แสนสิริ ประกาศวิสัยทัศน์ปี 2019 ทุ่มงบกว่า 600 ล้านบาท ผลักดันเทคโนโลยีซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะด้าน AI, IoT และ BlockChain พร้อมจับมือพันธมิตรระดับโลกอย่าง Microsoft, Amazon Web Services และ Digital Ventures ที่ร่วมสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ลูกบ้านแสนสิริโดยเน้นตอบโจทย์ 3 ด้านหลักคือ iConvernience (ด้านความสะดวกสบาย) iSafe (ด้านความปลอดภัย) และ iGreen (ด้านประหยัดพลังงาน) โดยยึดหลัก Human-Centric

Sansiri ตั้งใจเปลี่ยนคำว่า Innovation มาเป็นคำว่า Standard เพื่อบอกว่าเทคโนโลยีนี้สามารถเข้าถึงลูกบ้านกว่า 8,800 ครอบครัวได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ และจะคอยพัฒนา Innovation อื่น ๆ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เผย Home Service App ที่ตอบโจทย์การใช้งานลูกบ้าน ที่สามารถแจ้งซ่อมต่าง ๆ ได้ผ่านแอปฯ ทันที และถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกบ้านแสนสิริให้ครอบคลุมมากที่สุด

แสนสิริเผยเทรนด์โลกของ Property Tech Trends มี 4 เรื่องพื้นฐานคือ

  1. AI IoT Blockchain นำมาใช้ในด้านการวิเคราะห์ลูกค้า เอา IoT มาใช้เพิ่มความสะดวกมากขึ้น และการใช้ Blockchain มาใช้ทำระบบการซื้อขายที่ดินเป็นต้น
  2. Personalization คนมีความต้องการที่เป็นตัวตนของเรามากขึ้น จึงต้องมี AI เข้ามาคอยช่วยเหลือเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เหมาะกับเรา
  3. Hybrid Agent การใช้ช่องทางออนไลน์ร่วมกับการให้บริการลูกค้าแบบ Face to Face เพื่อให้การเชื่อมต่อกับลูกค้าเป็นไปอย่างไร้รอบต่อได้มากที่สุด
  4. Instant Home Buyer Model เป็นวิธีการลดระยะเวลาการตัดสินใจในการซื้อขายบ้านได้เร็วขึ้น ซึ่งจะมีนักลงทุนหรือผู้พร้อมรอซื้ออสังหาของเราได้ทันทีผ่านการประเมินด้วย AI และเจ้าของบ้านพอใจในราคา ก็จะสามารถซื้อขายได้ทันที

กลยุทธ์ที่ Sansiri ได้วางแผนไว้ในปี 2019 – 2020

  1. ขับเคลื่อนองค์กรด้วยระบบ AI เพิ่มการตัดสินใจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยจะเป็นบริษัท AI First ภายในปี 2020 นี้ โดยมีปัจจัยคือเรื่องสถานที่ ผู้บริโภค และไลฟ์สไตล์ เทคโนโลยีตรวจจับมบหน้าที่มีความแม่นยำสูง ระบบหุ่นยนต์ใช้งานภายใน แชทบอทที่ใช้ AI รวมไปถึงผู้ช่วยส่วนตัวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
    • นำ IoT มาจับมมือร่วมกับ AI เพื่อสร้าง Smart Home Model ครั้งแรก ที่จะรู้จักเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี สามารถช่วยวางแผนให้คุณได้
    • นำ BlockChain มาใช้ในองค์กร ทำ Smart Contract ทำระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ
  2. ด้านพัฒนาโครงการด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ
    • EMMA ระบบข่วยเหลือลูกค้าด้านการซื้อขายคอนโด โดยจะมีการดึงเอา Virtual Sale Gallery ให้คุณรับชมได้ทุกที่ทุกเวลาแบบ Immersive Experience และเข้ารับชมฟรี และสามารถจองได้ทันที 24/7 ไม่ต้องผ่านนายหน้า ซึ่งจะเปิดตัวใน Q2 ปีนี้
    • Noah Platform บริหารการก่อสร้างทั้งหมดตั้งแต่การเลือกที่ การออกแบบ ไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพ ทุกอย่างถ้ามีข้อมูลถึงกัน ก็จะช่วยลดต้นทุน ลดระยะเวลาและบุคลากรที่ต้องใช้งานลงอย่างมาก
    • Smart Command Center ศูนย์เฝ้าระวังอัจฉริยะจากส่วนกลาง ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยขึ้นไปอีกระดับตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะถูกสร้างขึ้นบน 29 โครงการภายในปี 2019 นี้ นอกจากความปลอดภัยแล้วยังช่วยในด้านรักษาสภาพแวดล้อมของบ้านเช่นระบบตรวจสอบน้ำ ตรวจสอบความผิดปกติต่าง ๆ ภายในบ้าน และระบบ Dust-Free House บ้านปลอดฝุ่น เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีให้กับทุกคนในครอบครัว
  3. พัฒนาระบบ Cloud Services โดยการจับมือกับ Partner ชื่อดังอย่าง AWS Digital Venture และ Microsoft ในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนรูปแบบการทำงานขององค์กรเดิม ๆ ไปสู่ยุคแห่ง Startups ได้อย่างก้าวกระโดด