เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหราชอาณาจักร Oliver Dowden ได้ออกมาเรียกร้องผ่านหนังสือพิมพ์ Daily Mail อยากให้ Netflix ชี้แจงให้ชัดเจนรวมถึงใส่ข้อความไว้ในตอนใดตอนหนึ่งของซีรีส์ราชวงศ์อังกฤษสุดฮิตอย่าง The Crown ว่าเป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงและไม่ได้อิงจากเรื่องจริงทั้งหมด โดยซีซันที่ 4 ที่เป็นซีซันล่าสุดเริ่มสตรีมมิงในเดือนที่ผ่านมา นำเสนอเรื่องราวในยุค 80s ที่โฟกัสไปที่อีก 2 หญิงที่เป็นไอคอนของยุคนั้นคือ นายกรัฐมนตรีหญิง Margaret Thatcher และเจ้าหญิง Diana


ล่าสุด Netflix ได้ตอบกลับจดหมายซึ่งเป็นข้อเรียกร้องของ Dowden แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยเนื้อหาให้สาธารณะได้รับทราบ แต่ได้ออกมาตอบข้อเรียกร้องต่อทางการของสหราชอาณาจักร ผ่านสื่ออย่าง Variety ว่า

Netflix นำเสนอ The Crown ให้เป็นซีรีส์ดราม่ามาตลอด และเชื่อมั่นว่าผู้ชมจะแยกแยะออกว่าเนื้อหาเป็นการแต่งขึ้นมาใหม่โดยอิงกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ Netflix จึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องต้องแจ้งผู้ชมก่อนทุกตอนว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเมื่อดูซีรีส์เรื่องนี้”

คงต้องติดตามกันต่อไปว่ากระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหราชอาณาจักร จะมีความเห็นเพิ่มเติมหรือมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นเกี่ยวกับการออกสตรีมมิงซีซันนี้ต่อไปอย่างไร รวมถึงเมื่อซีซัน 5 เริ่มฉายในปี 2022 เนื้อหาของเจ้าหญิง Diana ก็จะยิ่งเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในปลายยุค 80s ต่อยุค 90s ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า เหตุการณ์ในช่วงเวลาที่เจ้าหญิงแยกกันอยู่ในปี 1992 และประกาศแยกทางกับเจ้าฟ้าชาย Charles ในปี 1996 ตอนนั้นถือเป็นวิกฤตศรัทธาที่พระราชิอีลิซาเบ็ธที่ 2 และราชวงศ์ได้รับจากประชาชน และการนำเสนอเรื่องราวนี้ขึ้นมาอีกครั้งย่อมเป็นเรื่องละเอียดอ่อนยิ่งกว่าซีซัน 4

ส่วนในซีซันถัดไปก็ได้มีการประกาศรายชื่อนักแสดงไว้ล่วงหน้าแล้ว Imelda Staunton จากแฟรนไชส์ Harry Potter ในบทราชินี Elizabeth ที่เป็นการรับช่วงต่อจาก Olivia Colman ผู้ได้รับรางวัลลูกโลกทองจากบทบาทในซีซันก่อน ๆ Lesley Manville จาก Phantom Thread (2018) จะมารับบทเจ้าหญิง Margaret และ Elizabeth Debicki นักแสดงสาวสวยมากฝีมือชาวออสเตรเลียจาก The Great Gatsby (2013) และ Tenet (2020) จะมารับไม้ต่อจาก Emma Corrin เจ้าของบทเจ้าหญิง Diana

ชวนอ่าน 10 หนังราชวงศ์อังกฤษ “สุดปัง” ที่คอซีรีส์ The Crown ต้องหาดูสักครั้ง

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส