สวัสดีท่านผู้อ่านทุกคนครับ ในปี 2020 นั้นเป็นปีที่ไม่ดีสักเท่าไร เนื่องจากโลกต้องพบเจอกับปัญหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แต่มันก็เป็นปีที่ดีมาก ๆ สำหรับวงการ Hardware ที่มีการพัฒนาเป็นอย่างมาก นั้บตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ เราได้เห็น Intel Core 10th Gen สำหรับ Desktop และการเปิดตัว Tiger Lake พร้อมสานต่อ Project Athena สำหรับ Laptop ที่เป็นเรื่องดีมาก ๆ

สำหรับ AMD เองก็ได้เข็นเอา Ryzen 3000 ออกสู่ตลาด และได้สร้างฐานแฟนคลับมากขึ้นจากแต่ก่อน นับว่าเป็นปีที่ AMD ได้เริ่มประสบความสำเร็จกับสถาปัตย์ ZEN2 ขนาด 7nm และแน่นอนว่านอกจากตลาด CPU แล้วทาง GPU เองก็ไม่น้อยหน้า Nvidia ได้ปล่อย RTX 3000 (จะมี Review เร็ว ๆ นี้) ที่ทำให้วงการกราฟิกการ์ดทั้งโลกต้องสั่นสะเทือน และทาง AMD เองก็กำลังจะเปิดตัว RDNA 2 ในวันที่ 28 ตุลาคม นี้แล้วด้วยครับ

และแน่นอนว่าสงครามระหว่างทั้งสองค่ายระหว่าง Intel VS AMD ก็ยังดุเดือดไม่เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงเหล่าแฟน ๆ ทั้งหลายที่ต่างกันเกทับอวดความสามารถของค่ายที่ตัวเองชอบกันอย่างไม่หยุด หรือที่เราเรียกกันว่า “แฟนบอย” นั่นเองครับ

คู่กัดตลอดกาล

และมันทำให้ผมเกิดความคิดขึ้นมา ว่าไหน ๆ ก็เกทับกันขนาดนี้แล้ว ทำไมเราไม่ทำให้มันชัดเจนกันไปเลยล่ะ! และนี่คือทีมาของ Project พิเศษในวันนี้ครับ โดยผมจะจับเอาเจ้า Flagship Consumer CPU ของทั้ง 2 ค่ายอย่าง Intel Core I9-10900K มาปะทะกับ AMD Ryzen 9 3900XT ศึกแดงน้ำเงินเดือด !!

และแน่นอนว่าเพื่อผลการทดสอบที่เป็นไปอย่างแฟร์ ๆ การทดสอบทั้งหมดจะใช้สเปกเครื่องแบบเดียวกัน ตั้งแต่ Ram, GPU, HDD, SSD, CPU Cooler หรือแม้แต่ Power Supply ก็ใช้รุ่นเดียวกันทั้งหมด จะมีเพียงแต่ Mainboard ที่คนละรุ่นกัน (ก็มันคนละ Slot นี่เนอะ) แต่ก็สเปกใกล้เคียงกันครับ

และแน่นอน ต้องขอขอบคุณ Intel และ AMD ที่เป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ทั้งหมดด้วยครับ


System Specification


เรามาดูสเปกของคอมทั้งสองเครื่องที่ใช้ทดสอบกันก่อนเลยครับ

ฝั่ง Intel

  • CPU: Intel Core I9-10900K 3.7GHz Turbo Boost 5.3Ghz 10 Core / 20 Thread
  • RAM: CORSAIR Vengeance RGB PRO 16GB 8*2 3200Mhz
  • GPU: Sapphire Pulse Radeon RX 5600XT 6GB
  • Storage: M.2 WD BLUE SN550 1TB
  • PSU: Thermaltake Smart BX1 750w
  • MB: ROG ASUS MAXIMUS XII EXTREME

ฝั่ง AMD

Ryzen 9 3900XT ของแท้แน่นอน
  • CPU: Ryzen 9 3900XT 3.8GHz Turbo Boost 4.7GHz 12 Core / 24 Thread
  • RAM: CORSAIR Vengeance RGB PRO 16GB 8*2 3200Mhz
  • GPU: Sapphire Pulse Radeon RX 5600XT 6GB
  • Storage: M.2 WD BLUE SN550 1TB
  • PSU: Thermaltake Smart BX1 750w
  • MB: ROG Asus CROSSHAIR VIII HERO

จะเห็นว่าผมจะใช้สเปกเหมือนกันแทบทั้งหมด โดยจะต่างกันก็แค่ตัว CPU และ MB เท่านั้น แน่นอนว่าทาง Software เองก็เช่นกันครับ เรียกได้ว่าเป็นคอมเครื่องเดียวกัน แต่เปลี่ยนแค่ CPU และ MB เท่านั้นเอง

ในการตั้งค่า Bios ผมได้เปิดโหมด XMP ทั้งคู่ ทั้งสองเครื่องได้ลง Driver ล่าสุดของ Radeon RX 5600XT และรันใน Windows 10 Version 2004 ล่าสุดผ่าน SSD และในส่วนของทั้งตัวเกม และ Software Benchmark ทั้งหมดก็ติดตั้งอยู่ใน SSD เช่นเดียวกันครับ

และแน่นอนว่าก่อนที่เราจะรับชมผล Benchmark เรามาดูที่สเปกของทั้ง 2 CPU กันก่อนเลยดีกว่า

เริ่มจากทางฝั่งน้ำเงินอย่าง Intel กันก่อนครับ ตัวที่ผมใช้เป็น Intel Core I9-10900K โดยตัว CPU นั้นเป็นสถาปัตยกรรม Comet Lake S-Series สำหรับ Desktop แบบ 14 nm โดยเจ้าตัวนี้จะมาพร้อมกับ 10 Core 20 threads โดยมี Clock Speed อยู่ที่ 3.7Ghz Turbo Boost ได้สุดที่ 4.8GHz และด้วยความสามารถของ Intel® Thermal Velocity Boost 3 สามารถเร่งให้สูงได้สุดที่ 5.3Ghz เลยทีเดียว โดยมีค่า TDP อยู่ที่ 125W โดยมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 18,700 บาท (อ้างอิงจาก JIB)

หน้าตาของ PC ที่เราใช้ทดสอบ CPU ทั้งสองรุ่นครับ

ส่วนทางฝั่งแดงอย่าง AMD นั้น ตัวที่ผมได้เลือกใช้เป็น AMD Ryzen 9 3900XT สุดยอด CPU สถาปัตยกรรม Zen 2 แบบ 7nm มาพร้อมกับ 12 Core / 24 threads โดยมี Clock Speed อยู่ที่ 3.8Ghz Turbo Boost ได้สุดที่ 4.7GHz โดยมีค่า TDP อยู่ที่ 105W โดยมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 17,700 บาท (อ้างอิงจาก JIB)

โดยจากสเปกคร่าว ๆ ก็น่าจะแสดงให้เห็นถึงความใกล้เคียงกันเป็นอย่างมากของทั้งสองรุ่นนี้ ทั้งเรื่องประสิทธิภาพและราคา ทำเอาใครหลาย ๆ คนที่มีแผนจะประกอบคอมใหม่ถึงกับลังเลใจว่าแล้วจะเลือกรุ่นไหนกันดี แต่ปัญหานี้จะหมดไป เมื่อหลังจากที่คุณอ่านบทความนี้เสร็จเรียบร้อยครับ


Benchmark


สำหรับผล Benchmark ในครั้งนี้ผมจะแบ่งเป็นทั้งหมด 2 ส่วนหลัก ๆ ก็คือในส่วนของ Game Benchmark ที่จะใช้ผลทดสอบจากทั้งหมด 10 เกม และ Software Benchmark ทั้งหมด 5 โปรแกรม ปิดท้ายด้วยในส่วนของ Power Consumption และ ความร้อนนั้นเองครับ

Game Benchmark

ต้องบอกว่าการที่จะเลือกเกมมาทดสอบ CPU โดยเฉพาะนั้นไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไรนัก แน่นอนว่าตัวเลือกแรก ๆ ที่เราต้องนึกถึง ก็คือเกมจำพวก RTS ทั้งหลาย ที่มีการนับจำนวน Unit เยอะ ๆ หรือแม้แต่เกม MMORPG อย่าง World of Warcraft และ Final Fantasy XIV ที่อย่าได้ดูถูกเกมพวกนี้เลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม การที่จะขนเอาเกมแนว RTS หรือ MMORPG มาทดสอบอย่างเดียว มันก็อาจจะไม่แฟร์สำหรับคนทั่ว ๆ ไปสักเท่าไรนัก เนื่องจากยังมีหลายคนที่ไม่ได้เล่นเกมแนวนี้สักเท่าไร ผมจึงตัดสินใจนำเอาเกมทั่ว ๆ ไปที่หลาย ๆ คนรู้จักมาเลือกใช้ในครั้งนี้ครับ

มาเริ่มที่เกม FPS กันก่อนเลยดีกว่า โดยผมได้นำเอาเกมอย่าง Battlefield V, Battlefront 2, COD Modern Warfare, Rainbow Six Siege และแน่นอนขาดไม่ได้กับ Crysis Remastered มาทดสอบครับ จะเห็นได้ว่าแต่ละเกมจะมี ระดับการใช้ทรัพยากรที่ต่างกันออกไป แน่นอนว่าทุกเกมถูกตั้งค่าในระดับสูงสุด เล่นที่ความละเอียด 1080P ครับ

Rainbow Six Siege ผ่านระบบ Benchmark ภายในเกม

เริ่มต้นที่ Rainbow Six Siege ที่ทำผลได้น่าประทับใจทั้งสองฝั่ง โดยรักษาระดับ FPS ไว้ได้ที่ 207 และ 208 avg โดยมี 1%Min แค่ 180FPS เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นฉากระเบิด หรือฉากพังกำแพงแบบที่เห็นได้บ่อย ๆ ในเกม ก็สามารถทำได้ดีทั้งคู่ โดยเกมนี้เป็นเกมที่ผ่านการ Optimize มาอย่างสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไหนก็เล่นได้ไม่มีปัญหา

เกมต่อมาอย่าง Battlefield V และ Star Wars Battlefront 2 ครับ สำหรับทั้งสองเกมนี้ ใช้ Frostbite Engine เหมือนกัน แต่สาเหตุที่ผมนำเอามันมา Benchmark นั้น เป็นเพราะว่าทั้งสองเกมมี กลไก ในงานทำงานต่างกันนั้นเอง

โดยสำหรับ Battlefield V จะเป็นเกมที่เน้นสภาพแวดล้อมกว้าง ๆ และฉากที่สามารถทำลายได้ คล้ายกับ Rainbow Six Siege ทำให้มันใช้ทรัพยากรของ CPU มากกว่า อีกทั้งตัวเกมยังมีการโหลด Object ต่อฉากเยอะมาก ในขณะที่ Battlefront 2 นั้นเป็นเกมที่เน้นกราฟิกสวยงาม อีกทั้งยังมีแสงสีเงา ที่ค่อนข้างเยอะ โดยหน้าที่นี้จะไปอยู่กับ GPU เสียส่วนใหญ่

ขอชื่นชม Control Panal ของ AMD Radeon ในจุดนี้มาก ๆ ครับ

สำหรับ Battlefield V นั้นทางฝั่ง Intel ทำได้ดีกว่าค่อนข้างมาก อยู่ที่ 133FPS Avg ในขณะที่ AMD อยู่ที่ 120FPS Avg แน่นอนว่าการทดสอบนี้เล่นในฉากเดียวกัน แผนที่เดียวกัน แต่เมื่อมาดูเกมอย่าง Battlefront ที่เป็น Engine เดียวกัน ทั้งสองฝ่ายกลับทำความสามารถได้พอ ๆ กัน โดยบวก ลบ ไม่ถึง 10FPS avg ครับ

โดยผลนี้ค่อนข้างชัดเจนครับ เนื่องจากว่า Intel นั้นสามารถรีดความสามารถสูงสุดของแต่ละ Cores ได้ดีกว่า AMD ทำให้ได้ตัวเลข FPS ที่เยอะกว่า และถ้าเรามาดูกับเกมต่อไปอย่าง Cities Skyline สุดยอดเกมทดสอบ CPU อีกหนึ่งเกม ก็จะเห็นได้ชัดเลยครับว่าทาง Intel นั้นทำได้ดีกว่า AMD เป็นอย่างมาก

GTA V ที่ทำ Frame Rate ทะลุฟ้า (ไม่ได้ปรับตั้งค่าในส่วนของ Advanced Graphics)

ส่วนนอกจากนี้นั้น ก็จะมีเกมอย่าง GTA V, Red Dead Redemption 2 ที่เป็นเกม Open World ทั้งคู่ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เกมอย่าง CIV 6 ก็เช่นกันที่แทบจะไม่ต่างกันเลย แต่พอมาดูเกมอย่าง NFS Heat ก็จะเห็นว่ามันต่างกันอยู่มาก ด้วยเหตุผลเดิม นั้นก็คือตัวเกมมีการโหลด Object ต่อฉากค่อนข้างเยอะนั้นเอง

Crysis Remasterd แบบ All High Ray Tracing Off

เกมสุดท้ายที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ อย่าง Crysis Remastered โดยก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เกมนี้เป็นเกมที่ Optimize มาได้แย่มาก ๆ เป็นเรื่องน่าตลกที่ไม่ว่าจะเป็นทั้ง AMD หรือ Intel ก็ไม่สามารถรันเกมนี้ได้อย่างสุดความสามารถ จะมีก็ทาง Intel ที่ทำได้ดีกว่า AMD เพราะด้วยความสามารถแบบ Single Core ที่สูงกว่านั้นเองครับ


Software Benchmark


เมื่อพูดถึง CPU กับการทำงาน หลาย ๆ คนคงจะนึกถึงเหล่าโปรแกรมอย่าง Blender หรือตระกูล Adobe ทั้งหลาย สำหรับตัวผมเอง Adobe Premiere คือโปรแกรมที่จะวัดเลยว่าจะเลือกใช้ CPU ของค่ายไหนกันแน่ แต่ด้วยสาเหตุสุดวิสัย ทำให้ผมไม่สามารถเอาโปรแกรมเหล่านั้นมา Benchmark ได้ เนื่องจาก Membership Plans ของผมเพิ่งจะหมดไปก่อนทำการทดสอบได้ไม่นานนี่เองครับ (เศร้า)

Cinebench R20 ยอดฮิต

แน่นอนว่าเรามาเริ่มกับโปรแกรมสุด Basic อย่าง CPU-Z และ Cinebench R20 กันก่อนเลยครับ โดยผลก็ออกมาเป็นอย่างที่เราเดากันไว้ Intel นั้นแพ้ AMD ในเรื่องของ Multi-Threads แต่ Intel ก็เอาชนะ AMD ได้ในการทดสอบแบบ Single-Core ยกนี้ถือว่าแฟร์ ๆ กันทั้งคู่

ต่อมาเรามาดูกับอีกสองโปรแกรมยอดฮิตอย่าง 3D Mark Time Spy และ PC Mark 10 กันบ้าง โดยคะแนนโดยรวมของ PCMark 10 นั้น Intel เอาชนะ AMD ไปได้ไม่มาก แต่ในส่วนของ 3D Mark Time Spy นั้นเรียกได้ว่าเอาชนะกันใส ๆ เลยทีเดียว

โปรแกรมสุดท้ายก็คือ PassMark Performance 10 ยอดฮิตที่หลาย ๆ คนน่าจะรู้จัก โดยผมได้ทำการทดสอบแบบทั้งหมด แต่เลือกเอาแค่ส่วนของ CPU Score มานับเท่านั้น สิ่งที่น่าตกใจนั้นก็คือทาง AMD เอาชนะ Intel ไปแบบขาดลอย ด้วยคะแนนที่ห่างกันมากเกินไป จนทำเอาผมต้องกลับไปตรวจสอบใหม่อีกครั้ง โดยสาเหตุตรงนี้น่าจะเป็นจากที่ AMD นั้นทำงานได้ดีกว่า Intel มาในส่วนของ Multitasking นั้นเองครับ

Multitasking คืออะไร ?? เข้าใจกันง่าย ๆ มันก็คือการทำงานหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกันนั้นเองครับ อยากให้ลองนึกภาพถึงตัวเรา ที่มีสมองเป็น CPU เวลาเราต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน สมองของเราจะประมวลออกมาทันไหม และทำมันให้มีผลลัพธ์ออกมาดีแค่ไหน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของ สมอง หรือ CPU ของเราล้วน ๆ

เกมกว่า 60% ถูก Optimized มาเพื่อ Single Core เอกสารจาก Intel

แต่นั้นก็ใช่ว่า Intel จะแพ้ AMD เสียตรงนี้นะครับ เพราะว่าเกมส่วนใหญ่แล้ว (กว่า 60%) มักจะถูก Optimize มาเพื่อ Single Core โดยเฉพาะ ถึงแม้อย่างน้อยก็เป็นช่วงแรกในการพัฒนา เพราะยังไม่มีเกมไหนเลยที่ดึงความสามารถของ CPU มาให้ใช้งานได้ทุก ๆ Core พร้อม ๆ กัน

แต่พูดกันตามตรง ในยุคนี้คงไม่มีใครจะเปิดเกมเพียงอย่างเดียว หลาย ๆ คนคงชอบที่จะเปิด Web Browsers ไปด้วย หรือแม้แต่บางคนชอบที่จะเล่นเกมไปพร้อม ๆ กับการทำงาน โดยเฉพาะกับเกมแนว MMORPG ที่มีเวลาให้สลับหน้าจอไปมานั้นเองครับ

แต่ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าถามว่าแล้ว CPU ตัวไหนเหมาะกับการเล่นเกมมากที่สุด คำตอบนี้ก็คงต้องยกให้ Intel เขาละครับ เพราะมันคือ The Best Gaming CPU จริง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แต่ละคนว่าเหมาะกับ CPU ตัวไหนมากที่สุดครับ


พลังงาน และ ความร้อน


แน่นอนว่าด้วยการที่ทาง Intel 10th Gen เป็น CPU แบบ 14nm แตกต่างจาก AMD Ryzen 3000 ที่เป็น CPU แบบ 7nm ทำให้ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องของการใช้พลังงาน และ ความร้อน ทาง AMD นั้นทำได้ดีกว่าเยอะมากครับ

ผมทดสอบโดยใช้โปรแกรม Over Clock Checking Tool (OCCT) ทดสอบโดยรัน stress test เป็นเวลา 10 นาที และพัก 5 นาที ก่อนที่จะรัน Stress Test อีกครั้ง และเก็บข้อมูลทั้งหมดครับ แน่นอนว่าเพื่อความแฟร์ ผมได้ใช้ CPU Cooler รุ่นเดียวกันนั้นก็คือ CoolerMaster Master Air MA410M พร้อมกับ Thermal Compound ที่ดีมีคุณภาพอย่าง Arctic MX-4

แต่ก่อนเราจะเคยได้ยินประโยคจากเหล่าสาวก Intel ว่า “AMD หายร้อนหรือยัง” วันนี้ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วนะครับ ว่า Intel มันร้อนกว่า AMD ซะแล้ว

โดยทั้งนี้ทั้งนั้น ผมยังไม่ได้ทำการ Overclock แล้วทดสอบอีกครั้งนะครับ แต่เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า CPU ของ Intel จะสามารถทำได้ดีกว่า และดัน Clock Speed ได้สูงกว่า AMD เป็นอย่างมาก แต่นั้นก็ต้องแลกมากลับการกินพลังงานที่สูงมาก แน่นอนว่า Chipset ของ Intel ก็สามารถทำการ Overclock RAM ได้ดีกว่าเช่นกัน


สุดท้ายนี้หลาย ๆ คนก็คงจะได้คำตอบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากใครที่กำลังมองหา CPU เพื่อประกอบคอมของตัวเองอยู่ สิ่งที่ผมแนะนำได้ก็คือ ใครที่เน้นเล่นเกมอย่างเดียว คงต้องเป็น Intel แต่ถ้าหากใครคิดจะใช้ทำงานด้วย เล่นเกมด้วย ก็คงต้องเป็น AMD

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น CPU ค่ายไหน ต่างก็ทำออกมาได้ดีทั้งคู่ครับ โดยส่วนตัวแล้วผมแนะนำให้เลือกค่ายที่ใช่ และมีความสุขกับ Hardware ของตัวเองที่เราเก็บเงินชื้อมันมาจะดีที่สุดครับ

สำหรับตัวผมเองนั้นก็เลือกใช้ทั้งสองค่าย ใน Workshop ส่วนตัวของผมเองก็มีทั้ง AMD และ Intel โดย Gaming Rig ของผมเองแน่นอนว่าต้องใส่ Intel เพื่อเอาไว้เล่นเกมโดยเฉพาะ ในขณะเดียวกันผมก็มี Workstation (เวอร์ไปหน่อย) ที่ใช้ AMD พร้อมการทำงานด้านต่าง ๆ รวมไปถึงการตัดต่อวิดิโอไปด้วย

สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน ในอนาคตเราอาจจะมีบทความ Exclusive แบบนี้มาฝากผู้อ่านทุกท่านอีก สวัสดีครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส