วันที่ 29 กรกฎาคม 2025 ทีมงาน BT beartai ได้เข้าร่วมงาน GCNT Expo 2025 พร้อมกับ คุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ หนึ่งในผู้ดำเนินรายการบนเวที เพื่อผลักดันความร่วมมือของภาคเอกชนไทย สู่เป้าหมาย SDGs ภายในปี 2030
หัวใจหลักในการจัดงานนี้คือการมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ความร่วมมือ และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถนำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดไปปรับใช้และต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาตามเป้าหมาย SDGs
และนี่ยังเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอโซลูชันแห่งอนาคต ผ่านนวัตกรรม เทคโนโลยี และแนวคิดทางธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อ เร่งการเปลี่ยนแปลง และผลักดันการนำแนวคิดเหล่านี้ไปปฏิบัติจริงในวงกว้าง เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย SDGs ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของ SDGs ให้กับทุกภาคส่วน เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน
เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความยั่งยืน บทบาทสำคัญของภาคเอกชน

คุณเกียรติชัย รังสีธรรม หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี ทรู ดิจิทัล พาร์ค เน้นย้ำว่า เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืน เพราะปัจจุบันอุณหภูมิโลกสูงขึ้นถึง 1.55 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลกระทบมหาศาล และหากเพิ่มขึ้นถึง 3 องศาเซลเซียส โลกอาจเผชิญกับจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ สภาพแวดล้อมจะไม่เอื้อต่อการอยู่อาศัยดังนั้น เทคโนโลยีจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ภาคเอกชนใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น
- IoT / Sensor: ใช้ตรวจสอบและติดตามการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์
- AI / Data Platform: วิเคราะห์ข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอน เพื่อหาแนวทางลดการปล่อยก๊าซ
- Blockchain / Smart Contract: ตรวจสอบกระบวนการในห่วงโซ่อุปทานเพื่อความโปร่งใสและยั่งยืน
โดยประโยชน์และผลลัพธ์จากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จะถูกนำเสนอในเซสชันถัดไป
เสวนา ‘The Reality of Sustainability’ พลังเทคโนโลยีขับเคลื่อนความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรม

Empowering Digital Equity โดย ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป
คุณฉัตรชัย เครือรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่าย ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป กล่าวว่า ด้วยปัจจุบันที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอุณหภูมินั้นสูงขึ้นมากถึง 1.55 องศา แต่ตัวเลขนี้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งหากสูงมากถึง 3 องศา เราอาจไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ปัญหาได้อีกต่อไป สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัย ดังนั้น เทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยจะทำให้ภาคเอกชนสามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นย้ำถึงเทคโนโลยีหลักที่ใช้สนับสนุนความยั่งยืน ได้แก่ AI Energy Optimization, Smart Renewable Orchestration และ Grid and Market-aware Automation

กรณีศึกษา: CP Axtra และ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง
- CP Axtra: คุณอนันต์ วัชรพงษ์วินิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายก่อสร้างและบริหารทรัพยากรอาคาร ซีพี แอ็กซ์ตร้า เผยว่าการใช้เทคโนโลยี เช่น AI ปรับอุณหภูมิ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีความท้าทายในการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 แต่เบื้องต้นการมีข้อมูลเครื่องจักรแบบเรียลไทม์ ซึ่งแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี จะช่วยให้การทำงานแม่นยำและรวดเร็ว ทำให้เป้าหมายสำเร็จได้เร็วขึ้น

- โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง: คุณสานิตย์ แสงขาม ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนงานบริการฯ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ได้นำเสนอนโยบายลดค่าไฟฟ้า เพื่อประหยัดพลังงาน และลดค่าใช้จ่าย รวมถึงลดความผิดพลาดของมนุษย์ (Human Error) ด้วยเทคโนโลยี แบ่งเป็น 4 ระดับ ดังนี้
- ไม่ลงทุน: ประเมินอาคาร/เครื่องจักรพลังงานสูงเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
- รณรงค์: ให้พนักงานร่วมลดการใช้พลังงาน
- ลงทุน: ทำสัญญาประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน (ESPC) เพื่อผลลัพธ์ชัดเจน
- พลังงานทางเลือก: เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ พลังงานน้ำ พลังงานลม
ผลลัพธ์คือลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 8.6 ล้านบาท และลดการใช้พลังงาน 770,000 kWh ภายใน 7 เดือน

นอกจากนี้ คุณฉัตรชัย ยังเสริมอีกว่าแพลตฟอร์มเทคโนโลยีลดพลังงานนี้ใช้งานได้จริงและเห็นผล เนื่องจากทุกภาคส่วนมีการใช้พลังงานสูง จึงจำเป็นต้องมีระบบควบคุมที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ AI Optimization ที่เน้นการประหยัดพลังงานเป็นหลัก
จากเสวนาในวันนี้เป็นไปได้ว่าในอนาคตนอกเหนือจาก Climate Tech แล้วเราอาจจะได้เห็น Health Tech และเทคฯ อื่น ๆ ที่ช่วยทั้งภาคเอกชน และผู้บริโภค ให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง และอาจะไปถึงขั้นปล่อยเป็นศูนย์ (Net Zero) อย่างแท้จริงได้ในอนาคต