Deadline ได้รายงานว่า ‘Godzilla x Kong: The New Empire’ ของ Legendary และ Warner Bros. กลายเป็นภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ที่ทำรายได้เกินความคาดหมาย โดยยังอยู่ในอันดับที่ 1 บนบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน เก็บเพิ่มไปอีก 31.7 ล้านเหรียญ ซึ่งลดลงจากสุดสัปดาห์แรกประมาณ 60% (เปิดตัว 80 ล้านเหรียญ) ส่งผลให้ทำรายได้รวมในสหรัฐฯ ไปแล้ว 135 ล้านเหรียญ

หลังจากฉายไป 10 วัน ‘Godzilla x Kong: The New Empire’ ได้กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของแฟรนไชส์ ‘Monsterverse’ ที่ทำรายได้ในระดับนี้ นับตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกของแฟรนไชส์ นั่นคือ ‘Godzilla’ (2014) ที่ทำรายได้จากการฉาย 10 วัน ไป 148.3 ล้านเหรียญ

ในส่วนของรายได้ทั่วโลกนั้น อยู่ที่ 361 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 135 ล้านเหรียญ ผ่านจุดคุ้มทุนที่ประมาณ 270 ล้านเหรียญ เข้าสู่เส้นทางการทำกำไรอย่างเป็นทางการ และน่าสนใจว่าจะทำรายได้เทียบเท่าหรือแซงหน้า ‘Godzilla’ เมื่อปี 2014 ที่ทำไว้สูงสุดของแฟรนไชส์ที่ 524.9 ล้านเหรียญ ได้หรือไม่

อันดับที่ 2 ตกเป็นของภาพยนตร์แอ็กชันเข้าใหม่ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากการฉายรอบพรีเมียร์อย่าง ‘Monkey Man’ ของ Universal ซึ่งทำไปได้ 10.15 ล้านเหรียญ ในขณะที่รายได้ทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 12.7 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 10 ล้านเหรียญ

‘Monkey Man’ เป็นผลงานกำกับเรื่องแรกของ เดฟ พาเทล (Dev Patel) เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่ตามล้างแค้นให้แก่ครอบครัวที่ถูกสังหาร ซึ่งตัวภาพยนตร์เน้นการสะท้อนปัญหารุนแรงและชนชั้นในสังคมอินเดีย โดยได้คะแนนวิจารณ์จาก CinemaScore ในระดับ B+ แต่ได้คะแนนจาก Rotten Tomatoes สูงถึง 87%

สำหรับ ‘The First Omen’ ภาพยนตร์สยองขวัญของ 20th Century Studios ภายใต้การจัดจำหน่ายโดย Disney กลับเปิดตัวอย่างน่าผิดหวัง โดยทำรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกไปเพียง 8.4 ล้านเหรียญ และทั่วโลกทำไป 17.5 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 30 ล้านเหรียญ ทั้งที่ได้รับคำชมมากมายจากนักวิจารณ์ และได้คะแนนบน Rotten Tomatoes ไป 78% ในขณะที่ CinemaScore ให้คะแนนไปเพียงระดับ C เท่านั้น

‘The First Omen’ เป็นภาพยนตร์ล่าสุดในแฟรนไชส์ ‘The Omen’ ซึ่งภาพยนตร์ต้นฉบับเมื่อปี 1976 ของผู้กำกับ ริชาร์ด ดอนเนอร์ (Richard Donner) ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่น่ากลัวที่สุดตลอดกาล

5 อันดับ บ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ (5 – 7 เมษายน 2024)