มีรายงานว่า Apple ได้ติดต่อไปยัง FBI เพื่อช่วยเหลือในการปลดล็อค iPhone ของคนร้ายที่ก่อเหตุกราดยิงชาวบ้านที่เท็กซัส

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่าน “ดีน แพรทริก เคลลีย์” ได้ก่อเหตุการณ์สะเทือนขวัญกราดยิง 26 ศพในโบสถ์ ที่เมืองซัตเธอร์แลนด์ สปริงส์ รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งต่อมาเมื่อวัน 7 พฤศจิกายน 2017 ทาง FBI ได้ออกมาแถลงข่าวว่ายังไม่สามารถเข้าไปดูข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของคนร้ายที่เสียชีวิตได้

ทาง The Washington Post ได้ระบุว่าโทรศัพท์ดังกล่าวเป็น iPhone

ต่อมา Apple ได้กล่าวกับ Business Insider ว่าได้ติดต่อไปยัง FBI ในทันทีหลังจากที่ได้ดูการแถลงข่าวดังกล่าว เพื่อแสดงความรับผิดชอบตามกระบวนการทางกฏหมาย และเสนอที่จะช่วยเหลือ

ทาง Apple ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ปัญหาในการเข้าดูข้อมูลไมได้นั้นอาจอยู่ที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ หรือ Touch ID ที่จะหยุดการทำงานหากผู้ใช้ไม่ได้ดำเนินการใช้เซ็นเซอร์ดังกล่าวใน 48 ชั่วโมง

กล่าวคือ ถ้าหากเจ้าหน้าที่ของรัฐได้นำนิ้วของคนร้ายมาสแกนเพื่อปลดล็อคตัวเครื่องภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากที่คนร้ายเสียชีวิตไปแล้วนั้น ก็จะสามารถเข้าดูข้อมูลภายในตัวเครื่องได้

The Washington Post ได้รายงานว่า ทาง FBI ยังมิได้ตอบรับความช่วยเหลือจากทาง Apple ในตอนนี้ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญในห้องแลปอาชญากรรมกำลังตรวจสอบว่ามีวิธีอื่นในการเข้าถึงข้อมูลได้หรือไม่

เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหมือนภาพสะท้อนและผลกระทบที่ตามมาจากกรณีพิพาทระหว่าง FBI กับ Apple เมื่อปี 2016 ซึ่งตอนนั้น ทางเจ้าหน้าที่รัฐได้ร้องขอให้ Apple สร้าง iOS แบบพิเศษที่มี Backdoor เพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลใน iPhone 5c ของ ซาเยด ฟารุค ผู้ก่อการร้ายกราดยิง 14 ศพ ที่เมืองซานเบอร์นาดิโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ ซึ่ง Apple ได้ตอบปฏิเสธไปในตอนนั้น โดยอ้างถึงการละเมิดนโยบายของบริษัท และความปลอดภัยด้านของมูลของผู้ใช้

ท้ายที่สุดแล้ว FBI ได้จ้างบริษัทอื่นด้วยเงินจำนวน 1 ล้านเหรียญ ในการเจาะเข้าดูข้อมูลใน iPhone 5c ดังกล่าวได้สำเร็จ โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากทาง Apple แต่อย่างใด

ข้อมูลอ้างอิง : businessinsider และ theverge