กลายเป็นดีลอภิมหายักษ์ยิ่งกว่า Lenovo ซื้อ Motorola จาก Google ไปตอนช่วงตรุษจีน เมื่อจ้าวแห่งโลกสังคมออนไลน์อย่าง Facebook ได้เข้าซื้อกิจการของแอพแชทข้อความที่มีคนใช้มากที่สุดในโลกอย่าง Whatsapp ไปในราคาถึง 19,000 ล้านเหรียญ ถือเป็นการเข้าซื้อที่ไม่มีข่าวหลุดอะไรมาก่อน และเชื่อว่าทั่วโลกกำลังสนใจว่าหลังจากนี้ Whatsapp จะดำเนินต่อไปในทิศทางใด

จากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับทั้ง 2 ฝ่ายบอกว่า แท้จริงแล้วดีลนี้เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยที่ Mark Zuckerberg เป็นฝ่ายยกหูโทรศัพท์นัดพูดคุยกับ Jan Koum CEO ของ Whatsapp ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2012

หลังจากนั้น 1 เดือนทั้ง 2 ก็ได้นัดพบปะดื่มกาแฟกันที่ Los Altos และได้ไปปีนเขาด้วยกัน ในตอนนั้นการจีบของ Facebook ยังไม่เป็นผลและยังไม่มีการตอบตกลงในการเข้าซื้อกิจการ แต่ว่า CEO ทั้งสองก็ได้เป็นเพื่อนกัน และยังคงหาเวลาพบปะรับประทานอาหารค่ำ และไปเที่ยวปีนเขากันอยู่บ่อยๆ

มีอยู่ 3 เหตุผลที่พี่มาร์คหลงไหลได้ปลื้มกับ Whatsapp คือ

whatsapp-growth

  • เขาเชื่อว่า Whatsapp จะสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้ไปได้ถึง 1,000 ล้านคนในเวลาไม่นาน ถึงแม้ตอนนี้จะมีผู้ใช้ต่อเดือนอยู่ที่ 450 ล้านคน แต่ต้องยอมรับว่า Whatsapp มีอัตราการเติบโตในระยะเวลา 4 ปีที่เร็วกว่า Facebook, Instagram , Skype, หรือว่า Gmail เสียอีก
  • และในยอดตัวเลขผู้ใช้ 450 ล้านคนของ Whatsapp นั้น มีถึง 70% ที่เป็นผู้ใช้ที่ใช้งานทุกวัน ซึ่งมากกว่า Facebook ที่มีอัตราผู้ใช้ที่ใช้งานทุกวันอยู่ที่ 62%
  • มาร์คมองดูผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตลาดแล้ว คิดว่า Whatsapp มีศักยภาพที่จะเป็นที่นิยมได้ในระดับเดียวกับ Tencent, Google search, YouTube, Facebook

และนี่คือสิ่งที่ทำให้พี่มาร์คยังตามจีบ Whatsapp ต่อมาจนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

มาร์คได้ชวนยาน คูมมาทานดินเนอร์ที่บ้าน พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอการควบรวมกิจการของ Facebook กับ Whatsapp เข้าด้วยกัน มาร์คได้บอกกับยานว่า “เรามาเชื่อมต่อโลกด้วยกันเถิด” (Let’s connect the world together) โดยที่ข้อเสนอนี้ไม่ใช่การซื้อกิจการ แต่เป็นการให้ยานเข้ามาเป็นหุ้นส่วน และมาร์คก็ต้องการให้เขาเข้ามาเป็นบอร์ดของ Facebook ด้วย

CEO ของ Whatsapp ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรในวันนั้น จนกระทั่งในเย็นของวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา  ยานก็ได้กลับมาที่บ้านของซัคเคอร์เบิร์กอีกครั้ง พร้อมตอบรับข้อเสนอของ Facebook ที่จะควบรวมทั้ง 2 กิจการนี้เข้าด้วยกัน

สำหรับทิศทางของ Facebook และ Whatsapp หลังจากการซื้อกิจการครั้งนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัว Facebook Messenger ก็จะยังคงมีอยู่ โดยจะลงทุนควบคู่กันไปกับ Whatsapp เนื่องจากพฤติกรรมผู้ใช้ต่างกัน โดยที่มีเป้าหมายแรกคือการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน Whatsapp ให้ได้มากที่สุดและทาง Facebook ก็ยืนยันว่าไม่มีแผนที่จะเอาโฆษณาใส่เข้าไปในการใช้งานของ Whatsapp เพราะมันไม่ใช่วิธีที่เหมาะในการหารายได้ในแอพแชท

เชื่อว่าหลังจากนี้บรรดาแอพแชตชื่อดังต่างๆ จะเริ่มเนื้อหอมมากยิ่งขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Rakuten ของญี่ปุ่นก็พึ่งซื้อกิจการของ Viber ที่เป็นแอพแชตส่งข้อความไป และบรรดายักษ์ใหญ่ในโลกออนไลน์ตอนนี้ต่างถือแอพแชตเอาไว้ในมือกันหมดแล้ว ต้องรอดูว่าจากนี้ใครจะพัฒนาและเพิ่มฐานผู้ใช้ได้มากที่สุด

ที่มา : Business Insider , Techcrunch