Ang Lee คือผู้กำกับดังที่ผ่านงานเยี่ยมๆมามากมาย ไม่ว่าจะหนังกำลังภายในเชิงศิลป์อย่าง Crouching Tiger Hidden Dragon (2000) หนังซูเปอร์ฮีโร่ Hulk (2003) หนังดราม่าน้ำดีรางวัลออสการ์อย่าง Brokeback Mountain (2005) และล่าสุดกับหนังปรัชญาขวัญใจมหาชนอย่าง Life of Pi (2012)

หลังจากสร้างปรากฏการณ์งานเอฟเฟกเสือปาร์กเกอร์สุดเนียนในไลฟ์ออฟพาย ในผลงานชิ้นล่าสุดนี้ อังลี่ ก็ขอสร้างปรากฏการณ์เปิดศักราชใหม่ของระบบการฉายภาพยนตร์โลกด้วยการถ่ายทำหนังระบบ HFR (High Frame Rate) ชื่อนี้หลายคนบอกไม่แปลกเพราะ HFR นั้นได้เคยมีการถ่ายทำมาแล้ว จากผลงานบิดาแห่งลอร์ดออฟเดอะริงฉบับภาพยนตร์อย่าง ปีเตอร์ แจ๊กสัน ในเรื่อง The Hobbit: An Unexpected Journey ที่ถ่ายทำด้วยเฟรมเรท 60 เฟรมต่อวินาที (ภาพยนตร์ปกติถ่ายด้วยเฟรมเรท 24 เฟรมต่อวินาที และเป็นเช่นนี้มาร่วมศตวรรษแล้ว) ฝนตอนนั้นเรียกว่าแจ๊กสันไม่ประสบความสำเร็จตามคาดหมายนักเพราะ หลายคนมองว่ามูฟเม้นท์ของภาพมันดูคล้ายวิดีโอไปเลย

ปีเตอร์ แจ๊กสัน กับการถ่ายหนัง 60 เฟรมต่อวินาที

ปีเตอร์ แจ๊กสัน กับการถ่ายหนัง 60 เฟรมต่อวินาที

แต่มาครั้งนี้ HFR ใหม่ที่อังลี่จะใช้นั้นคือ 120 เฟรมต่อวินาที!!!

โปรเจคหนัง 120 เฟรมต่อวินาทีนี้มีชื่อว่า Billy Lynn’s Long Halftime Walk ดัดแปลงจากหนังสือชื่อเดียวกันของ Ben Fountain โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องบาดแผลจากสงครามอิรักของเหล่าทหารหาญที่รอดตายกลับมา โดยได้ดารามาร่วมแสดงคับคั่งสมราคาตั้งแต่ Kristen Stewart Vin Diesel Garrett Hedlund ร่วมด้วยสองดาราตลกอย่าง Steve Martin และ Chris Tucker ที่ห่างหายจากจอเงินไปนานทีเดียว ว่ามาขนาดนี้เชื่อว่าคงเป็นหนังแอ็กชั่นดราม่าที่ไม่ธรรมดาแน่นอน โดยเบื้องต้นหนังจะเล่าเรื่องตัดสลับระหว่างการรบที่อิรัก กับงานสดุดีเกียรติเหล่าทหารที่รอดชีวิตกลับมาในการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล ณ สนามของทีมดัลลาสคาวบอย

ang-lee

ซึ่งล่าสุดในงาน the Future of Cinema Conference อังลี่ได้นำฟุตเทจที่ตัดแล้วความยาวประมาณ 11 นาทีของหนังเรื่องดังกล่าวมาฉายแบบปิดให้ผู้ทดสอบส่วนหนึ่งได้ดู ซึ่งจากการทวีตของ David S. Cohen จากนิตยสาร Variety หนึ่งในผู้เข้าทดสอบ ก็ยิ่งทำให้เรางงงวยเข้าไปใหญ่ ยังนึกภาพไม่ออกจริงๆว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน เช่นว่า

“ภาพมันดูไม่เหมือนวิดีโอนะ แต่มันก็ไม่เหมือนหนังปกติด้วย มันคือสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน”

“มันไม่ใช่แค่ใหม่ แค่เรื่องของเทคโนโลยีอย่างเดียวนะ แต่มันคือความลงตัวของระบบถ่ายทำ ความคมชัดคือส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องเลยล่ะ”

“ความคมชัดของภาพในฉากสงครามที่ตัดสลับกับฉากปัจจุบัน นี่มันยิ่งดูทรงพลังเข้าไปอีก ภาพโคลสอัพก็ดูใกล้คนดูได้มากกว่าเคย ยิ่งฉากโคลสอัพการต่อสู้นี่มันดูสมจริง ดูเป็นตาย ได้อย่างที่เราหวังจากหนังจริงๆ”

“ผมไม่รู้อนาคต แต่เชื่อว่านี่จะทำให้คนหันกลับมาสนใจการดูหนังในโรงเพิ่มมากขึ้นนะ”

เอาเป็นว่าตอนนี้ยังนึกไรไม่ออกเหมือนกันว่าลุคภาพของหนัง 120 เฟรมต่อวินาทีจะเป็นยังไง คงต้องรอลุ้นดูในวันที่หนังเข้าฉายที่อเมริกา 11 พฤศจิกายนนี้แล้วล่ะนะ ส่วนบ้านเรายังไม่เห็นกำหนดฉายว่าเมื่อไรก็รอตามกันไปนะครับ

billy-lynns-long-halftime-walk-poster

ที่มา: Collider