8 กันยายน ฟอร์ด (Ford) บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกได้ประกาศจะปล่อยการอัปเดต BlueCruise ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงครั้งใหญ่เป็นครั้งแรก ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์การเปลี่ยนเลนอัตโนมัติโดยไม่ต้องจับพวงมาลัย ระบบช่วยคาดการณ์ความเร็วล่วงหน้า และการปรับตำแหน่งในเลน ซึ่งจะปล่อย BlueCruise 1.2 เริ่มจาก Mustang Mach-E 2023 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ปลายกันยายน) และแบรนด์ลินคอล์น (Lincoln) จะปล่อยอัปเดตในรุ่น ActiveGlide 1.2 สามารถเปิดใช้ได้เฉพาะบนถนนทางหลวงสำหรับการขับขี่อัตโนมัติที่มีระยะทาง 130,000 ไมล์ (200,000 กิโลเมตร)

ระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติจะทำงานได้เมื่อผู้ขับขี่แตะอนุญาตและอยู่ในภาวะการจราจรที่เคลื่อนตัวช้า ส่วนระบบช่วยคาดการณ์ความเร็วจะปรับความเร็วอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้าใกล้โค้งที่มุมแหลมพร้อมส่งสัญญาณให้ผู้ขับขี่ทราบล่วงหน้าว่ากำลังจะเปลี่ยนความเร็ว และฟีเจอร์การปรับตำแหน่งในเลนจะช่วยให้รถอยู่ในเลนขณะที่กำลังขยับตำแหน่งออกห่างจากรถที่อยู่ใกล้กันโดยเฉพาะรถบรรทุกพ่วงขนาดใหญ่

BlueCruise ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงของฟอร์ดได้เปิดตัวครั้งแรกด้วย Ford Mustang Mach-E ในปี 2021 จากนั้นได้ขยายสู่รถยนต์ของฟอร์ดและลินคอล์นรวมกันมากถึง 75,000 คัน ซึ่งออกมาตามหลังคู่แข่งอย่างเทสลาและจีเอ็ม แถมยังถูกจีเอ็มฟ้องร้องว่าไปใช้ชื่อใกล้เคียงกับ Super Cruise ทั้งนี้ฟีเจอร์การเปลี่ยนเลนอัตโนมัติได้มีอยู่ในระบบ Autopilot ของเทสลามาตั้งแต่ปี 2019 และจีเอ็มได้อัปเดตอยู่ใน Super Cruise เมื่อปี 2021

BlueCruise ของฟอร์ดและ ActiveGlide ของลินคอล์น จัดอยู่ในระบบขับขี่อัโนมัติ SAE ระดับ 2 ที่มีฟีเจอร์ทั่วไป ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ การเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษารถอยู่เลน การตรวจจับจุดบอด การตรวจสอบคนเดินถนน และการตรวจจับป้ายหยุด ซึ่งผู้ขับขี่ยังคงต้องควบคุมรถอยู่หลังพวงมาลัยและไม่ละสายตาจากถนน

ที่มา : theverge, ภาพ : ยูทูบ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส