กลายเป็นเหตุน่าสลดเมื่อการชมคอนเสิร์ตอย่างสนุกสนานได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมในท้ายที่สุด เมื่อคอนเสิร์ตของแรปเปอร์ชื่อดัง ทราวิส สก็อตต์ (Travis Scott) ในเทศกาลแอสโตรเวิลด์ (Astroworld) ที่จัดขึ้นที่เมืองฮูสตัน รัฐเทกซัส เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ที่ 5 พ.ย. 64 ตามเวลาท้องถิ่น ได้มีผู้เสียชีวิต 8 ศพและมีผู้บาดเจ็บกว่า 300 คนกลางคอนเสิร์ตที่มีผู้ชมหนาแน่นกว่า 50,000 คนจากการที่ฝูงชนได้พยายามเบียดเสียดกันเข้าไปด้านหน้าของเวทีจนเกิดการเหยียบคนที่ล้มลงจนมีผู้เสียชีวิตซึ่งในกลุ่มผู้เสียชีวิตนั้นมีเด็กชายวัย 14 และเด็กหญิงวัย 16 รวมอยู่ด้วย

ภาพที่ผู้ชมร้องตะโกนให้หยุดเล่นคอนเสิร์ตและร้องขอความช่วยเหลือได้ถูกแชร์ในโลกออนไลน์อย่างแพร่หลายและกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเวลาต่อมาเนื่องจากมีการมองว่า ทราวิส สก็อตต์ เป็นผู้ที่มีไมค์อยู่ในมือ เป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในการหยุดคอนเสิร์ต ณ จุดนั้น แต่ทำไมถึงได้เพิกเฉยจนเกิดเหตุสลดแบบนี้ แถมสก็อตต์ยังคงแสดงต่อไปอีกนานกว่า 30 นาทีในขณะที่มีคนเสียชีวิต และฝูงชนก็ตะโกนให้ ‘หยุดการแสดง’ หรือแม้แต่พยายามปีนขึ้นไปบอกสตาฟฟ์ให้หยุดแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรทั้งนั้น

ได้มีคนแชร์ภาพวิดีโอของนักร้องสาวอเดล (Adele) ที่กำลังร้องเพลงฮิตของเธอ “Rolling In The Deep” ระหว่างการแสดงของเธอที่แฮมเมอร์สมิธ อพอลโล (Hammersmith Apollo) ในปี 2011 และเธอได้สังเกตเห็นว่ามีคนเป็นลมในหมู่ผู้ชมของเธอ

“หยุด หยุด หยุด มีคนเป็นลมอีกแล้ว ขอโทษนะคะ หมอคะ คนนั้นค่ะที่อยู่ตรงกลางนั่นน่ะ”

อเดลได้หยุดร้องเพลงในทันที เรียกให้แพทย์เข้าไปในฝูงชนเพื่อช่วยเหลือและขอให้ผู้ชมหลีกทางให้แพทย์ เข้าไปให้การช่วยเหลือได้สะดวก หลังจากผู้ชมที่กำลังเป็นลมได้รับการดูแลแล้วอเดลถึงได้เริ่มแสดงต่อไป “ขอบคุณมากค่ะทุกคน และนี่ก็คือ Rolling in the Deep!”

มีคอมเมนต์มากมายที่พาดพิงไปถึงเหตุการณ์คอนเสิร์ตของสก็อตต์ เช่น “ควรมีคนส่งคลิปนี้ให้ทราวิส เขาต้องเรียนรู้อะไรบ้างจากอเดล” ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่งเขียนใต้คลิปว่า “โอ้ ว้าว ดูสิว่ามันง่ายแค่ไหนที่จะหยุดคอนเสิร์ต”’ ในขณะที่อีกคนกล่าวเสริมว่า “นี่คือวิธีที่คุณใส่ใจแฟน ๆ ของคุณในขณะที่กำลังแสดงอย่างแท้จริง” และมีความคิดเห็นอื่น ๆ เช่น “คนเพียงคนเดียวเธอยังสังเกตเห็นเลย บอกฉันทีว่าเขาจะมองไม่เห็นคนเยอะแยะไปได้ยังไง”, “เธอไม่รีรอหรือต้องคิดเกี่ยวกับมันเลย” , “มันง่ายมากที่จะหยุดคอนเสิร์ต” และ “สำหรับคนที่บอกว่าทราวิสนั้นคงไม่รู้ อเดลสังเกตเห็นคนคนหนึ่งเป็นลม ดังนั้นฉันค่อนข้างแน่ใจว่าเขาจะต้องสังเกตเห็นศพ 8 ศพแน่”

หลังจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่แอสโตรเวิลด์ สก็อตต์ได้กล่าวผ่านอินสตาแกรมสตอรีส์ของเขาว่า “แฟน ๆ ของผมมีความหมายต่อผมอย่างมากมาย และผมอยากให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดีเสมอ” “ไม่ว่าจะเวลาไหนที่ผมรู้ว่ามีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น คุณรู้มั้ยผมจะหยุดการแสดงเลยและช่วยให้พวกเขาได้รับการช่วยเหลือที่ต้องการ ผมไม่สามารถจินตนาการถึงความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นนี้ได้เลย”

“ผมเสียใจจริง ๆ … ผมไม่เคยจินตนาการถึงเรื่องแบบนี้ว่ามันจะเกิดขึ้นเลย”

มีคลิปวิดีโอจากแฟน ๆ ที่ถ่ายเหตุการณ์นี้ไว้ ได้ถูกแชร์ออกมาและเห็นว่ามีช่วงเวลาที่สก็อตต์สังเกตเห็นถึงเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นและได้บอกให้มีคนไปช่วยแล้ว ซึ่งก็มีคนเข้ามาวิจารณ์ว่าเขาควรรอให้สถานการณ์คลี่คลายเสียก่อนแต่เขากลับเลือกที่จะแสดงต่อไป

สก็อตต์กล่าวว่าเขาจะจ่ายค่าใช้จ่ายในพิธีศพให้กับผู้เสียชีวิตทั้ง 8 ราย รวมไปถึงประกาศว่าเขาจะร่วมมือกับ BetterHelp เพื่อจัดหาการบำบัดออนไลน์แบบตัวต่อตัวฟรีให้กับผู้ชมคอนเสิร์ตที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่แอสโตรเวิลด์ ในขณะที่เขาถูกฟ้องร้องจากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่รอดชีวิตซึ่งตั้งข้อหาว่าเขาก่อให้เกิด “ความปวดร้าวอย่างที่สุด” ทนายความของผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่งรวมทั้ง เบน ครัมป์ (Ben Crump) ทนายความด้านสิทธิพลเมืองที่มีชื่อเสียงกล่าวว่าสก็อตต์, ไลฟ์เนชั่น (Live Nation) และฝ่ายอื่น ๆ ที่อยู่เบื้องหลังเทศกาลดนตรีนี้ล้มเหลวในการจัดเตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยที่จำเป็นเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่นำไปสู่การเสียชีวิต

จริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทราวิส สก็อตต์ถูกตั้งข้อหาจากเหตุในลักษณะนี้  ย้อนไปในปี 2558 เขาถูกตั้งข้อหาว่ายั่วยุให้เกิดความโกลาหลหลังสนับสนุนให้แฟน ๆ ในคอนเสิร์ตที่ชิคาโกเพิกเฉยต่อการรักษาความปลอดภัย และใน 2 ปีต่อมาในปี 2560 เขาเห็นผู้ชมคอนเสิร์ตกำลังห้อยลงมาจากระเบียงชั้นสองของสถานที่จัดงานและพยายามโน้มน้าวให้ผู้ชมคนนั้นกระโดดลงมา และในคอนเสิร์ตเดียวกันนี้ก็มีแฟนเพลงวัย 27 ปีของเขาต้องเป็นอัมพาตหลังจากฝูงชนดันตัวกันจนหล่นลงมาจากระเบียงชั้นสาม ส่วนเทศกาลแอสโตรเวิลด์เองก็เคยมีเหตุวุ่นวายและผู้คนได้รับบาดเจ็บกันมาแล้ว ในปี 2562 ได้มีผู้ชมหลายร้อยคนรีบเร่งวิ่งเข้าไปชมคอนเสิร์ตจนมีผู้บาดเจ็บต้องส่งโรงพยาบาล 3 คน ในตอนนั้นตำรวจได้โพสต์ลงทวิตเตอร์ว่างานนี้มีสตาฟฟ์ไม่เพียงพอและผู้จัดงานไม่ได้วางแผนที่ดีพอสำหรับฝูงชนจำนวนมาก

นับว่าเหตุการณ์ที่แอสโตรเวิลด์นี้เป็นโศกนาฏกรรมที่เป็นกรณีศึกษาสำหรับทั้งศิลปิน ผู้จัดงาน ผู้ชมรวมไปถึงฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่ต้องระมัดระวังและเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่นนี้เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุร้ายซ้ำ ๆ แบบนี้อีก

Source

dailymail / BBC / Vulture

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส