Redmi แบรนด์ย่อยของ Xiaomi ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนซีรีส์ Note 15 อย่างเป็นทางการที่ประเทศจีน ซึ่งนอกจาก Note 15 รุ่นมาตรฐานแล้วนั้น ยังมาพร้อมรุ่นพรีเมียมอย่าง Note 15 Pro และ Note 15 Pro+ ซึ่งได้รับการปรับปรุงสเปกสำคัญหลายด้าน ทั้งหน้าจอ, ชิปเซต และความจุของแบตเตอรี่
Redmi Note 15 Pro และ Note 15 Pro+ นั้น ได้รับการติดตั้งแผงหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.83 นิ้ว ความละเอียด 1,280 x 2,772 พิกเซล ซึ่งรองรับรีเฟรชเรต 120 Hz (รีเฟรชภาพ 120 ครั้งต่อวินาที), ความสว่างสูงสุด 3,200 Nit, รองรับค่าสี 12 บิต และป้องกันรอยด้วยกระจก Dragon Crystal Glass ของ Xiaomi

Redmi Note 15 Pro ได้ใช้ศักยภาพจากชิปเซตรุ่นใหม่อย่าง Dimensity 7400 Ultra ของ MediaTek ที่ได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร และมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.6 GHz ซึ่งอัปเกรดขึ้นจาก Dimensity 7300 ที่ใช้ใน Note 14 Pro
ในขณะที่ Redmi Note 15 Pro+ นั้น ได้รับการติดตั้งชิปเซต Snapdragon 7s Gen 4 ที่ Qualcomm เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2025 โดยได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร และมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.7 GHz ซึ่งเพิ่มสูงขึ้น 7% เมื่อเทียบกับ Snapdragon 7s Gen 3 ที่ใช้ใน Note 14 Pro+ รวมถึงมีหน่วยประมวลผลกราฟิกที่เร็วขึ้น และส่งเสริมการทำงานด้วยช่องระบายความร้อน ขนาด 5,200 mm² เพื่อลดความร้อนของชิปเซตในระหว่างประมวลผลอย่างหนัก


สมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่น ได้รับการจ่ายพลังงานด้วยแบตเตอรี่ที่มีความจุสูงถึง 7,000 mAh ซึ่งอัปเกรดขึ้นจาก 5,500 mAh และ 6,200 mAh ในรุ่นก่อน โดย Note 15 Pro รองรับการชาร์จไฟเร็ว 45 W และ Note 15 Pro+ รองรับการชาร์จไฟเร็ว 90 W และทั้ง 2 รุ่น รองรับการจ่ายพลังให้แก่อุปกรณ์อื่นที่ 22.5 W

Redmi Note 15 Pro และ Note 15 Pro+ ยังคงมาใช้ระบบถ่ายภาพแบบเดียวกับรุ่นก่อน ดังนี้
- Redmi Note 15 Pro : กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (Sony LYT-600) + กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- Redmi Note 15 Pro+ : กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (OV Light Hunter 800) + กล้องซูม ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (ซูมไม่เสียความละเอียดได้ 2.5 เท่า) + กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
สมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่น ยังรองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 และ IP69K ซึ่งช่วยป้องกันตัวเครื่องในน้ำลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที และน้ำแรงดันสูงที่อุณหภูมิสูงสุด 80 องศาเซลเซียส และทำงานบนซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ HyperOS 2 ที่ Xiaomi พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของระบบ Android 15

Redmi Note 15 Pro มีด้วยกัน 4 สี ได้แก่ Midnight Black, Cedar White, Sky Blue และ Cloud Purple พร้อมราคาที่ผู้ใช้เข้าถึงได้ง่าย ดังนี้
- แรม 8 GB + สตอเรจ 256 GB : 1,499 หยวน หรือประมาณ 6,800 บาท
- แรม 12 GB + สตอเรจ 512 GB : 1,899 หยวน หรือประมาณ 8,600 บาท
สำหรับ Redmi Note 15 Pro+ นั้น มีด้วยกัน 4 สี ได้แก่ Midnight Black, Cedar White, Sky Blue และ Smoky Purple พร้อมราคาดังนี้
- แรม 8 GB + สตอเรจ 256 GB : 1,999 หยวน หรือประมาณ 9,100 บาท
- แรม 16 GB + สตอเรจ 512 GB : 2,399 หยวน หรือประมาณ 10,900 บาท




นอกจากนี้ยังมี Note 15 Pro+ Satellite Messaging Edition พร้อมแรม 16 GB และสตอเรจ 512 GB ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 2,499 หยวน หรือประมาณ 11,400 บาท
