ถ้าจะให้พูดถึงการ์ตูนที่เสียดสีสังคมกัดจิกถึงใจที่ไม่ว่าชาติไหนที่ได้อ่านก็จะรู้สึกเจ็บขึ้นมาทันทีเพราะความเป็นสากล หนึ่งในนั้นต้องมีเรื่อง ‘Parasyte’ หรือในชื่อไทยอย่าง “ปรสิตเดรัจฉาน” ที่บอกเล่าเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตปริศนาที่จู่ ๆ ก็ลงมาบนโลกแล้วเข้าสิงสิ่งมีชีวิตเพื่อกินมนุษย์เป็นอาหาร กับเรื่องราวชีวิตของเด็กชายธรรมดาที่ถูกปรสิตสิ่งที่มือขวาแทนที่หัว จนเกิดเป็นเรื่องราวการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของคู่หูต่างสายพันธุ์ ที่มาพร้อมกับคำถามที่หลายคนสงสัยว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่ปรสิตเหล่านี้ทำ (คือการกินมนุษย์) มันคือสิ่งที่ถูกแล้ว หรือปีศาจพวกนี้คือสัตว์ประหลาดที่เราควรกำจัดเพราะมันกินมนุษย์ แล้วพวกเรามีสิทธิ์อะไรไปฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นเพียงแค่เพราะมันต้องการอาหารเท่านั้น (มันกินได้แค่มนุษย์) นั่นคือคำถามที่หลายคนต้องตีความซึ่งตัวมังงะสื่อออกมาได้อย่างลงตัว วันนี้เรามาทำความรู้จักและเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของมังงะเรื่องนี้กัน ส่วนคนที่เพิ่งรู้จักก็จะได้ทราบเรื่องราวของโลกปรสิตเหล่านี้ได้มากขึ้น พร้อมกับแนะนำภาพยนตร์กับอนิเมะที่เป็นการต่อยอดจากมังงะได้อย่างลงตัวมานำเสนอ ถ้าพร้อมแล้วก็มาเอาชีวิตรอดในโลกของปรสิตเดรัจฉานเพื่อนรักเขมือบโลกไปพร้อมกันเลย

ทำความรู้จักปรสิตเดรัจฉานการ์ตูนเสียดสีสะท้อนสังคม

Parasyte

เริ่มต้นเรื่องแรกเรามาทำความรู้จักมังงะเรื่อง ‘Parasyte’ หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นอย่าง ‘Hepburn Kiseijū, lit’ ส่วนในบ้านเราจะรู้จักกันในชื่อ “ปรสิตเดรัจฉาน” การ์ตูนแนวสยองขวัญเลือดสาดที่แอบแฝงการจิกกัดสังคมในยุคนั้น ที่ไม่ใช่แค่ในประเทศญี่ปุ่นแต่ยังหมายถึงทั่วโลก โดยมีเหล่าปีศาจที่เราก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราว พร้อมคำถามที่ว่าใครกันแน่ที่เป็นสัตว์ประหลาด ระหว่างสัตว์ที่กินได้แค่มนุษย์กับมนุษย์ที่กินสิ่งมีชีวิตอื่นได้โดยไม่ถูกมองว่าเป็นสัตว์ประหลาด โดยมีอาจารย์ ฮิโตชิ อิวาอากิ (Hitoshi Iwaaki) เป็นคนคิดและเขียนขึ้นมาในช่วงปี 1988 ถึง 1995 ทั้งหมด 10 เล่มจบ ที่โด่งดังมาก ๆ ในยุคนั้น เพราะไม่ค่อยมีการ์ตูนแนวสยองขวัญเสียดสีสังคมแบบนี้ออกมา แต่ด้วยความรุนแรงของเนื้อหาหรือด้วยเหตุผลที่เราก็ไม่ทราบจึงทำให้มังงะเรื่องนี้ไม่ถูกสร้างเป็นอนิเมะเลย จนมาถึงปี 2014 รวมถึงภาพยนตร์ที่ฉายในปีเดียวกัน ซึ่งใครที่เคยดูอนิเมะกับภาพยนตร์ไปแล้วบอกเลยว่ามันคือความสนุกแค่ครึ่งเดียวเมื่อเทียบกับในมังงะ ที่ในนั้นโหดดิบและมีประเด็นเยอะกว่าที่คุณคิด ถ้ามีโอกาสก็ขอแนะนำให้คุณไปอ่านกัน แล้วคุณจะได้เปิดโลกในอีกมุมที่คุณเองก็คิดไม่ถึง

Parasyte

ปรสิตเหล่านี้คืออะไรมาจากไหน

Parasyte

หนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยว่าเจ้าตัวประหลาดพวกนี้มาจากไหนใครเป็นคนส่งมา เพราะถ้าใครเคยอ่านมังงะดูในอนิเมะหรือภาพยนตร์มาแล้ว จะได้เห็นฉากเปิดตัวคล้าย ๆ กันนั่นคือวัตถุประหลาดรูปร่างคล้ายลูกปิงปองแต่มีขนที่ถูกส่งลงมาบนโลก โดยที่ภายในนั้นมีหนอนรูปร่างคล้ายพยาธิตัวเท่างูหัวมันจะเป็นเหมือนสว่าน เพื่อเจาะเข้าไปในสมองของคนเพื่อยึดร่างนั้นมาเป็นของตน โดยมันสามารถเปลี่ยนหัวของร่างที่มันสิงเพื่อเป็นใบมีดได้หรือรูปร่างต่าง ๆ ได้ ไปจนถึงการเปลี่ยนใบหน้าไปเป็นคนอื่นเลยก็มี แต่ส่วนล่างตั้งแต่คอลงมายังคงเป็นมนุษย์ ที่จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมันมา เพราะคนเขียนก็ไม่ได้บอกเราถึงเรื่องนี้เลย ขนาดที่แม้แต่พวกปีศาจเหล่านี้ก็ยังไม่รู้เลยว่ามันถูกส่งมาทำไมใครเป็นคนสร้างพวกมัน ที่รู้ก็คือมันต้องกินมนุษย์เป็นอาหารเพื่อความอยู่รอด แต่ก็มีพวกที่ไปสิงในสัตว์และพวกที่สิงผิดที่อย่างไปสิงที่มือหรือคอ พวกมันก็สามารถวิวัฒนาการให้มีความคิดและเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง แต่บางตัวก็ไม่คิดจะเรียนรู้มีแต่สัญชาตญาณดิบก็มี ซึ่งพวกฉลาดมีความคิดก็จะตั้งคำถามถึงความชอบธรรมในการดำรงอยู่ของพวกมันบนโลกใบนี้ว่าคืออะไรทำไม ซึ่งนั่นคือความสนุกของเรื่องนี้ที่นอกจากคำถามที่ยิงใส่คนอ่านตลอดเวลาแล้ว การต่อสู้ของเรื่องนี้ก็เป็นจุดเด่นที่หลายคนชื่นชอบที่บอกเลยว่าสู้สนุกไม่แพ้การ์ตูนต่อสู้เลยทีเดียว เรียกว่ามาครบทุกแบบที่คุณต้องการเลยทีเดียวสำหรับเรื่องนี้

Parasyte

การเดินทางของ Shinichi กับการปกป้องโลกจากเหล่าอมนุษย์

Parasyte

คราวนี้มาดูเรื่องราวของตัวเอกในเรื่องอย่าง ชินอิจิ อิซุมิ (Shinichi Izumi) ชายหนุ่มวัย 17 ปีที่จะเรียกว่าโชคดีรึเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ เพราะในคืนที่เกิดเหตุสัตว์ประหลาดลงมาบนโลก ชินอิจิกำลังใส่หูฟังอยู่ในห้องเจ้าตัวประหลาดจึงไม่สามารถเข้าไปทางหูของเขาได้ มันจึงเปลี่ยนเป้ามาเข้าทางจมูกแต่สุดท้ายมันก็ทำไม่สำเร็จ แต่เจ้าปรสิตก็ไม่ยอมแพ้พุ่งเข้ามาหาชินอิจิจนเขาเอามือขวามาบังหน้าตัวเอง จนทำให้เจ้าตัวประหลาดชอนไชเข้าทางแขนของเขาแทนการสิงที่หัว จนมันมีชีวิตและเรียกตัวเองว่า มิกิ (Migi) ที่แปลว่าขวา แต่ในต้นฉบับมังงะเรียกว่า มิกกี้ (Mickey) ที่เอามาจาก มิกกี้ เมาส์ (Mickey Mouse) นับจากนั้นชีวิตของชินอิจิก็เปลี่ยนไป เมื่อเขารับรู้ถึงการมีอยู่ของเหล่าปีศาจที่อาศัยอยู่กับมนุษย์ ซึ่งพวกนี้มองชินอิจิและมิกิว่าเป็นศัตรูเป็นพวกไม่สมบูรณ์แบบ ขณะที่มิกิก็สู้เพื่อตัวเองเพราะถ้าชินอิจิตายมันก็จะตายด้วย ส่วนชินอิจิก็เลือกที่จะช่วยเหลือผู้คนจนบางทีมันก็นำพาหายนะมาสู่ตัวเอง จนถึงช่วงท้ายทั้งคู่ก็เปลี่ยนมาเป็นเพื่อนกันจนเกิดเป็นมิตรภาพระหว่างสองสายพันธุ์ แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้นชินอิจิต้องผ่านการต่อสู้มากมาย ที่เปลี่ยนความคิดของชินอิจิที่มองว่าสิ่งมีชีวิตก็เป็นแค่ก้อนเนื้อธรรมดา ที่พอก้อนเนื้อตายก็เน่าสลายไม่มีความหมายอะไร ขณะที่มิกิกลับเปลี่ยนมุมมองจากการมองว่ามนุษย์นั้นเป็นแค่อาหารเป็นเครื่องมือในการเอาตัวรอด กลับเปลี่ยนมาเป็นความเข้าใจมุมมองความคิดของมนุษย์มากขึ้น ที่เรียกว่ากลับด้านไปเสียอย่างนั้น ซึ่งกว่าจะถึงตรงนั้นทั้งคู่ได้ผ่านเรื่องราวที่เป็นจุดเปลี่ยนอันสำคัญมาก่อน จนเราคนอ่านได้เข้าถึงความรู้สึกของทั้งคู่ผ่านเหตุการณ์เหล่านั้น จนเข้าใจเลยว่าทำไมชินอิจิถึงคิดแบบนั้นและทำไมมิกิถึงมองโลกในแบบที่เปลี่ยนไปแบบนี้ ซึ่งถ้าอธิบายตรงนี้มันก็คงไม่เห็นภาพทางที่ดีแนะนำให้คุณไปหามาอ่านแล้วจะเข้าใจในส่วนนี้

Parasyte

ประเด็นน่าสนใจที่ถูกเล่าผ่านเรื่องราว

Parasyte

มาถึงตรงนี้คนที่ไม่เคยดูหรือรู้จักเรื่องราวของซีรีส์นี้อาจจะสงสัยว่าเรื่องนี้มันดีเด่นขนาดไหนกัน ทำไมคนถึงชื่นชอบทั้งที่มันก็เป็นแค่การ์ตูนสยองขวัญสัตว์ประหลาดกินคน ที่แม้จะเสียดสีสังคมมันก็ไม่น่าจะสะเทือนใจคนอ่านในยุคนี้ได้ ซึ่งเราต้องบอกเลยว่าคุณคิดผิดเพราะเรื่องราวในการ์ตูนเรื่องนี้มันเป็นสากลที่เอามาใช้ได้ทุกยุคสมัย โดยเฉพาะมุมมองของเหล่าสัตว์ประหลาดที่ตั้งคำถามกับมนุษย์และกับตัวเองว่า สรุปแล้วพวกมันคือตัวอะไรพวกมันมีหน้าที่อะไรบนโลกนี้ ขณะที่สัตว์ประหลาดบางตัวก็พยายามหาคำตอบอย่าง เรียวโกะ ทามิยะ (Ryoko Tamiya) คุณครูของชินอิจิ ซึ่งเป็นหนึ่งในปีศาจที่มีความคิดและพยายามหาคำตอบของคำถามที่ตนเองสงสัยเกี่ยวกับความรักของมนุษย์ ที่ตัวของเรียวโกะมองว่าความรักคือสิ่งไร้สาระที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ปกป้องตัวเองและเพื่อทำในสิ่งที่ตนเองอยากได้ ซึ่งคำถามนี้เกิดขึ้นตอนที่เธอเจอแม่ของเรียวโกะตัวจริงที่มาหาลูกสาว ผู้เป็นแม่เห็นลูกสาวครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่านั่นไม่ใช่ลูกสาวตน เรียวโกะจึงเกิดคำถามถึงความรักของแม่ลูกจึงมีลูกกับปีศาจด้วยกัน ซึ่งเด็กที่เกิดมานั้นก็ (ไม่บอกไปหาดูเอง) ซึ่งสิ่งที่เรียกโกะได้คือความรู้สึกรักที่มีต่อลูกตัวเองโดยที่ตัวเธอนั้นก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร นี่ยังไม่นับตัวละครอื่น ๆ ที่พยายามเรียนรู้ความรู้สึกของมนุษย์อย่างการยิ้มและหน้าตาที่ดูดีเพื่อหลอกล่อเหยื่อมากินได้ หรือจะเป็นมุมมองของมนุษย์อย่าง อุรากามิ (Uragami) ฆาตกรที่ฆ่าคนเพื่อความสนุกและสามารถแยกคนกับปีศาจได้ ซึ่งอุรากามิมองว่าปีศาจพวกนั้นเป็นแค่สัตว์ที่หาอาหารหรือป้องกันตัวไม่ได้ฆ่าเพื่อความสนุกเหมือนมนุษย์ ซึ่งนี่เป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้นถ้าคุณได้อ่านมังงะคุณจะถูกตั้งคำถามมากมายที่การ์ตูนเรื่องอื่นให้คุณไม่ได้

Kiseijuu Sei no Kakuritsu
Parasyte

Kiseijuu Sei no Kakuritsu ฉบับปรับปรุงให้เข้าสมัย

Kiseijuu Sei no Kakuritsu

อย่างที่เราได้บอกไปในตอนต้นว่าตัวมังงะเรื่อง ‘Parasyte’ ได้ถูกเอามาทำเป็นอนิเมะและภาพยนตร์ในปี 2014 ซึ่งสำหรับใครที่ไม่อยากไปอ่านฉบับมังงะก็สามารถหาฉบับอนิเมะมาดูได้ โดยเรื่องราวของ ‘Kiseijuu Sei no Kakuritsu’ จะมีการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ส่วนของฉบับมังงะ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมสมัยของฉากเรื่องราวเนื้อหาไปจนถึงการเปลี่ยนลายเส้นของตัวละครที่ต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะตัวชินอิจิที่ในตอนแรกจะถูกเปลี่ยนเป็นหนุ่มแว่นที่แฟน ๆ หลายคนต่างไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่เมื่อได้ดูไปเรื่อย ๆ ตัวอนิเมะก็ใส่เนื้อหาหลัก ๆ ของมังงะมาได้อย่างลงตัวและตรงกับต้นฉบับ แต่ก็มีหลายส่วนที่ถูกตัดถูกเปลี่ยนไปเพราะเรื่องราวในมังงะค่อนข้างรุนแรงที่ไม่เหมาะกับการเอามาทำเป็นอนิเมะ แต่โดยรวมก็ถือว่าสนุกแต่ไม่สุดต้องเรียกว่าทำได้ราว ๆ 65% จากเนื้อหาในมังงะที่เอามาดูเพื่อความบันเทิงได้แต่คุณจะไม่เข้าถึงเนื้อหาเท่ามังงะเท่านั้น ตัวอนิเมะมีความยาวทั้งหมด 24 ตอนจบ ใครที่ไม่อยากอ่านก็ไปหามาดูกันได้

Kiseijuu Sei no Kakuritsu

ปรสิตเพื่อนรักเขมือบโลก เรื่องราวฉบับภาพยนตร์

Parasyte

และถ้าฉบับอนิเมะมันยาวไปจนคุณไม่มีเวลาดู เราก็มีฉบับภาพยนตร์คนแสดงในชื่อ ‘Parasyte’ กับชื่อไทยที่หลายคนจดจำคือ “ปรสิตเพื่อนรักเขมือบโลก” ให้ดู โดยตัวภาพยนตร์นั้นจะทำออกมา 2 ภาคที่บอกเล่าเรื่องราวที่คล้าย ๆ กับในมังงะแต่จะมีการตัดเนื้อหาและเปลี่ยนแปลงเรื่องราวหลาย ๆ ส่วนไปเพื่อให้ตัวภาพยนตร์กระชับมากขึ้น โดยการใส่ฉากสำคัญ ๆ อย่างบุกโรงเรียนของ เอ (A) ปีศาจไร้ชื่อที่เป็นแกนหลักของภาคแรก ไปจนถึงเรื่องราวของเรียวโกะและการเปลี่ยนแปลงของชินอิจิที่ถ้าใครเคยอ่านมังงะหรือดูอนิเมะมาก่อนจะรู้สึกขาด ๆ เกิน ๆ ที่แม้ตัวเรื่องจะดูได้สนุกและมีถึง 2 ภาค แต่เนื้อหาของภาพยนตร์ก็เล่นได้ไม่สุดเมื่อเทียบกับในมังงะ แต่ข้อดีของฉบับนี้คือฉากการต่อสู้กับตัวสัตว์ประหลาดที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ จนเรารู้สึกว่าถ้าพวกนี้มันมีตัวตนจริง ๆ คงเป็นแบบนี้แน่ ๆ ใครที่อยากรู้เรื่องราวแบบรวบรัดก็ไปหาฉบับภาพยนตร์มาดู เพราะคุณจะได้เห็นแกนหลักของเรื่องครบตั้งแต่ต้นจนจบ แต่อย่างที่เราเน้นว่าแต่มันจะไม่สุดเหมือนในต้นฉบับมังงะ แต่ถ้าดูเอาเพลินก็ถือว่าโอเคเลยทีเดียว

Parasyte

Parasyte Reversi ภาคแยกที่เสริมเรื่องราวจากเรื่องหลัก

Parasyte Reversi

และถ้าคุณดูฉบับอนิเมะอ่านมังงะหรือดูภาพยนตร์อันใดอันหนึ่งมาแล้ว เราก็มีเนื้อเรื่องเสริมที่ถูกแต่งขึ้นจากฝีมือของอาจารย์อิวาอากิ (เขาให้คนอื่นวาด) มาให้ได้ติดตามกัน กับ ‘Parasyte Reversi’ ที่อยู่ในจักรวาลเดียวกับมังงะ ที่บอกเล่าเรื่องราวของปีศาจตนอื่นที่อยู่ร่วมกับมนุษย์ ไปจนถึงเหล่ามนุษย์ที่อยู่ร่วมกับปีศาจเหล่านี้ที่เราอาจจะไม่ทราบมาก่อน เพราะเรื่องราวในมังงะจะเล่าตามตัวละครชินอิจิเป็นหลัก เราจึงไม่ได้เห็นมุมมองในส่วนอื่นมากนัก คราวนี้เราจะได้เห็นมุมมองต่าง ๆ ทั้งการเสียดสีสังคมฉากความโหดดิบของเรื่องที่ไม่ต่างกับต้นฉบับในมังงะเนื้อเรื่องหลักเลยทีเดียว ที่บอกเลยว่าแฟนซีรีส์ปรสิตไม่ควรพลาดตัวหนังสือมีฉบับแปลไทยที่ออกมาแล้วหลายเล่ม ใครที่เป็นแฟนซีรีส์ปรสิตไม่พลาด

Parasyte Reversi

หรือมนุษย์ต่างหากที่เป็นภัยต่อโลกปรสิตเหล่านี้จึงต้องมากำจัด

Kiseijuu Sei no Kakuritsu

ปิดท้ายกับการตีความเนื้อหาของเรื่อง ‘Parasyte’ ที่แฟน ๆ พยายามตีความกันว่ามากมายถึงประเด็นที่อยู่ในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งปีศาจพวกนี้มามันคือสัญญาณเตือนจากบางสิ่ง ที่ต้องการบอกมนุษย์ว่าสิ่งที่ตนเองกำลังทำในตอนนี้มันกำลังทำร้ายโลกใบนี้อยู่ หรือจะเป็นการบอกให้มนุษย์รู้ว่าไม่ได้มีแค่คุณเท่านั้นที่อยู่บนสุดของโซ่อาหาร แต่ยังมีบางสิ่งที่เหนือกว่าความเข้าใจของมนุษย์อยู่ และสิ่งเหล่านี้ก็กำลังเฝ้าจับตาดูเราอยู่แบบใกล้ชิด หรือจะตีความไปได้ว่าเหล่าปีศาจพวกนี้เปรียบเหมือนยาที่มารักษาโลกให้กลับมาสมดุลแบบที่มันควรเป็น โดยการกำจัด (กิน) มนุษย์ที่เป็นเหมือนเชื้อโรคที่กำลังทำร้ายโลกใบนี้อยู่ให้มากที่สุด หรือมันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยก็แค่สัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นมาบนโลก และมันต้องหาอาหารมากินเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น เราที่เป็นมนุษย์ต่างคิดและตีความไปเองว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นมีความหมายแบบนี้ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ไม่มีสิ่งไหนถูกหรือผิดเพราะทุกอย่างที่เราคิดมานั้นสามารถเป็นไปได้ทั้งหมด และในมังงะก็ได้ให้คำตอบกับเราคนอ่านไปแล้วว่า สิ่งที่คุณคิดมานั่นละคือคำตอบไม่ว่าจะคิดแบบไหนก็คือสิ่งที่ถูกทั้งหมด เพราะทุกคนคือสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้และเราไม่ใช่ผู้อยู่จุดสูงสุดแต่เราเท่าเทียมกันหมด นั่นคือสิ่งที่มังงะ ‘Parasyte’ บอกกับเรานั่นเอง

Kiseijuu Sei no Kakuritsu

ก็จบกันไปแล้วกับการแนะนำพูดถึงการ์ตูนเก่าระดับตำนานอย่าง ‘Parasyte’ สำหรับสายที่ชอบมังงะเนื้อหาหนัก ๆ เรื่องราวสมจริงและเสียดสีสังคม ที่ไม่ว่าจะเอามาอ่านตอนไหนก็ยังคงสนุก ซึ่งล่าสุดมีข่าวว่าทางเกาหลีกำลังสร้างซีรีส์ ‘Parasyte’ ลงบน ‘Netflix’ ที่จะฉายในอนาคตคงต้องมารอดูว่าทางนั้นจะหยิบเรื่องราวในมังงะมาถ่ายทอดได้เทียบเท่าหรือใกล้เคียงรึเปล่า เพราะจากที่แฟน ๆ ได้รับมาทั้งฉบับอนิเมะและภาพยนตร์มันยังทำได้ไม่สุดอย่างที่แฟน ๆ ต้องการคงต้องมารอดูกัน ซึ่งถ้าใครที่ไม่เคยอ่านมังงะเรื่องนี้ก็มีฉบับพิมพ์ใหม่ออกมาบ่อย ๆ น่าจะหาซื้อได้ไม่ยาก ลองอ่านดูแล้วคุณจะรู้ว่ามังงะเรื่องนี้คือหนึ่งในการ์ตูนน้ำดีที่คุณต้องอ่านแล้วคุณจะมองโลกใบนี้เปลี่ยนไปอีกแบบทันที ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวของมังงะอนิเมะเรื่องไหนก็รอติดตามกันได้ รับรองว่าเราจะหยิบมังงะที่น่าสนใจมาแนะนำให้แฟนใหม่ได้รู้จักและให้แฟนเก่าได้หายคิดถึงติดตามแบไต๋เอาไว้ได้เลย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส