ผักสลัดและอาหารคลีนกำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบันสามารถหาซื้อกินง่ายตั้งแต่ตามตลาดไปจนถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ แต่จากการวิจัยล่าสุดก็คงทำให้ผู้บริโภคต้องเลือกกันมากขึ้นล่ะครับ

งานวิจัยจากเว็บไซต์ Applied and Environment Microbiology พบว่า ถุงผักสลัดที่มีน้ำอยู่ก้นถุงซึ่งเกิดจากของเหลวที่ออกมาจากตัวผักเป็นแหล่งเพาะแบคทีเรีย Salmonella enterica ซึ่งสามารถเจริญเติบโตในน้ำได้ดีถึง 110% และเนื่องจากลักษณะถุงแบบปิดจึงทำให้แบคทีเรียไม่สามารถไปไหนได้ นอกจากนี้น้ำที่มาจากผักดังกล่าวยังเพิ่มสภาวะที่ทำให้เกิดโรคได้ง่ายขึ้นด้วย จากการทดสอบแช่ถุงสลัดในตู้เย็นเป็นเวลา 5 วันพบว่าเชื้อ Salmonella เติบโตได้ดีขึ้นถึง 280 เท่า

เมื่อเราได้รับเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวเข้าไปร่างกายจะส่งผลเช่นเดียวกับจุลินทรีย์ที่มาจากระบบทางเดินอาหารอื่นๆ ทำให้เกิดอาการของอาหารเป็นพิษ เช่น ท้องเสีย ถ่ายเหลว ปวดท้อง และมีไข้เป็นต้น

ผักเป็นสิ่งสำคัญในแง่ของอาหารเพื่อสุขภาพ แต่การวิจัยจากไม่กี่ปีที่ผ่านมาพบว่า อาหารมีความเสี่ยงและมีพิษซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายเพิ่มขึ้นจากแบคทีเรียซึ่งทำให้เกิดโรค เช่น Salmonella enterica ดังที่กล่าวข้างต้น ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จำเป็นประเด็นสำคัญในเรื่องของสุขภาพแต่ก็มีคนจำนวนน้อยที่ทราบเรื่องนี้ ว่าแบคทีเรียดังกล่าวทำอะไรบ้างเมื่ออยู่ในถุงสลัด

กล่าวคือน้ำที่ออกมาจากส่วนปลายของใบผักสลัดทำให้เชื้อ Salmonella สามารถเจริญเติบโตในน้ำได้ดี เมื่อเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวเจริญเติบโตได้ดีมันจะไปเกาะที่ส่วนต่างๆ ของผัก การล้างผักก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ดีนัก ดังนั้น การเลือกซื้อผักก็ต้องดูกันให้มากขึ้น เช่น มีน้ำที่ก้นถุงหรือไม่ ดูวันที่หมดอายุ ถ้าให้ดีที่สุดเลยก็คือซื้อผักสดๆ มาทำเองเลยจะดีกว่า

อ้างอิง