คำถามจากทางบ้านหลายข้อที่ยังคาใจและสงสัยในรถ Mitsubishi Outlander PHEV ทั้งเรื่องราคา ดีไซน์ การบำรุงรักษา ความคุ้มค่าของรถปลั๊กอินไฮบริด ทำให้ยังคงลังเล ไม่กล้าตัดสินใจ วันนี้แบไต๋รวบรวมคำตอบมาให้แล้ว

Q: PHEV บำรุงรักษาต้องเสีย 2 เด้ง จริงหรือ?

A: รถปลั๊กอินไฮบริดคือรถที่ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานควบคู่กับเครื่องยนต์ ซึ่ง Mitsubishi Outlander PHEV ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว หน้า-หลัง พร้อมด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 13.8 kWh ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน MIVEC แบบ DOHC 2.4 ลิตร 

แต่ในเรื่องการขับขี่นั้น Mitsubishi Outlander PHEV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% ตลอดเวลา วิ่งด้วยระบบไฟฟ้า 100% สูงสุด 55 กิโลเมตร ซึ่งมีการรับประกันตัวแบตเตอรี่อยู่แล้วนานถึง 10 ปี
ส่วนเครื่องยนต์นั้นมีหน้าที่สตาร์ตขึ้นมาช่วยปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ในกรณีที่แบตกำลังจะหมด หรือช่วยในจังหวะเร่งแซง รวมถึงใช้ขับขี่ในโหมด Sport ทำให้เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงานหนักหรือทำงานตลอดเวลาเหมือนรถยนต์ทั่วไป จึงไม่จำเป็นต้องเช็กสภาพบ่อย เพียงเช็กระยะปีละ 1 หน หรือทุก 20,000 กิโลเมตรเท่านั้น

Q: แบตเตอรี่รับประกันกี่ปี ราคาเปลี่ยนแบตเท่าไหร่?

A: Mitsubishi Outlander PHEV รับประกันคุณภาพตัวรถนาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ส่วนระบบ EV แบตเตอรี่รับประกันนาน 10 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระยะค่อนข้างครอบคลุมการใช้งานรถยนต์ทั่วไปอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังให้ค่าบำรุงรักษา Service Package และค่าแรงเช็คระยะ นาน 5 ปี เรียกได้ว่า 5 ปีแรกแทบไม่ต้องควักเงินจ่าย และยังให้เงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายติดตั้ง Home Charger ไม่เกิน 20,000 บาท อีกด้วย

ข้อดีของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดอย่าง Mitsubishi Outlander PHEV คือขนาดแบตเตอรี่มีขนาดพอดีต่อการใช้งาน ไม่ใหญ่จนเกินไป ถ้ามีเหตุให้ต้องมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ราคาเปลี่ยนแบตเตอรี่ก็จะไม่แพงเท่ารถไฟฟ้า EV 100% หรืออาจจะถูกกว่าเท่าตัวเลยก็ว่าได้ ซึ่งราคาในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ Mitsubishi Outlander PHEV นั้น อยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท ต่อการรับประกัน 10 ปี หากใครใช้รถนานเกิน 10 ปี จะเปลี่ยนแบตสักทีแล้วใช้ได้อีกยาว ๆ ตกปีละ 20,000 บาท ฟังดูก็ไม่แย่นะ

Q: ค่าน้ำมันน้อยลง แต่ค่าไฟจะเพิ่มขึ้นเยอะไหม?

A: คำถามนี้อยู่ที่การใช้งานของผู้ใช้เป็นหลัก รถยนต์ปลั๊กไฮบริด Mitsubishi Outlander PHEV วิ่งด้วยระบบไฟฟ้า 100% สูงสุด 55 กิโลเมตร จะบอกว่าเพียงพอต่อการใช้งานไปกลับที่ทำงาน ก็คงไม่ผิดนัก หรือจะขับไปชาร์จไปสำหรับการใช้งานในวันข้างหน้าก็ทำได้เช่นกัน 

แต่หากใครชาร์จที่บ้าน อาจจะต้องพิจารณาว่าที่บ้านใช้มิเตอร์แบบไหน หากเป็นแบบปกติค่าไฟจะอยู่ที่ประมาณ 4 บาท/หน่วย แต่หากเป็นมิเตอร์แบบ TOU (Time of Use Rate) จะมี 2 เรต คือ
ช่วง On Peak ตั้งแต่ 9.00 – 22.00 น. ราคาประมาณ 5.2674 บาท/หน่วย และช่วง Off Peak  ตั้งแต่ 22.00 – 9.00 น. จะอยู่ที่ 2.1827 บาท/หน่วย โดยผู้ใช้สามารถตั้งเวลาชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในช่วง Off Peak ได้ จะช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่า

ตัวอย่างเช่น Mitsubishi Outlander PHEV มีความจุแบตเตอรี่ 13.8 kWh ถ้าชาร์จมิเตอร์ปกติ 13.8 x 4 เท่ากับ 55.2 บาท แต่หากเป็นมิเตอร์ TOU ช่วง Off Peak 13.8 x 2.1827 เท่ากับ 30.121 บาท ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง

เท่ากับว่าชาร์จแบตเต็ม 100% วิ่งได้สูงสุด 55 กิโลเมตร มีค่าใช้จ่ายเพียง 30 – 55 บาทเท่านั้น หรือหากวิ่งแบบผสมไฮบริดก็มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ประมาณ 16 กิโลเมตร/ลิตร ถือได้ว่าประหยัดค่อนข้างมากเลยทีเดียวครับ (ประหยัดกว่ารถยนต์สันดาป เครื่องยนต์ 2.4 ลิตรทั่วไปแน่นอน)

Q: ถ้านอนเปิดแอร์ในรถทั้งคืน แบตจะหมดไหม?

A: พื้นที่ภายในห้องโดยสารเป็นอีกปัจจัยที่หลายคนให้ความสำคัญ Mitsubishi Outlander PHEV ค่อนข้างตอบโจทย์ในแง่ของความสบาย และให้ออปชั่นมาค่อนข้างครบ ทั้งเบาะไฟฟ้าคู่หน้า พื้นที่วางขาและ Headroom ที่ค่อนข้างกว้างขวาง ไม่ว่าจะนั่งขับหรือนอนพักผ่อนก็ทำได้อย่างสบายไม่รู้สึกอึดอัดเลย รวมถึงการขับขี่ในโหมดไฟฟ้า ที่แค่จอดอยู่เฉยๆ ก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ 

คำถามที่สำคัญ โดยเฉพาะชาวแคมปิงรอฟังคือแล้วถ้าใช้รถยนต์ Mitsubishi Outlander PHEV เป็นห้องนอนจำลอง เปิดแอร์นอนแบบไร้มลพิษ แบตเตอรี่ของตัวรถจะเพียงพอหรือไม่ ซึ่งตัวรถเคลมว่าหากแบตเตอรี่เต็ม 100% สามารถสตาร์ตรถเปิดแอร์ทิ้งไว้ได้ประมาณ 10 ชั่วโมง และเมื่อใช้งานจนแบตใกล้หมด รถจะสตาร์ตขึ้นมาเพื่อปั่นไฟกลับ เข้าแบตอีกที ดังนั้นรถจะไม่มีวันไฟหมดตราบใดที่ยังมีน้ำมันเหลือ ตอบโจทย์คนอยากเปลี่ยนรถเป็นที่พักงีบแบบปลอดภัย ไม่มีไอเสีย หรือจะเปิดแอร์นอนฉ่ำๆ ได้ทั้งคืนกันไปเลย

Q: PHEV กันน้ำได้แค่ไหน ปลอดภัยรึเปล่า?

A: หนึ่งในหัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าหรือไฮบริด ไปจนถึงปลั๊กอินไฮบริดคือ แบตเตอรี่ เพราะหากไม่มีที่เก็บพลังงานไฟฟ้าก็ขับเคลื่อนต่อไปไม่ได้ Mitsubishi Outlander PHEV ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 13.8 kWh ติดตั้งไว้ใต้ท้องรถ จึงเกิดข้อสงสัยว่าแล้วแบบนี้เวลาขับลุยน้ำ หรือเจอพื้นที่เปียดจะสามารถกันได้ไหม

แบไต๋ตอบแทนผู้ใช้รถยนต์มิตซูบิชิทุกท่านว่าสามารถขับลุยได้เหมือนกับรถยนต์อเนกประสงค์ทั่วไป เพราะตัวรถได้ซีลป้องกันแบตเตอรี่ใต้ท้องรถมาอย่างแน่นหนา และใช้ระบบระบายความร้อนแบบคอมเพรสเซอร์แอร์ เช่นเดียวกับแอร์ในห้องโดยสาร ทำให้มั่นใจในเรื่องไฟฟ้าลัดวงจรได้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องระดับน้ำ ทางศูนย์แนะนำมาว่าไม่ควรลุยน้ำที่ความสูงเกิน 190 มิลลิเมตร เพื่อความปลอดภัยแก่แบตเตอรี่นั่นเองครับ

สำหรับใครที่ยังลังเล ไม่มีคำตอบไหนจะทำให้มั่นใจได้มากกว่าไปลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV ด้วยตัวเองสักครั้ง สัมผัสประสบการณ์ขับขี่จริง ที่มาพร้อมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ การันตีด้วยช่วงล่างนุ่มนวลระดับตำนาน และทดสอบการใช้งานระบบไฟฟ้าที่ออกแบบมาให้ใช้และจัดการด้วยตัวเอง เป็นวิธีคิดเกี่ยวกับการจัดการพลังงานไฟฟ้าที่ไม่เหมือนใคร ทดลองขับ Mitsubishi Outlander PHEV เพื่อตอบทุกคำถามคาใจด้วยตนเอง คลิก! https://bit.ly/3yYmjOA

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส