หลังจากมาร์เวลปล่อยตัวอย่างแรกของ Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ออกมาเมื่อ 2 วันก่อน ชื่อของ Shang-Chi และ Simu Liu ก็กลายเป็นที่สนใจบนโลกโซเซียลอีกครั้ง หลังจากที่เคยประกาศชื่อเขาเป็นนักแสดงนำเมื่อปี 2562 ในตัวอย่างล่าสุด เราได้เห็นซูเปอร์ฮีโรที่มีกำลังภายในเป็นอาวุธหลัก นับว่าเป็นก้าวที่แปลกใหม่ในวงการซูเปอร์ฮีโร และได้เห็นมาดของซื่อมู่ หลิว ในฐานะซูเปอร์ฮีโรรายใหม่ที่ต้องพะบู๊เป็นหลักก็ดูเข้าตาไม่เบา หลังจากทีเห็นเขาในแบบภาพนิ่งมายาวนาน

เท่าที่เห็นนี่ก็ถือว่า Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings เป็นก้าวที่น่าสนใจของมาร์เวล สามารถยืดอายุของตลาดหนังซูเปอร์ฮีโรออกไปได้อีก และซื่อมู่ หลิว ก็เป็นตัวเลือกที่นับว่าเข้าทางเหมาะกับบทพระเอกซูเปอร์ฮีโรชาวเอเซียนที่มีวิชากังฟูเป็นอาวุธ วันนี้เราทำความรู้จักกับซื่อมู่ หลิว กันเพิ่มเติม ว่าก่อนหน้าที่เขาจะถูกเลือกจากมาร์เวลนั้น เขาเป็นใครมาจากไหน ทำไมเราไม่เคยเห็นหน้าค่าตาหรือชื่อของนักแสดงผู้นี้มาก่อนเลยนะ

1.เขามีผลงานในทีวีซีรีส์หลายเรื่อง

Kim’s Convenience

ซื่อมู่ หลิว ปัจจุบันอายุ 32 ปี หลิวเกิดที่เมืองฮาร์บิน ประเทศจีน แต่แล้วครอบครัวของเขาก็ย้ายรกรากมาอยู่ในเมืองมิสซิสซอกา ในรัฐออนทาริโอ ประเทศแคนาดา ตั้งแต่เขาอายุแค่ 5 ขวบ หลิวเขาสู่วงการแสดงตั้งแต่ปี 2012 ก่อนจะได้เข้าสู่จักรวาลมาร์เวล เขาก็มีผลงานแสดงทีวีมาแล้ว 16 เรื่อง บทบาทแรกของเขาคือบท ตำรวจฮ่องกง ในซีรีส์ Nikita (2012) แต่บทที่สร้างชื่อให้เขามากที่สุดก็คือ จุง คิม ในซีรีส์ Kim’s Convenience ที่เริ่มแพร่ภาพตั้งแต่ปี 2016 เล่าเรื่องของครอบครัว เกาหลี-แคนาเดียน ที่มาเปิดธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ซื่อมู่ หลิว รับบทเป็น จุง คิม พี่ชายคนโตของครอบครัวนี้ บทนี้ยังส่งให้หลิวได้เข้าชิงรางวัล “บทบาทการแสดงที่โดดเด่น” ในเวทีสหพันธ์ภาพยนตร์ โทรทัศน์และวิทยุแห่งแคนาดา ส่วนซีรีส์ Kim’s Convenience ก็ประสบความสำเร็จจนสร้างต่อเนื่องมาถึงซีซันที่ 5 แล้ว และก้าวกระโดดที่สุดของซิตคอมเรื่องนี้ก็ตอนที่ได้ไปสตรีมมิงบน Netflix เมื่อปี 2018 ส่วนซีรีส์เรื่องอื่น ๆ ที่โดดเด่นก็อย่างเช่น Taken ในปี 2017 ซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากหนังฮิตของ เลียม นีสัน และ Blood and Water ซีรีส์อาชญากรรมที่ฮิตมากในแคนาดา

2.เขาเคยเป็นนักบัญชีก่อนเข้าสู่วงการแสดง

หนึ่งในเหตุผลที่พ่อแม่ของซื่อมู่ หลิว ตัดสินใจย้ายมาอยู่ในแคนาดากันก็เพราะหวังว่าอยากให้ลูก ๆ ได้เติบโตมาแล้วได้ทำงานในบริษัทขนาดใหญ่ได้เงินเดือนดี ๆ พ่อแม่จีงส่งซื่อมู่ หลิว ให้ร่ำเรียนในสาขาการเงินและการบัญชี ที่โรงเรียนการธุรกิจไอวี พอเรียนจบ หลิวก็ได้ทำงานเป็นพนักงานบัญชีที่ Deloitte หนึ่งใน 4 บริษัทรับทำบัญชีขนาดใหญ่ของแคนาดา แต่แล้วหลิวก็รู้ตัวว่าเขาหลงใหลในแวดวงการแสดง จึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางชีวิต ลาออกจากงานบัญชีมาไขว่คว้าความฝันในแวดงบันเทิง ภายหลังหลิวเปิดเผยเหตุผลที่เขาลาออกจากบริษัทผ่านทางทวิตเตอร์ว่าที่จริงแล้วเขาไม่ได้ลาออกหรอก แต่เขาถูกบริษัท ‘เลิกจ้าง’ ต่างหาก เหตุเพราะเขาทำงานได้แย่มาก

ภาพของ ซื่อมู่ หลิว ที่ถูกใช้บนปกหนังสือเรียนบัญชี

แล้วในวันนี้เขาก็คงรู้แล้วว่าเขาได้เลือกเส้นทางชีวิตได้ถูกต้องแล้ว นั่นทำให้เขาไม่ย้อนคิดถึงอดีตสมัยที่เขาทำงานบัญชีอีกเลย มีเพียงทวีต 1 ครั้งในปี 2019 ที่มีใจความว่า
“ได้โปรดหยุดเอาภาพผมไปใช้ในหนังสือเรียนบัญชีเสียที!! ผมเป็นพนักงานบัญชีเพียงแค่ 9 เดือนเท่านั้น แล้วมันก็เป็นช่วงเวลาที่แสนเอือมระอา เป็นช่วงเวลาที่ผมเกลียดทุก ๆ นาทีที่ผ่านไปในทุกวันที่ผมต้องไปทำงานนั้น”

3.เขาได้เป็น Shang-Chi เพราะทวิตเตอร์

หลายคนอยากประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ก็ได้แต่นั่งรอโชคชะตา แต่ส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จก็เพราะความพยายามไขว่คว้าไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม อย่างกรณีซื่อมู่ หลิว นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงความกระตือรือร้น ความปรารถนา ผ่านทางทวิตเตอร์ของเขาเอง เริ่มตั้งแต่ปี 2014 เขาทวีตหามาร์เวลว่า “เฮ้ @มาร์เวล ที่ผ่านมากับ Captain America และ Thor คุณทำได้เยี่ยมยอดมากแล้ว ตอนนี้คุณน่าจะลองดูกับ ซูเปอร์ฮีโรเอเซียน-อเมริกัน ดูบ้างนะ?” ถ้าดูจากข้อความที่หลิวส่งตรงถึงมาร์เวล ก็พอจะดูออกว่าเป็นการกระเซ้า หรือชิมลางไปงั้น เค้าคงไม่คาดคิดหรอกว่าทวีตจากวันนั้นจะส่งผลย้อนกลับมาถึงตัวเขาแบบคาดไม่ถึง

ผ่านมาจนถึงปี 2018 มาร์เวลก็ประกาศว่าจะเปิดตัวซูเปอร์ฮีโรรายใหม่ Shang-Chi ที่เป็นชาวเอเซีย พอหลิวรู้ข่าวนี้ เขาก็ทวีตหามาร์เวลอีกครั้ง

“โอเค @มาร์เวล ตกลงเราจะเจรจากันเรื่องนี้รึเปล่า #shangchi”

ด้านได้อายอดเรื่องจริงเลย ไม่ต้องตอบก็รู้ว่ามาร์เวลนัดเจรจากับซื่อมู่ หลิว จริง แล้วผลก็ออกมาอย่างที่เราทราบกันดี

4.เป็นสตันท์แมนมาก่อน

มันไม่ใช่เพียงแค่ทวีตของหลิวที่ส่งถึงมาร์เวลแล้วทำให้เขาได้โอกาสเป็น Shang-Chi หรอก แต่ด้วยคุณสมบัติหลาย ๆ อย่างของหลิวที่ทำให้มาร์เวลเล็งเห็นว่าเขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว โดยเฉพาะในการเล่นฉากแอ็กชันด้วยตัวเอง ซึ่งหลิวเองก็มีพื้นฐานงานสตันท์ที่ช่ำชองมายาวนาน

ตอนที่ยังเป็นสตันท์แมน

ที่จริงแล้วซื่อมู่ หลิว เข้าสู่วงการแสดงด้วยงานสตันท์แมนเลยด้วยซ้ำ ‘Sick’ หนังสยองขวัญปี 2012 เป็นงานแสดงเรื่องแรกที่เขารับหน้าที่เป็นสตันท์แมน และอีกหลาย ๆ เรื่องอย่างเช่น ‘Heroes Reborn’ และตอนหนึ่งในทีวีซีรีส์ ‘Designated Survivor’เขายังรับหน้าที่แสดงฉากสตันท์แทน พีต เวนตซ์ (Pete Wentz) หนึ่งในสมาชิกวงบอยแบนด์ Fall Out Boy ในมิวสิกวิดีโอเพลง “Centuries”

เหตุที่ซื่อมู่ หลิว สามารถรับงานสตันท์แมนได้ดีก็เพราะว่าเขามีร่างกายที่สมบูรณ์พร้อม เขาเชี่ยวชาญทั้งในศิลปะการป้องกันตัว, ยิมนาสติก ซึ่งหลิวก็มักโพสต์คลิปอวดความสามารถเขาผ่านสื่อโซเซียลอยู่บ่อยครั้ง และแน่นอนว่าในหนัง Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings นั้น ซื่อมู่ หลิว น่าจะเล่นฉากแอ็กชันด้วยตัวเองในหลาย ๆ ฉาก การได้ซื่อมู่ หลิว มารับบทนี้ก็เป็นผลพลอยได้ของมาร์เวลจริง ๆ

https://www.instagram.com/p/BXZbatUFxUf/?utm_source=ig_embed

5.เขาเป็นทั้งผู้กำกับ และนักเขียนบทภาพยนตร์

ไม่ธรรมดาจริง ๆ สำหรับซื่อมู่ หลิว คนนี้ นอกจากเชี่ยวชาญงานสตันท์แล้ว ในด้านงานภาพยนตร์นั้น หลิวยังเคยผ่านงานเขียนบทมาแล้วด้วย ตอนที่เขาได้ร่วมแสดงในซีรีส์ Blood and Water ปี 2015 หลิวได้เป็นหนึ่งในทีมเขียนบทด้วย และยิ่งไปกว่านั้น ในซีซันที่ 2 ของ Blood and Water ที่มีทั้งหมด 8 ตอน หลิวรับเหมาหน้าที่เขียนบทเองคนเดียวเลย

Blood and Water ผลงานที่ ซื่อมู่ หลิว ร่วมแสดงและเขียนบท

นอกเหนือจากนั้นยังมีงานหนังสั้นที่ซื่อมู่ หลิว รับบทนำและเขียนบทเองอีกหลายเรื่องด้วย อย่างเรื่องเด่น ๆ ก็คือ ‘Open Gym’ เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เข้าเรียนในคลาสสอนศิลปะการป้องกันตัว และเรื่อง ‘Meeting Mommy’ เรื่องราวของเด็กหญิงตัวน้อยที่จะได้เจอแม่ของเธอแค่ปีละครั้ง เรื่องนี้ได้รับเลือกให้ไปฉายโชว์ที่เทศกาลภาพยนตร์ Reel World Film Festival เมื่อปี 2017 ด้วย และเรื่องสำคัญก็คือ Crimson Defender vs. The Slightly Racist Family ผลงานปี 2015 ที่เป็นผลงานภาคภูมิใจของหลิวก็เพราะเรื่องนี้เขาเหมาหน้าที่ทั้งกำกับ เขียนบท และแสดงนำ เรื่องราวของซูเปอร์ฮีโรที่ต้องเจอกับอุปสรรคท้าทายที่สุดในชีวิตนั่นก็คือ “เหยียดเชื้อชาติ”

ไม่เพียงแค่นั้น ซื่อมู่ หลิว ยังมีบริษัทผลิตภาพยนตร์ของตัวเองอีกด้วยในชื่อ  4:12 Entertainment ที่มีสโลแกนประจำบริษัทว่า
“เจาะจงสร้างสรรค์ผลงานที่สนับสนุนเรื่องราวของชาวเอเซียน-อเมริกัน เท่านั้น”
ตัวเลข 4:12 ในชื่อบริษัทนั้นคือวันที่ 12 เดือนเมษายน วันที่หลิวถูกเลิกจ้างจากบริษัทบัญชี

6.เขาเป็นปากเสียงของกลุ่มนักเคลื่อนไหว

นอกเหนือจากบทบาทในแวดวงบันเทิงแล้ว สิ่งที่ซื่อมู่ หลิว ให้ความสำคัญเสมอมาคือเป็นปากเสียงในการต่อต้านกระแส “เหยียดชาวเอเซีย” ซึ่งถ้าใครติดตามข่าวรอบโลกจะเห็นว่ากระแสต่อต้านชาวเอเซียนโหมรุนแรงขึ้นตั้งแต่มีการระบาดของ โควิด-19 เพราะมีชาวอเมริกันจำนวนมากมองว่าชาวเอเซียเป็นต้นกำเนิดของไวรัสร้ายตัวนี้

เดือนมีนาคมที่ผ่านมานี่เอง ซื่อมู่ หลิว ในฐานะที่เป็นนักเขียนฝีมือดีคนหนึ่งก็ได้รับเกียรติให้ไปเขียนคอลัมน์พิเศษในนิตยสาร Variety ในหัวข้อเรื่องการ “เหยียดชาวเอเซีย”

“ไอ้คำว่า ‘the China virus’ นี่ล่ะ มันกลายเป็นคำที่กระตุ้นให้เกิดกระแสรังเกียจผู้คนชาวเอเซีย ไม่ใช่แค่คนจีนแล้ว แต่เหมารวมไปถึงชาวเอเซียทุกเชื้อชาติ และกระแสนี้จะไม่สามารถบรรเทาเบาบางลงได้ด้วย ซิตคอมมากมายบนจอทีวี หรือหนังซูเปอร์ฮีโรจากมาร์เวลหรอกนะ แต่มันจะต้องเริ่มจากพวกคุณนั่นเอง ผู้ที่ได้เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์เหล่านี้ ขอได้จงตระหนักและรับรู้ความเจ็บปวดของพวกเราด้วยเถิด”

นอกเหนือจากนั้นหลิวยังได้ร่วมเขียนในบทความ Time’s 100 Talks ประจำปี 2021 ลงในนิตยสาร Time ในฐานะที่เขาเป็นชาวเอเซียคนแรกที่ได้เป็นซูเปอร์ฮีโร

“ผมรักการ์ตูนมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว ผมรักบรรดาซูเปอร์ฮีโร แต่ผมไม่เคยมองตัวเองเลยนะว่าจะได้มาเติมเต็มช่องว่างนั้น ผมหวังว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้เด็ก ๆ ที่ได้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมคล้ายผม จะได้มีโอกาสเช่นเดียวกัน ผมหวังว่ามันจะเป็นการกระตุ้นให้พวกเขากล้าแสดงออก กับการได้เห็นตัวเองบนจอภาพยนตร์แล้วได้รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นส่วนสำคัญบนโลกใบนี้ ซึ่งบรรดาเด็ก ๆ ชาวเอเซียที่ต้องเติบโตมาในโลกตะวันตกแบบผม ที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้ก้าวมาถึงจุดนี้กันมาก่อน”

นับว่าเป็นนักแสดงที่เพียบพร้อมคุณสมบัติและความสามารถจริง ๆ เป็นความภาคภูมิใจของชาวเอเซียตัวจริง จากนี้ไปเราก็ควรเอาใจช่วยให้หนัง Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ประสบความสำเร็จ เพื่อบทบาทในด้านนักเคลื่อนไหวและเรียกร้องสิทธิ์ของชาวเอเซียที่เปล่งออกมาจาก ซื่อมู่ หลิว คนนี้จะได้ดังฟังชัดมากขึ้น Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings มีกำหนดฉายวันที่ 3 กันยายน ปีนี้แล้ว

อ้างอิง

อ้างอิง

อ้างอิง