‘Rebel Moon – Part Two: The Scargiver’ ผลงานล่าสุดของ แซ็ก สไนเดอร์ (Zack Snyder)  ถือเป็นหนังสงครามอวกาศที่อัดแน่นไปด้วยลายเซ็นของผู้กำกับคนนี้ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคนิคถ่ายภาพสโลว์โมชันอันเป็นเอกลักษณ์ โทนสีในซีนต่าง ๆ ที่ดาร์กซะจนต้องทักเรื่องความดิบเกินเบอร์ และการได้นักแสดงแถวหน้าของวงการนับสิบ มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานพร้อมกัน ๆ ก็ยิ่งเป็นเครื่องการันตีความทุ่มทุนสร้างของตัวสไนเดอร์ และนายทุนอย่าง Netflix

งานนี้ BT BUZZ ได้มีโอกาสพูดคุยแบบ Exclusive กับเหล่านักแสดงนำของเรื่อง นำทีมโดย โซเฟีย บูเตลลา (Sofia Boutella) นางเอกของเรื่องผู้รับบท ‘คอร่า’, มีคีล เฮาส์แมน (Michiel Huisman) รับบท ‘กุนนาห์’, เอ็ด สไครน์ (Ed Skrein) รับบท ‘พลเรือเอกโนเบิล’ และ ฟรา ฟี (Fra Fee) รับบท ‘บาลิซาเรียส’ โดยพวกเขาจะมาจับเข่านั่งเม้าท์กับเราในหลากหลายประเด็น ทั้งการทำงานกับสไนเดอร์ และแรงบันดาลใจที่ได้รับจากตัวละครในหนังเรื่องนี้

เฮาส์แมน และ บูเตลล่า

รีวิวการทำงานร่วมกับ แซ็ก สไนเดอร์

สไครน์: โหพวก! เราจะเริ่มยังไงดี เรามีเวลาแค่ไหนล่ะ? ถ้าพูดถึงคนนี้ต้องเป็นชั่วโมงนะ ผมคิดว่าเมื่อนึกถึงเขา มันคือรอยยิ้ม ความจริงใจ ความปรารถนาของชีวิต ความกระตือรือร้น ความหลงใหล ความสุข และเขาก็นำคุณเข้าสู่โลกของเขา คุณจะเห็นแววตาของเขานั้นเปล่งประกาย และการที่เขาก็ใส่ใจคุณจริง ๆ เขาแค่อยากให้ทุกอย่างสนุก แม้ว่ามันไม่สนุกก็ตาม เขาทำให้มันสนุกได้ เขาทำได้จริง ๆ

ฟี: สิ่งที่เราทำคือเราเล่าเรื่องราวต่าง ๆ และบางครั้ง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ทำเช่นนี้ มันอาจกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ หรือกลายเป็นเรื่องปกติ หน้าที่ของพวกเราคือสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ หรือทำมันเพื่อให้ทุกคนเชื่อ ซึ่งแซ็กไม่ได้สูญเสียความน่าทึ่งอะไรไปเลย เขายังสนุกกับการสร้างความเชื่อ และเล่าเรื่องราวต่าง ๆ มันเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ

สไครน์: ไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาไม่มีหมดไฟเลยแม้แต่น้อย เขาอยู่ในวงการนี้มานานแค่ไหนแล้ว ทำหนังมากี่เรื่อง ประสบการณ์มากมาย และแน่นอนเขาประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ และมีสาวกมากมาย แต่ผมนี่รู้สึกจะหมดไฟกว่าเขาอีก ผมต้องให้เขาดึงขึ้นมาด้วยซ้ำ

สไครน์ และ ฟี

ฟี: มีครั้งหนึ่งเราถ่ายทำกันตอนตี 3 หรืออะไรประมาณนั้น แล้วผมก็เริ่มหาว คือมันเหนื่อยจริง ๆ และผมแน่ใจว่าเราได้ฉากนั้นแล้ว แต่แซ็กคือแบบ “เรามาถ่ายอีกช็อตหนึ่งกัน”  และมันก็ได้ซีนคุณภาพเลย ผมพบว่าสิ่งนี้มันสร้างแรงบันดาลใจมาก และแน่นอนผมอยากจะทำได้เหมือนเขา มีความสนุก และความกระตือรือร้นแบบนั้น ผมเตือนตัวเองว่า ผมโชคดีแค่ไหนที่ได้มีส่วนร่วมกับสิ่งนี้

สไครน์: ในเรื่องนี้ เราทุกคนควรจะเป็นเหมือนแซ็ก สไนเดอร์ มากกว่านี้นะ

ฟี: เห็นด้วยสุด ๆ

เฮาส์แมน: ผมคิดว่าสิ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับการร่วมงานกับแซ็ก ก็คือ คุณสามารถบอกได้และรู้สึกได้ว่า เขาสามารถรับมือกับการถ่ายทำที่รายละเอียด ๆ แบบนี้ได้ เขาดูแลโปรเจกต์นี้มานานกว่าทศวรรษ

เขาเขียนสิ่งที่ต้องทำและวาดภาพซีนต่าง ๆ เกือบทุกช็อตในหนังเรื่องนี้ ดังนั้นตอนที่เรา ต้องเข้าฉาก Green Screen มันเป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะถามเขาว่า ท้ายที่สุดแล้วอะไรจะขึ้นรอบตัวเรานี้?

และเขาก็จะโชว์ภาพร่างของตลาดเล็ก ๆ ยานอวกาศ หรือสิ่งอื่น ๆ และตอนที่หนังถ่ายเสร็จแล้ว ช่วงเวลาที่คุณได้ดูฉากนั้นจริง ๆ พอเห็นแล้วคุณจะแบบ “โอ้ มันใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ดังนั้นยังมีเรื่องให้ประหลาดใจอยู่อีกนะ

คอร่าเป็นบทที่ใช้ร่างกายเยอะมาก คุณมีวิธีเตรียมตัวอย่างไรกับบทนี้

บูเตลลา: ฉันคิดว่าเราเริ่มถ่ายทำหนังเรื่องนี้ตอนเมษายน และฉันได้เข้าไปห้องสตันท์ตอนมกราคม นั่นจึงทำให้ฉันมีเวลาเตรียมตัวประมาณสี่เดือน เพื่อแสดงฉากผาดโผน

เป็นสามเดือนที่อาจจะไม่ได้อยู่ในห้องสตันท์ทุกวัน  ฉันต้องทำพิลาทิส พัฒนาสมรรถภาพของร่างกาย ฝึกการใช้ปืน เพื่อให้มันเป็นธรรมชาติที่สุด ฉัน

ซ้อมการเคลื่อนไหวซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้สมบูรณ์แบบที่สุด ฉันแค่อยากให้ดูเหมือนเธอได้รับการฝึกฝนจากกองทัพ Imperium มาตลอดชีวิตจริง ๆ

เฮาส์แมน: เธอไม่ได้หยุดฝึกเลย ผมเห็นเธอยังคงทำงานร่วมกับทีมสตันท์ตลอดการถ่ายทำ

ตัวละคร คอร่า ให้แรงบันดาลใจแก่คุณในเรื่องไหน

บูเตลลา: เธอสร้างแรงบันดาลใจให้ฉัน ในเรื่องการไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าอดีตของเธอจะยากลำบากแค่ไหน เธอก็ไม่ยอมแพ้กับตัวเอง และฉันคิดว่าสิ่งนี้สามารถสร้างแรงบันดาลใจได้ในทุกสถานการณ์ชีวิตของใครก็ตาม

เอ็ดตัวละครของคุณเรื่องนี้โหดเหี้ยมกว่าภาคก่อนเสียอีก ถ้ามีโอกาสได้พูดกับตัวละครนี้ คุณมีวิธีจะทำให้เขาใจเย็นลงได้อย่างไร

เอ็ด: พระเจ้าช่วย คุณไม่สามารถทำให้คนแบบนั้นใจเย็นลงได้หรอก ผมคงไม่อยากเจอคนแบบนั้น ผมไม่เคยอยากลองทำให้เขาใจเย็นลงหรอกนะ ไม่มีทางแน่นอน คุณคงเห็นความแตกต่างระหว่างภาคหนึ่ง ภาคสอง ตอนนี้เขาขับเคลื่อนด้วยโฟกัสที่ชัดเจน

เหมือนตอนนี้เขาเป็นเดินตามรอยอะไรสักอย่างหนึ่ง มันเหมือนกับเขามองเห็นอยู่แค่สิ่งเดียวตอนนี้ ผมว่าไม่มีทางหยุดเขาได้ในภาคสองนี้ งานนี้ไม่พวกมันก็ต้องเป็นเขา เท่านั้นเลย ไม่มีอะไรใครเอาเขาลงได้หรอก

ฟี: ผมว่าภาคนี้เขามีแรงจูงใจพิเศษบางอย่าง ตอนนี้มันเป็นเรื่องการแก้แค้น มันไม่ใช่แค่ เราใหญ่กว่ามีอำนาจ หรือคุณไม่มีทางสู้ และเราจะทำทุกอย่างที่อยากทำ มันเหมือนกับว่าตอนนี้เขามีเป้าหมายเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งเกิดขึ้นตอนคอร่าทำกับเขาในตอนท้ายภาคที่หนึ่ง มันเป็นเรื่องส่วนตัว ใช่มันเป็นเรื่องส่วนตัวไปแล้ว

สไครน์: เป้าหมายแรกของตัวละครนี้มันเริ่มต้นจากการล่าฝาแฝดบลัดแอ็กซ์ก่อน เพื่อมองหากบฏ และผมก็ถูกส่งตัวไปที่ชายขอบของกาแล็กซี แล้วมันก็กลายเป็นเรื่องอื่นไปโดยสิ้นเชิง แต่ผมดีใจนะที่ไม่ต้องเป็นคนไปทำให้เขาใจเย็นลง

ถ้าเลือกทรงผมของตัวละครได้หนึ่งคน คุณจะเลือกของใคร

เฮาส์แมน: ผมไม่เคยไว้ทรงเหมือนพวกทหาร Imperium มาก่อนเลย ที่จะตัดแปลก ๆ นิดหน่อย โดยที่ด้านข้างสั้นมาก ๆ เดี๋ยวผมลองดูนะ มันต้องดุดันแน่ ๆ

บูเตลลา: เอาจริงนะ ฉันอยากลองทรงผมของทารัคนะ ผมแบบลอน ๆ ยาว ๆ สวย ๆ

ทารัค

ถ้าต้องเลือกเป็นตัวละครหนึ่งตัวใน ‘Rebel Moon’ คุณจะเลือกใคร

สไครน์: ผมอยากเป็นนกของทารัค

ฟี: เออจริงด้วย แค่บินไปเลย แบบตอนไม่ได้ถูกขังไว้นะ ตอนที่เจ้านกเป็นอิสระแล้ว เราเคยคุยเรื่องนี้กันมาแล้วหรือเปล่านะ ทำไมนายตอบเร็วมาก

สไครน์: ไม่ ๆ มีไม่กี่คนหรอก ที่ผมอยากจะเป็นในโลกนี้

ฟี: คือจริง ๆ ผมว่า การอยู่รอดในโลกแบบนั้น มันยากมากเลย คือตัวละครผมค่อนข้างสบาย นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่วัง ทำอะไรไม่เยอะ งั้นขอผมขึ้นไปบนนกนั่นด้วยได้ไหม

สไครน์: ผมมีว่างสองที่พอดี นายก็นั่งหลัง บาลิซาเรียสนั่งหลังท่านี้เลย

ถ้าจิ๊กของจากกองถ่ายกลับบ้านได้หนึ่งชิ้น จะเลือกอะไร

บูเตลล่า: อาจจะเป็น…

เฮาส์แมน: ไม่ใช่เข็มขัดใช่ไหม?

บูเตลล่า: ไม่ใช่เข็มขัด

เฮาส์แมน: คุณไม่อยากได้เหรอ แต่เสื้อคลุมของคุณเจ๋งดีนะ

บูเตลล่า: เสื้อคลุมเจ๋งจริงแหละ มันเอามาเป็นผ้าคลุมไหล่ได้ เป็นผ้าพันคอ เป็นห่ม อาจเป็นผ้าม่าน หรืออาจเป็นผ้านวมก็ได้?

เฮาส์แมน: ผมนี่เสียใจมากเลย คือในเรื่องผมใส่กำไลข้อมืออันสองอัน มันคือกำไลทองแดง และผมก็ไม่ได้ขอเอากลับบ้าน

บูเตลล่า: จริง ๆ ฉันชอบแจ็กเก็ตของกุนนาห์มากเลยนะ ฉันชอบแจ็กเก็ตตัวสีฟ้า ซึ่งฉันใส่มันตอนจบของภาค 2

หวังว่าจะได้เจอพวกคุณที่ประเทศไทยนะ

ฟี: ขอบคุณมาก

สไครน์: หวังว่าจะได้เจอกันนะ รักนะครับ

เฮาส์แมน: ผมรอไม่ไหวที่จะได้กลับไปเยือนประเทศไทยครับ

บูเตลล่า: ฉันอยากไปประเทศไทยนะ ฉันยังไม่เคยไปเลย

เฮาส์แมน: ผมไปมาแล้วสองครั้ง

บูเตลล่า: อาหารไทยเป็นเมนูโปรดที่สุดของฉันเลย

รับชม ‘Rebel Moon – Part Two: The Scargiver’ ได้แล้วบน Netflix