ภาวะโลกร้อน และ สภาพอากาศที่เปลี่ยนไปไม่เพียงแต่ทำให้อุณหภูมิในประเทศต่างๆ นั้นพุ่งสูงขึ้น หรือหนาวมากกว่าเดิมเท่านั้น แต่สำหรับ Antarctica ทวีปที่อยู่ใต้สุดของโลก ก็ได้รับผลกระทบส่งผลให้น้ำแข็งละลายลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย

ปัญหาน้ำแข็งละลายในเขต Antarctica นั้นมีมานานตั้งแต่ปี 2016 และยังคงทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากสภาพอากาศที่เลวร้ายมากขึ้นในทุกๆวัน ปัญหานี้ไม่เพียงส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น แต่มันยังส่งผลต่อ ‘เพนกวินจักรพรรดิ’ ที่อาศัยอยู่ในเขต Brunt Ice Shelf นั้นอีกด้วย สำนักข่าว British Antarctic Survey (BAS) รายงานว่า เนื่องจากน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่อยู่ของเพนกวินเหล่านี้ถูกทำลายลง ทำให้อัตราการให้กำเนิดเพนกวินใหม่ลดน้อยลงตาม

จากการสำรวจภาพจากดาวเทียมการสูญเสียพื้นที่น้ำแข็งไปทำให้ Drs Peter Fretwell และ Phil Trathan พบว่า Halley Bay colony พื้นที่ที่เคยพบสัตว์ได้หลากหลายสายพันธุ์นั้นมีค่าเฉลี่ยลดลงเพียงชั่วข้ามคืน

เพนกวินจักรพรรดิ เป็นเพนกวินที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และ หนักมากที่สุดในตระกูลเพนกวิน พวกมันจำเป็นต้องอาศัยแผ่นน้ำแข็งในการสืบพันธุ์และวางไข่ จนลูกเพนกวินออกจากไข่และสามารถว่ายน้ำได้ พวกมันจะใช้ช่วงสืบพันธุ์จนลูกนกพร้อมสู่โลกกว้างตั้งแต่เดือนเมษายน – ธันวาคม แต่หากน้ำแข็งละลายเร็วขึ้นกว่าเดิม นั่นหมายความว่านอกจากเพนกวินจะไม่มีที่สำหรับการสีบพันธุ์แล้ว แต่มันหมายถึงการบังคับให้ลูกนกเพนกวินออกไปสู่โลกกว้างเร็วขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม ซึ่งเพิ่มอัตราการเสียชีวิตได้มากกว่าเดิม

Dr Fretwell กล่าวว่ากระบวนการก่อตัวของน้ำแข็งเพื่อทดแทนที่น้ำแข็งเก่าที่ถูกละลายไปไม่สามมารถก่อตัวได้แข็งแรงมากพอ ทาง BAS เชื่อว่า หากพวกเพนกวินไม่ลดการให้กำเนิดลง พวกมันก็ต้องอพยพเพื่อหาแหล่งผสมพันธุ์ใหม่ที่ต้องข้ามทะเล Weddell แหล่งที่อยู่เดิมไปอีกประมาณ 50 กิโลเมตร ใกล้กับธารน้ำแข็ง Dawson-Lambton เพราะตรงนั้นมีจำนวนสัตว์อพยพเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

ถึงแม้ว่านักวิทยาศาสตร์ยังไม่ชี้ชัดว่าเหตุการณ์น้ำแข็งละลายนี้จะเกิดจากภาวะโลกร้อนเพียงอย่างเดียวหรือไม่ แต่สิ่งที่เห็นแน่ชัดคือมันกำลังส่งผลต่อประชากรเพนกวินโดยตรง และหากยังไม่ได้รับการแก้ไขภายในศตวรรษนี้ นั่นอาจหมายถึงการสูญพันธุ์ของสัตว์กว่า 50-70% ได้

อ้างอิง