่า จะเป็นจุดในการพักรถและรับบริจาค จากช้างอริน่าจะมุ่งตรงไปที่ศาลปู่ย่าจากนั้นจะไปที่ศาลหลักเมืองซึ่งจะเป็นจุดพักรถและจุดรับบริจาค จากนั้นจะมุ่งตรงไปที่ประโคนชัยเพื่อจะเข้าไปที่สุรินทร์ เมื่อสักครู่ท่าน ผอ.ททท สุรินทร์ก็เพิ่งวางหูกันไปว่าจะมีชมรมจักรยานมาร่มด้วย ในหลาย ๆ จังหวัดก็จะมีชมรมจักรยานเหล่านี้เข้ามาร่วมปั่นกับโครงการเดี่ยวเยียวยาครั้งนี้ และมุงตรงไปเรื่อย ๆ จากสุรินทร์ก็จะพักที่โรงแรมทองธารินทร์ และมีจุดรับบริจาคที่หน้าโรงแรมทองธารินทร์ จากสุรินทร์ก็วิ่งไปศรีสะเกษ ซึ่งใกล้มากเลย บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีระยาทาง 100กิโลเมตรขึ้นไป ซึ่งก็ไม่ถือว่าหินเท่าไหร่ จากนั้นก็จะมุ่งตรงไปอุบลราชธานี ซึ่งก็คือเป้าหมายของเรา จะไปเจอะเจอกันที่ โรงแรมสุนีย์ เสร็จแล้วก็จะมีการนับเงิน นับรายได้และประกาศให้รู้กันเลย”

ฟังเส้นทางจักรยานของพี่ติ๊กจากวันที่ 7 ถึงวันที่ 12แล้ว ทีมงานเราก็อดห่วงไม่ได้ถึงความขลุกขลักที่จะเกิดขึ้น อย่างในครั้งที่คุณตูน บอดี้สแลม หรือพี่ตูนของเราทุกคน ออกวิ่งในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ภาพที่เราเห็นกันจนชินตาคือพี่ตูนวิ่งไปรับเงินบริจาคไป แถมยังหยุดทักทาย ถ่ายรูป จับมือ จนถึงหอมแก้มกับบรรดากองเชียร์ที่มาคอยให้กำลังใจพี่ตูนอยู่สองข้างทางตลอดระยะทางในการวิ่ง ก็อดห่วงไม่ได้ว่าแล้วพี่ติ๊กของเรา ซึ่งอยู่บนจักรยานจะทำยังไงกันล่ะ

แต่พี่ติ๊กก็ยืนยันกับเราว่าไม่มีปัญหา ทุกอย่างมันมีปัญหาด้วยกันทั้งสิ้น แต่เราจะจัดการกับปัญหาของเรายังไงนั่นอีกเรื่องและยังบอกให้เราได้เชื่อใจหายห่วงพี่ติ๊กไปได้อีก เมื่อพี่ติ๊กเล่าว่าเมื่อโครงการนี้เริ่มขึ้นมา เพื่อนฝูงพี่น้องญาติมิตร ต่างยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

“มีโรงพยาบาลอินเตอร์เมด ดร.ท็อปนี่เรียนห้องเดียวกับผม มีแต่เพื่อนฝูงพี่น้องญาติมิตรมาช่วยกันทั้งนั้นเลย ซึ่งตอนนี้ได้ประสานเรื่องจุดรับที่นอนไว้ครบแล้ว เพิ่งสำเร็จเมื่อวานนี้เอง ส่วนที่อุบลฯก็มีพี่ชายชื่อพี่อี๊ด ซึ่งพูดคุยว่าจะช่วยเหลือเรื่องอะไรกันได้บ้าง เขาก็บอกว่าอย่างพี่ติ๊กทำครั้งนี้นะก็น่าจะ 50-60ล้านบาทขึ้นไป ผมบอกว่าผมไม่ได้คิดถึงตรงนั้นมาก คิดถึงแต่ว่าจะทำให้มันสำเร็จได้รึเปล่าเพราะมันไม่ธรรมดา”

นี่ยังไม่เห็นมีการออกไปประชาสัมพันธ์เลยนะ มีแต่เพื่อนฝูงปากต่อปาก เริ่มต้นก็น่าปลาบปลื้มใจแล้ว

ติ๊ก ชิโร่ "ปั่นเดี่ยวเยียวยา" สวมวิญญาณนักปั่น ซับน้ำตาพี่น้องชาวอีสาน

“ขอบคุณแบไต๋ คุณหนุ่ยพงศ์สุข เพื่อนฝูงพี่น้อง ถึงแม้ว่าจะได้ห้าแสนหกแสน หนึ่งล้านสองล้านอะไรก็สุดแล้วแต่ผมไม่ยี่หระ ขอแค่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้ช่วยเหลือพี่น้อง ในขณะหนึ่งที่เขาต้องการความช่วยเหลือ ครอบครัวผมเป็นห่วงมาก ภรรยาผมเป็นห่วงว่าอายุขนาดนี้จะทำอะไร แม้แต่หลาย ๆ คนยังบอกว่าจริงเหรอ อายุขนาดนี้แล้ว ผมเลยบอกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตอยากจะทำสิ่งนี้”

ต่อข้อถามที่ว่า ภาพพจน์ของพี่ติ๊กที่เราเห็นไม่ใช่สายเฮลท์ตี้หรือนักกีฬา พอลุกมาทำตรงนี้แฟนเพลงก็ต้องเป็นห่วงเราเลยต้องถามพี่ติ๊กกลับไปว่าแล้วพี่ติ๊กดูแลตัวเองยังไงกับการปั่นระยะไกลครั้งนี้ ก็ทำให้เราต้องอึ้งไปกับความจริงที่เราไม่เคยทราบมาก่อนที่ว่า พี่ติ๊กเคยเป็นนักปั่นตัวยงคนหนึ่งเหมือนกัน

“ตั้งแต่สมัยเรียน อายุ 25 ปั่นจากโคราชไปขอนแก่น ยอมรับเลยว่าการปั่นครั้งนั้นสาหัสสากรรจ์ที่สุด ใจเราอ่ะได้แต่ร่างกายเราไม่พร้อม ผมปั่นอยู่รถสิบล้อมาตัวผมแทบจะไปตามลมเลย น่ากลัวมาก”

ติ๊ก ชิโร่ "ปั่นเดี่ยวเยียวยา" สวมวิญญาณนักปั่น ซับน้ำตาพี่น้องชาวอีสาน

แต่ครั้งนี้เราคงไม่ต้องเป็นห่วงว่าพี่ติ๊กจะปลิวไปตามลมหรอกนะคะ เพราะจะมีคุณกบซึ่งเป็นสมาชิกชมรมจักรยานของ จ.ศรีสะเกษ พี่ต้อย สมาชิกชมรมจักรยานของสระบุรี ปั่นมารับมาส่งไปถึงโคราช แล้วก็บริษัทคาราวานรถบ้าน เอารถมา ซึ่งเคยช่วยพี่ตูนบอดี้สแลมมาแล้ว มีทิพยประกันชีวิตที่จะช่วยเวลาเกิดอุบัติเหตุ ธนาคารออมสิน แว่นทอปเจริญ หยั่นหว่อหยุ่น ซึ่งเป็นเพื่อน ๆ พี่น้องทุกคนมาช่วยกันในโครงการนี้ของพี่ติ๊ก

“พันตำรวจเอกชัยวัฒน์ ที่สเก็ตช์ภาพคนร้าย นี่ก็เป็นเพื่อนของผม มีแต่พี่มีแต่น้องมีแต่เพื่อน ก็ได้วาดภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 เอามาให้ประมูล เป็นตำรวจช่วยชาวบ้าน”

เรียกได้ว่าแค่พี่ติ๊กเอ่ยปากทุกคนก็ต่างยินดีเข้าร่วมโครงการด้วยกันหมด อีกทั้งยังมีมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ที่พี่ติ๊กเคยไปช่วยงานโครงการ ทูบีนัมเบอร์วัน ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มาช่วยทำหนังสือส่งไปทางจังหวัดต่าง ๆ ให้อีก Garmin นาฬิกาแผนที่ก็มอบนาฬิกาให้พี่ติ๊กอีก 1 เรือน เรียกได้ว่าปั่นคราวนี้พี่ติ๊กไม่มีเหงาแน่นอนและที่จะขาดไม่ได้ก็คือ โรงพยาบาลอินเตอร์เมดที่จะไปตั้งโต๊ะดูแลนักปั่นทุกคน มีรถเซอร์วิสจากเวิลด์ไบค์ ที่จะคอยดูแลจักรยานทุกคันแถมยังมอบจักรยานให้นักร้องนักแสดงที่ยังไม่มีรถจักรยาน มาร่วมปั่นด้วยกันอีก 4 คัน

เล่าเรื่องพี่กับจักรยานหน่อยว่าทำไมถึงเลือกเป็นการปั่นจักรยาน

“อันนี้บอกหน่อยว่าชีวิตของติ๊ก ชิโร่ผูกพันกับจักรยานมาตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่แล้วแต่ไม่มีใครรู้ ผมมีฮีโรก็คือ ปรีดา จุลละมณฑล เป็นนักปั่นจักรยานเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลเหรียญทองเอเชียนเกม เป็นฮีโรของผมตั้งแต่เด็ก ๆ เขามาแข่งจักรยานที่หน้าบ้านผม แล้วชีวิตผมก็ผูกพันกับจักรยานมาตลอด จักรยานคันแรกของผม ผมประกอบเองด้วยเงิน 300 บาท ซื้อโครงก่อน แล้วก็ตัวสามเหลี่ยม แฮนด์ ซื้อล้อ ซื้อโซ่ เบลดไม่มี ซื้อจารบีกับลูกปืนมาใส่เอง เอาก้านของล้อใส่ ประกอบเอง ถ้าใครไปดูมิวสิกวิดีโอออกมาเต้นจะเห็นว่าในมิวสิกมีจักรยานของผมอยู่ด้วย แต่มุมของมันจะมืดมองไม่เห็นจักรยาน แล้วจากนั้นผมก็ขี่จักรยานมาโดยตลอด”

Play video

“แล้วก็มีอีก 1 ภาพที่หลาย ๆ คนไม่เคยรู้ก็คือผมเป็นนักวิ่งมาราธอน

ตอนที่วิ่งกับพี่ตูนผมนอนไป 1ชั่วโมงเอง พอพี่ตูนมาผมก็ไปรับวิ่ง 1 เซ็ทก็คือ 10 กิโล คิดว่าตัวเองไม่ไหวเพราะว่านอนมา 1ชั่วโมง พอวิ่งไป พลังของความรักของผู้คนทำให้เรามีความฮึกเหิมเข้ามา พอเข้าไปพักก้อยมาถามว่า “พี่ติ๊กอีก 1 เซ็ทไหวมั้ย” ผมบอกไม่ไหวหรอกแต่พอออกสตาร์ทเท่านั้นแหละ ผมซัดต่ออีก 1 เซ็ท แล้วก็พลังความรักของผู้คนอีกนั่นแหละที่ทำให้ผมวิ่งต่อไปอีก 1 เซ็ท สรุปวันนั้นวิ่งไป 3 เซ็ท ยอมตายเลย”

ตกลงจบที่ 30 ซึ่งนอนไปชั่วโมงเดียว

“ครับจบที่ 30 ซึ่งถือว่าหวิดตายอย่างมาก อย่างเมื่อวานนี้ผมได้มาแล้ว 40 กม. เป็นการซ้อมที่สาหัสสากรรจ์ วันนี้ต่อหน้าแบไต๋เลยนะ ตั้งใจจะซ้อมอีก 50 กม.”

นับว่าพี่ติ๊กนี่ใจสู้และมีความมุ่งมั่นจริง ๆ เลยค่ะ ระยะทางกว่า700กิโลเมตรที่ต้องปั่น ๆ ๆ ท่ามกลางเปลวแดดที่ร้อนระอุของบ้านเรา กับชายวัย 58ปี ใจต้องมาเต็มร้อยและร่างกายต้องพร้อมจริง ๆ

พูดถึงภาพรวมตอนนี้เราเจอภาวะวิกฤติภัยธรรมชาติมากมาย และภาคใต้กำลังเข้าฤดูมรสุม พี่ติ๊กคิดว่าเราควรจะรับมือกับสภาวะเลวร้าย อากาศแปรปรวนของโลกที่เป็นอยู่ในขณะนี้ยังไง

“ก็เป็นคำถามที่เยี่ยมยอดจริง ๆ ในสหรัฐเขาจะมีการเตือน เขาจะเตือนทั้งหมดเลยผมจำได้ว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมอยู่เกาหลีใต้ที่เกาะเจจู กำลังนั่งรับประทานปิ้งย่างเกาหลีกันอยู่ มีเสียงเตือน คนที่นั่งรับประทานอยู่ในอาคารทั้งหมดเกือบร้อยคน เสียงเตือนนี่คือหมายความว่ากำลังจะมีพายุเข้า และในวันนั้นเป็นวันที่เราจะต้องบินกลับกันด้วยแต่ประเทศไทยไม่มีอย่างนี้ ผมกำลังคิดว่าจะทำแอปพลิเคชันอะไรที่จะลิงก์ไปได้ทั่ว”

จะช่วยชีวิตคนได้เป็นหมื่นเป็นแสนเลยนะ

“ใช่ครับ อย่างเมื่อคืนตอนที่ผมเล่นคอนเสิร์ตอยู่ผมก็พูดกับเจ้าของโรงแรมโฆษะ ซึ่งผมเคยเล่นอยู่ที่นั่นว่าขอนแก่นที่บ้านไผ่ไม่มีการเตือนเลย มาถึงปั๊บคนที่นอนติดเตียง อีกนิดเดียวน้ำจะท่วมถึงเตียงแล้ว เพราะฉะนั้นการช่วยเหลือมันจะต้องมีการเตือน”

ติ๊ก ชิโร่ "ปั่นเดี่ยวเยียวยา" สวมวิญญาณนักปั่น ซับน้ำตาพี่น้องชาวอีสาน

ป้องกันสำคัญกว่าแก้ไข

“การป้องกันสำคัญ เพราะฉะนั้นอย่างในอินโดนีเซีย เรื่องของสินามิก็มีการเตือนเราจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที แต่ในจังหวัดอุบลราชธานี บางจุดก็มีการเตือนไว้บ้างแต่การเตือนก็ยังไม่แน่นอนเท่าไหร่ การช่วยเหลือถึงแม้ว่าเราจะตั้งใจ แต่การป้องกันก็ดีกว่าแก้ไข เหมือนรถชนกันเรารับประกันและดูแลอย่างดี ใช่มันก็ดีแต่ไม่เกิดจะดีกว่า”

มาถึงวันนี้พี่ติ๊กอยู่ในวงการมานาน จะอยู่ยงคงกระพันแบบติ๊ก ชิโร่ได้ก็นับได้ไม่กี่คน พี่ติ๊กมีข้อคิดการวางตัว ยังไงที่ทำให้พี่อยู่ในวงการมาตั้งแต่รุ่นเก่าถึงปัจจุบัน พี่จะฝากถึงรุ่นน้องยังไงบ้าง

“คำว่ารุ่นนี่สำคัญมากเลย ขอบอกอย่างนี้ครับว่า บางคนทำงานด้วยหัวสมอง เป็นนักบริหาร เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ บางคนทำงานด้วยกำลังกาย ก็คือผู้ที่ทำงานอย่างเชี่ยวชาญ แข็งแรงไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งสองกลุ่มคนเนี่ยก็สำคัญมาก ติ๊กชิโร่ก็ทำทั้งสองอย่างนั้น แต่สิ่งที่ติ๊กชิโร่ทำแล้วสามารถบอกได้ก็คือทำด้วยหัวใจครับ บางคนทำงานด้วยสมอง บางคนทำงานด้วยร่างกาย แต่ติ๊กชิโร่ทำงานด้วยหัวใจ ต้องมีความรัก มุ่งมั่น ตั้งใจและเอาใจใส่ ผมเองก็เป็นคน คนหนึ่งที่มีฮีโรอยู่ในใจ เพราะงั้นเวลาที่เรามีฮีโรก็คือเอาใจเราไปใส่ใจเขา”

กิจกรรมนี่ก็เลยเป็นตัวอย่างอย่างหนึ่งที่ทำด้วยใจ

“ผมจะบอกเลยว่ามีความุ่งมั่นตั้งใจที่จะอยู่กับแฟนเพลง ผมไม่เคยหนีเขา ทำทุกอย่างที่ทำได้ ต้องมาจากหัวใจไม่ว่าจะเกิดเหตุเภทภัยอะไร ผมก็จะไปช่วยก่อนหน้านั้นที่พนังกั้นน้ำจังหวัดอ่างทองพังทลาย ผมก็ไปช่วยเอาเด็กออกมา ถ้าเราจะหลอกเพื่อจะเอาชื่อเสียงมันทำไม่ได้ทั้งชีวิตหรอกครับ แต่ผมทำได้ทั้งชีวิตเพราะความจริงใจต่อแฟนเพลง อันนี้สำคัญมาก ผมจะอยู่เป็นคนสุดท้ายเสมอเวลาใครเจอผมจะเข้ามากอดมาหอมมาขอลายเซ็น”

แล้วก็เห็นผลจริง ๆ จากโครงการนี้ที่ทุกคนมาช่วยกันเพียงแค่เอ่ยปาก จนเกิดเป็นผลลัพธ์จริง ๆ ด้วยคำว่าจิตอาสา เป็นจิตวิญญาณแห่งการให้ ที่ทำทุกอย่างด้วยหัวใจ ให้ใจไปก่อนแล้วใช้เรี่ยวแรงเดินตามหัวใจนั้น เพียงไม่นานทุกอย่างที่เริ่มต้นไว้ก็เป็นรูปเป็นร่าง จนในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็ใกล้จะถึงเวลาสตาร์ทเต็มที

โครงการ “ปั่นเดี่ยวเยียวยา ซับน้ำตาน้ำท่วมอีสาน” ระหว่าง 7-12 ตุลาคม นี้ ร่วมกันปั่นจักรยานคู่ใจบนเส้นทางจากกรุงเทพฯ-ถึงอุบลราชธานี ระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร (เปิดรับบริจาคระหว่างเส้นทาง) หรือร่วมบริจาคได้ที่ ธนาคารออมสิน สาขาเดอะคริสตัล 020-296-539-461 มนัสวิน นันทเสน

มาให้กำลังใจพี่ติ๊ก ชิโร่ ไปพร้อม  ๆ กับเรานะคะ

ติ๊ก ชิโร่ "ปั่นเดี่ยวเยียวยา" สวมวิญญาณนักปั่น ซับน้ำตาพี่น้องชาวอีสาน