What the Fact ได้นำเสนอภาพยนตร์ของปี 2020 ที่น่าสนใจแต่อาจหลงหูหลงตาคอหนังกันไปแล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วหนังในหมวดนี้หลายเรื่องก็อาจจะจัดอยู่ในหมวดของ 12 หนังยอดเยี่ยมแห่งปี 2020 ด้วยเช่นกัน แต่ว่า เราขอคัดหนังเพชรยอดมงกุฏขวัญใจนักวิจารณ์ คว้ารางวัลมาแล้วหลายเวทีย่อย และคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญบนเวทีออสการ์ปีนี้ช่วงเดือนเมษายน (ถ้ายังมีการจัดอยู่) อย่างแน่นอนมาให้แฟน WTF ได้ไปหาดู บางเรื่องเคยเข้าฉายในบ้านเราแล้ว และหลายเรื่องก็สามารถกดเข้าไปชมได้เลยบนสตรีมมิง Netflix ถ้าดูครบแล้วก็มาร่วมเดากันว่า หนังเรื่องได้จะเป็นหนังยอดเยี่ยมและเจ้าของรางวัลอื่น ๆ ของปีนี้
AMMONITE
หนังฉากหลังเป็นเมืองริมชายฝั่งทะเลเล็ก ๆ ในช่วงปี 1840 และได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตของ Mary Anning นักบรรพชีวินวิทยาและนักสะสมซากฟอสซิล ผู้ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกจากการค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ที่หน้าผาในช่องแคบอังกฤษ ชีวิตที่โดดเดี่ยวของเธอได้มีใครสักคนเข้ามาเมื่อต้องรับหน้าที่พี่เลี้ยงให้นักธรณีวิทยานามว่า Charlotte Murchison ที่กำลังตรอมใจด้วยเรื่องบางอย่าง แล้วความใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งคู่ก็พัฒนาจนเกิดเป็นความรัก ปัญหาเดียวและเป็นปัญหาใหญ่ก็คือ Murchison มีสามีอยู่แล้ว ความรักของทั้งคู่จึงดูเหมือนจะถึงจุดจบตั้งแต่ตอนเริ่มต้น
Francis Lee ผู้กำกับของเรื่องที่ประสบความสำเร็จจากผลงานแรกที่เป็นหนังชายรักชายเรื่อง God’s Own Country กล่าวว่า นี่ไม่ใช่หนังชีวประวัติแต่จะได้แรงบันดาลใจจากชีวิตของเธอ ที่เขาสนใจสนใจยุคสมัยนั้นอย่างมากเพราะความสัมพันธ์เพศเดียวกันระหว่างผู้หญิงของยุคนั้น ที่น่าสนใจตรงที่ผู้หญิงถูกถือเป็นสมบัติของพ่อและสามี และยังเป็นโลกที่แพทย์ในสมัยนั้นเชื่อว่าผู้หญิงไม่มีอวัยวะสำหรับมีความสุขทางเพศ ดังนั้นการที่ผู้หญิงสองคนมีความสัมพันธ์ต่อกันจริง ๆ จึงไม่มีอยู่ในความคิดของใครเลย หนังได้ Kate Winslet เจ้าของรางวัลออสการ์จาก The Reader (2008) และเข้าชิงอีก 6 ครั้ง ที่มาประกบกับดาวรุ่งมากฝีมือ Saoirse Ronan ที่เข้าชิงออสการ์มาแล้วถึง 4 คร้ังในวัย 27 ปี (Rotten Tomatoes Score: 67%/iMDB Rating: 6.5/10)
MA RAINEY’S BLACK BOTTOM
ผลงานการแสดงเรื่องสุดท้ายจริง ๆ ของ Chadwick Boseman ที่หลายคนก็ลุ้นให้เข้าได้เข้าชิงหรือกระทั่งคว้ารางวัลออสการ์ให้ได้จากหนังเรื่องนี้ (ซึ่งก็เป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว) รวมถึงนักแสดงนำหญิงของเรื่องอย่าง Viola Davis ผู้ชนะรางวัลออสการ์จาก Fences (2016) และเคยเข้าชิงจาก The Help (2011) และ Doubt (2008) ที่น่าจะได้กลับขึ้นเวทีอีกครั้งอย่างแน่นอน Ma Rainey’s Black Bottom ยังเป็นผลงานกำกับของ George C. Wolfe ที่อาจไม่ได้มีผลงานภาพยนตร์มากนัก (Nights in Rodanthe (2008) แต่สร้างชื่อจากแวดวงซีรีส์โทรทัศน์อย่าง Lackawanna Blues (2005)
หนังมีฉากหลังเป็นวงการดนตรีในชิคาโกยุค 1920s ดัดแปลงจากบทละครเวทีของนักเขียน 2 รางวัลพูลิตเซอร์ August Wilson ผู้เขียนบทหนังเรื่อง Fence โดยมี Denzel Washington (ที่ Boseman นับถืออย่างมาก) รับหน้าที่อำนวยการสร้าง โดย Davis รับบทเป็น Ma Rainey เจ้าของชื่อเรื่องและเป็นเจ้าแม่เพลงบลูส์ผู้เป็นตำนานและโด่งดังแห่งยุค ตัวหนังเล่าเรื่องราวความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างเธอและเหล่าสมาชิกในวง เมื่อพวกเขาต้องไปทำงานให้ค่ายเพลงของคนขาว ส่วน Boseman รับบทเป็น Levee รับบทเป็นนักเป่าทรัมเป็ตผู้มีพรสวรรค์และทะเยอทะยาน ความอยากโด่งดังและสร้างชื่อให้ตัวเองของเขาได้กลายเป็นปมขัดแย้งสำคัญกับ Rainey (Rotten Tomatoes: 98%/iMDB Rating: 7.1/10)
MANK
ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ David Fincher ซึ่งเข้าชิงออสการ์ผู้กำกับยอดเยี่ยมมาแล้ว 2 ครั้งจาก The Curious Case of Benjamin Button (2008) และ The Social Network (2010) ทิ้งห่างการกำกับเรื่องก่อนมาถึง 6 ปี (แต่มีไปอำนวยการสร้างและกำกับซีรีส์ Mindhunter ของ Netflix อยู่ถึง 2 ซีซัน) Gary Oldman เจ้าของรางวัลออสการ์นำชาย จาก Darkest Hour (2017) มารับบทเป็นตัวละครที่มีตัวตนจริงอีกครั้ง อย่าง Herman Mankiewicz ผู้เขียนบทหนังที่ดีที่สุดตลอดกาลอย่าง Citizen Kane (1941) สมทบด้วยนักแสดงมากฝีมือหลายราย Amanda Seyfried จาก Mamma Mia! (2008), Charles Dance จากซีรีส์ Game of Thrones และ Lily Collins จาก The Mortal Instruments: City of Bones (2013)
David Fincher นั้นเป็นผู้กำกับที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้กำกับสุดติสท์และทำงานละเอียดอย่างมาก โดยเฉพาะการถ่ายทำหลายเทคในหนึ่งฉาก Fincher ได้ทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้ เพราะเขาได้ใช้เวลาถ่ายทำฉากหนึ่งของนักแสดง Amanda Seyfried ไปกว่า 5 วัน รวมกว่า 200 เทค ซึ่ง Seyfried ก็ออกมาบ่นเบา ๆ ว่า นี่คือหนังที่ยากที่สุดที่เคยเล่นมา โพรเจกต์นี้เป็นงานในฝันของ Fincher ที่ตั้งใจจะสร้างมาตั้งแต่ต้นยุค 90s ในช่วงเวลาที่เขายังไม่มีชื่อเสียงและบารมี เข้าเขียนโครงเรื่องไว้กับ Jack Fincher พ่อของเขา แม้หนังยังไม่เคยมีโอกาสได้สร้างจริง ๆ แต่ในเวลานั้น เขาก็อยากได้ Kevin Spacey และ Jodie Foster มาแสดงในบทนำ (Rotten Tomatoes Score: 82%/iMDB Rating: 7.1/10)
MINARI
Minari บอกเล่าเรื่องราวของ Jacob และครอบครัวลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกันที่ย้ายบ้านไปทำฟาร์มเล็ก ๆ ในรัฐอาร์คันซอตามความฝัน “อเมริกันดรีม” ในยุค 80s ของพวกเขาเอง พวกเขาเริ่มตั้งต้นโดยการเป็นชาวสวนชาวไร่ในดินแดนที่ยังไม่คุ้นเคย ทำให้ต้องปรับตัวและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อแม่ปากร้ายแต่เปี่ยมไปด้วยความรักได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ท่ามกลางความไม่มั่นคงและความท้าทายของชีวิตใหม่ของพวกเขา หนังได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของผู้กำกับเองที่เติบโตมาในชนบทของสหรัฐฯ ยุคนั้น
กำกับและเขียนบทโดยผู้กำกับเชื้อสายเกาหลีใต้อย่าง Lee Isaac Chung จาก Munyurangabo (2007) ที่ล่าสุดได้รับเลือกให้กำกับหนังที่สร้างจากแอนิเมชันญี่ปุ่นที่โด่งดังอย่าง Your Name ฉบับคนแสดงของฮอลลีวูด นำแสดงโดย Steven Yeun ที่แจ้งเกิดจากซีรีส์ The Walking Dead และ Okja (2017)
หนังเปิดตัวครั้งแรกไปในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปีที่แล้วและได้รับรางวัล U.S. Dramatic Grand Jury Prize และ U.S. Dramatic Audience Award รวมถึงคำชมอย่างล้นหลามจนกลายเป็นตัวเต็งภาพยนต์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ แต่ก็มีเรื่องดราม่าเมื่องานลูกโลกทองคำครั้งต่อไปซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำฮอลลีวูด (HFPA) ได้ตัดสิทธิ์ให้หนังไม่ได้เข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ถูกจัดให้ไปแข่งในสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมแทน (Rotten Tomatoes Score: 100%/iMDB Rating: 7.7/10)