ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไอโฟนมีการปรับขยายขนาดความจุภายในของตัวเครื่องให้มากขึ้น โดยปัจจุบัน iPhone 7 วางจำหน่ายเริ่มต้นที่รุ่นความจุ 32 GB ซึ่งถือว่ามากเป็นเท่าตัวเมื่อย้อนไปในปี 2013 ที่ iPhone 5s เปิดตัวเริ่มต้นที่รุ่นความจุ 16 GB ประกอบกับการปรับเปลี่ยนนโยบายของ Apple ที่รองรับขนาดของแอปพลิเคชันบน App Store ได้สูงสุดเพิ่มจาก 2 GB มาเป็น 4 GB ในปี 2015 นั่นเลยเป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับทางสถาบันวิจัย Sensor Tower ที่ทำสถิติออกมาให้เห็นว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แอปฯ บน App Store นั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ และนี่คือสาเหตุสำคัญที่ว่าทำไมหลายคนที่ใช้ไอโฟนรุ่นความจุเริ่มต้นนั้นถึงใช้งานได้ไม่เพียงพอ

ทั้งนี้ ชาร์ตสถิติที่ทาง Senser Tower สรุปออกมาจาก 10 แอปพลิเคชันยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา ไล่ไปตั้งแต่ Facebook, Uber, Gmail, Snapchat, Spotify, Google Maps, YouTube, Instagram, Messenger และ Netflix นั้นแสดงให้เห็นว่าตัวแอปฯ มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จากตัวเลขเดิมที่ใช้พื้นที่เพียง 164 MB ในเดือนพฤษภาคมปี 2013 มาสู่แอปฯ ขนาดถึง 1.9 GB ในเดือนพฤษภาคมปี 2017 นั่นหมายความว่าตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา แอปฯ บนไอโฟนมีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 12 เท่า หรือคิดเป็น 1,100% เลยทีเดียว

จากชาร์ตสถิติ จะสังเกตว่าแอปฯ ต่าง ๆ นั้นเริ่มมีขนาดที่ใหญ่โตขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากที่ทาง Apple ได้ประกาศรองรับแอปฯ ได้สูงสุด 4 GB ในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 และกราฟพุ่งขึ้นทำ new high อีกครั้งในช่วงเปิดตัว iOS 10 เมื่อเดือนกันยายน 2016 โดยแอปฯ ส่วนใหญ่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นมักจะเป็นแอปฯ ประเภท Social Network เช่น Snapchat ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 51 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2013 ขณะที่ Facebook นั้นก็กินพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 12 เท่า ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ นั้นมาจากการออกอัปเดทเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้ามาใช้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง

สำหรับ Apple เองนั้นก็เตรียมแนวทางรับมือกับขนาดของแอปฯ ต่าง ๆ ที่จะยิ่งกินพื้นที่มากขึ้นในอนาคตไว้เช่นกัน โดยใน iOS 11 นี้พวกเขาก็ออกฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้พื้นที่ความจุที่มีได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกที่แนะนำแอปฯ ที่ไม่ค่อยได้ใช้ หรือทำการลบตัวแอปฯ หลักออกไปโดยที่ยังคงเก็บฐานข้อมูลหรือการตั้งค่าบางส่วนเอาไว้ เพื่อที่จะสามารถดึงกลับมาใช้ได้ทันทีที่มีการโหลดแอปฯ กลับมาใช้งานอีกครั้ง

อ้างอิง