วันเสาร์ที่ 6 เมษายน อีลอน มัสก์ โพสต์บน X (Twitter) ว่า “แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X กำลังปฎิเสธการจำกัดหรือการควบคุมทั้งหมด ที่ผู้พิพากษาของบราซิลได้สั่งปรับเงินจำนวนมาก พร้อมการขู่ว่าจะจับกุมพนักงานของบริษัท และตัดการเข้าถึง X ในบราซิล ซึ่งอา่จมีผลทำให้บริษัทสูญเสียรายได้ทั้งหมดในบราซิลและต้องปิดสำนักงานในท้องถิ่น แต่หลักการมีความสำคัญมากกว่าผลกำไร” โดยสาเหตุของโพสต์เนื่องมาจาก X ได้ถูกศาลบราซิลตัดสินพร้อมบังคับให้ระงับบัญชียอดนิยมบางบัญชีในบราซิล และสั่งให้รูดซิปปากห้ามเปิดเผยรายละเอียดของคำสั่งดังกล่าว ซึ่งมัสก์เป็นคนที่ยึดถือหลักในเรื่องเสรีภาพในการพูด จึงไม่ยอมในเรื่องนี้

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากโพสต์ของ ไมเคิล เชลเลนเบอร์เกอร์ (Michael Shellenberger) ผู้ก่อตั้งศูนย์วิจัยด้านสิ่งแวดล้อม Breakthrough Institute รวมทั้งเป็นนักเขียนด้านการเมืองและสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์บน X กล่าวหาว่าบราซิลได้ปราบปรามเสรีภาพในการพูด ซึ่งนำโดยผู้พิพากษาศาลฎีกาชื่ออเล็กซองเดร เดอ โมราเอส ซึ่งได้โยนคนเข้าคุกทั้งที่ไม่มีการพิจารณาคดีจากสิ่งที่พวกเขาโพสต์บนโซเชียลมีเดีย มีการสั่งให้ลบโพสต์ เซนเซอร์บางโพสต์ ไม่ให้สิทธิ์ในการอุทธรณ์ หรือดูหลักฐานที่นำมายื่นเสนอ

นอกจากนี้มีคดีของ Twitter ที่ผู้พิพากษาท่านนี้สั่งให้เปิดเผยรายละเอียดส่วนตัวของผู้ใช้ที่ติดแฮชแท็กที่ผู้พิพากษาท่านนี้ไม่ชอบ พยายามเซนเซอร์โพสต์ ส.ส. ของบราซิลโดยใช้นโยบายการกลั่นกรองเนื้อหาของ Twitter เพื่อต่อต้านผู้สนับสนุนประธานาธิบดี ฌาอีร์ เอ็ม. โบลโซนาโร ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนั้น

ล่าสุดเชลเลนเบอร์เกอร์โพสต์กล่าวหาว่า ผู้พิพากษาศาลฎีกา อเล็กซองเดร เดอ โมราเอส ใช้อำนาจศาลฎีกาของรัฐบาลกลางและศาลการเลือกตั้งแทรกแซงการเลือกตั้งผ่านการเซนเซอร์เนื้อหาบน Twitter ของผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโบลโซนาโรที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนั้น ทั้งนี้เมื่อประธานาธิบดีคนใหม่คือ ลูลา ดา ซิลวา (อดีตประธานศาลฎีกาสหพันธรัฐ) เข้ารับตำแหน่งก็ได้ใช้งบจากรัฐบาลสนับสนุนการเซนเซอต์สื่อ ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญของบราซิล

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อปีที่แล้วโมราเอสได้สั่งให้สอบสวนผู้บริหารของ Telegram และ Alphabet (Google) ในข้อหารณรงค์การวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายควบคุมอินเทอร์เน็ต ซึ่งร่างกฎหมายนี้กำหนดให้บริษัทอินเทอร์เน็ต เสิร์ชเอนจิน และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องรับผิดชอบในการค้นหาและรายงานเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย แทนที่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาล ซึ่งหากบริษัทต่าง ๆ ไม่ปฏิบัติตามก็จะปรับด้วยเงินจำนวนมาก