Play video

  1. WordPress

tnw1-730x417

Blog Platform ที่เรียกว่า ได้รับความนิยมที่สุดก็ว่าได้  เพราะ กินส่วนแบ่งไปกว่า 20% ของ web ทั้งหมด เว็บแบไต๋ของเราเองก็ใช้ WordPress ทำงานอยู่

ข้อดี          มีทางเลือกสำหรับผู้เริ่มใหม่แบบง่ายที่สุด คือ freemium host หรือได้ชื่อ domain xxx.wordpress.com แล้วก็ แบบ advance หน่อย ก็คือ Host เอง ที่สำคัญ ปรับแต่งง่าย ทำอะไรได้หลายอย่าง มี themes และ plugin ที่จะรองรับ solution จำนวนมาก ไม่ว่าจะทำ Portfolio, Ecommerce, blog, Gallery  เจ้า wordpress ทำได้หมด และ ง่ายมาก ๆ ไม่ต้องมีความรู้มากมาย ก็พอไปได้

ข้อด้อย    บอกว่า ง่ายก็จริง แต่พอเริ่มจะ “อยากทำโน่น อยากทำนี่้”  มากขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มจะไม่ง่ายหล่ะ มีความซับซ้อนยุ่งยากเยอะ  ติดอะไรมากไป ก็เดี๋ยวจะมีปัญหา ทำให้ blog load ช้าอีก แต่มั่ว ๆ ที ก็อาจจะพลาดล่มไปเลย เจ๊งไปเลยก็ได้

 

  1. Blogger

blogger1-730x415

Platform Blog ของ Google ที่ง่ายแสนง่าย

ข้อดี          ง่ายมาก ๆ ทั้งการเริ่มต้น และการใช้งาน ปรับแต่ง Background เป็นของตัวเองก็ได้ ทำอะไรก็ได้

ข้อด้อย    ง่ายเกินไป จนไม่สามารถปรับแต่งอะไรได้เยอะ  เหมาะกับแค่การเขียน blog  เป็นตอน ๆ ไปเท่านั้น ทำเป็น categories ได้ แต่อาจจะไม่ดีเท่าแบบอื่น แล้ว ก็สิ่งสำคัญที่สุดคือ โดนผูกติดกับ Google ในทุก ๆ ทาง ตั้งแต่การใช้งานต้องมี Google Account ก่อน

  1. Tumblr

   tumblr1-730x415

สุดยอด Blog ลูกผสม ระหว่าง Blog กับ social media มีเอกลักษณ์ที่่ต่างกันออกไปเมื่อเทียบกับ wordpress และ community ระหว่างผู้ใช้ แข็งแกร่งมากกกกกกก

ข้อดี          ความสามารถ Reblogging ที่เป็นเอกลักษณ์ คือ เมื่อ Tumbler คนอื่น ถูกใจ Blog ของเรา เขาสามารถ Reblogging ได้ แล้ว บทความของเราจะไป feed ที่หน้า blog ของคนนั้น เหมือนช่วยกัน feed ช่วยกันกระจาย

ข้อด้อย    ทำได้สารพัดอย่างก็จริง แต่ทุกอย่างปรับที่ Themes ถ้าสิ่งที่อยากทำ ใน themes ไม่มีก็ต้องแปะ code เอา ซึ่งไม่น่าจะง่ายสำหรับมือใหม่นะ

 

  1. Medium

medium-730x416

Blogging Platform น้องใหม่ ที่เพิ่งเกิดเมื่อปีที่แล้ว มีข้อดีที่ความเรียบง่าย และ กระจายได้ไว มี ผู้ใช้ในไทยก็ไม่น้อย

ข้อดี          เรียบง่าย ใช้ง่าย กระจายตัวได้ไว้ อารมณ์คล้าย ๆ twitter แต่ เป็น feed  blog หนึ่งตอนขึ้นมาแทน เน้นการเขียนบทความให้อ่าน สามารถคอมเมนต์ระหว่างบรรทัดได้

ข้อด้อย    ผู้อ่านอาจจะชอบ เพราะอ่าน blog ขนาดพอดี ๆ ได้ง่าย ๆ แบบต่อเนื่อง แต่ ไม่มี engagement ต่อผู้เขียนเท่าที่ควร คล้าย ๆ กับ ไปยืนแสดงอะไรสักอย่างที่กลางสยาม คนจดจำได้ คนสนใจมาก แต่ไม่ได้ อะไรขนาดต้องแวะมาดูเป็นประจำ

 

  1. Svbtle

   svbtle-730x416

เกือบจะ present เป็น platform ที่ ชื่อแปลก และอ่านยากไปแทนแล้ว  แต่มันเป็น blog ที่เกิดจากการออกแบบของ designer คนหนึ่งที่ชื่อ Dustin Curtis พี่แกมี รูปแบบ blog ในอุดมคติ แต่ไม่ platform ไหนตอบโจทย์ได้เลย เลยสร้างขึ้นมาเองซะเลย

ข้อดี          รูปแบบเหมือน To do list ง่ายต่อการแบ่งหัวข้อและ เขียน mark down เรียบง่าย อ่านง่าย คล้ายๆ Medium

ข้อด้อย    ยังไม่เป็นให้ใช้ในวงกว้าง มีแค่บางกลุ่มเท่านั้น

 

  1. Quora

quora-blogs1-730x416

อีกหนึ่ง blog ที่มี community ที่แข็งแกร่ง content หนึ่งตัวจะกระจายตัวได้เร็วมาก  โดยส่วนมาก จะเป็น blog แบบตั้งประเด็นถาม ให้มาถกกัน และด้วยระบบของ Quora  ก็จะเรียกแขกให้มาแลกเปลี่ยนความเห็นได้อย่างรวดเร็ว

ข้อดี          โตไว กระจายไว เร็ว ง่าย  หาหัวข้อที่เกี่ยวข้องกันต่อเนื่องได้อย่างแม่นยำ

ข้อด้อย    ไม่มีความเป็นส่วนตัว ใคร ๆ จากไหนก็โดนดึงเข้ามาได้ สำหรับ บางคนอาจจะไม่เหมาะกับการทำ personal website

 

  1. Postach.io

postachio-730x415

Platform blog จาก Evernote ที่มีความเป็น Note แบบ evernote อยู่เต็มตัว

ข้อดี          สามารถใช้ Evernote Account ได้เลย และ สามารถสร้าง web ที่คนละชื่อกันได้ การเขียน ก็ใช้ evernote ได้ทันที  ควบคุมความสามารถต่าง ๆ ผ่าน tag เช่น จะเปลี่ยน avatar ใหม่ก็ใช้ tag avatar แทน เป็นต้น

ข้อด้อย    การแสดง feed เป็นรูปแบบ card stack และ ตัว blog ไม่สามารถปรับแต่งอะไรได้เลย ที่สำคัญ ยังเป็น Beta

  1. Ghost

   ghost

CMS เลือดใหม่ ที่ว่ากันว่า มาต่อกรกับ WordPress ด้วยเหตุผลว่า WordPress มันเกิน blog ไปนานแล้ว เป็น open source ที่เกิดได้ จากการระดมทุนผ่าน kickstarter

ข้อดี          ทำได้ทุกอย่าง ที่ blog ควรจะทำได้ ปรับแต่งอะไรก็ได้ สร้างเอกลักษณ์ตัวเองได้ และ claim ว่า ไม่เยอะ ไม่ยากแบบ wordpress

ข้อด้อย    ยังไม่เปิดใช้งานเต็มตัว ทั้งเรื่อง รูปแบบราคา หรือ ความอิสระของ third party dev

  1. Squarespace

squarespace-730x418

เรียกได้ว่าเป็น blog สำหรับ กลุ่มธุรกิจ เพราะ สามารถ จัดการและควบคุมทุกอย่างได้ ระดับเดียวกับ web ecommerce ทั่ว ๆ ไป

ข้อดี          คลอบคลุม ความต้องการทั้งหมด และ สวยงามโดยไม่ต้องยุ่งยาก

ข้อด้อย    แพง เมื่อเทียบแล้ว เริ่มต้นเดือนละ 8$ สำหรับคนที่ใช้ยาว ๆ ทำ web site ตัวย platform อื่น ๆ อาจจะถูกกว่า  แต่ก็ยังดี มี ทดลองใช้ให้ 14 วัน

Source : TNW