กรุงเทพฯ, 8 สิงหาคม 2568 – หากใครเคยเห็นภาพห้องเซิร์ฟเวอร์ขององค์กรขนาดใหญ่ คงนึกถึงตู้แร็คสูงใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์สารพัด ทั้งเซิร์ฟเวอร์ประมวลผล, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Storage), สวิตช์เครือข่าย และระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานแยกส่วนกัน ดูแลรักษายาก และมีต้นทุนแฝงมหาศาล แต่ภาพจำเหล่านี้อาจกำลังจะเปลี่ยนไป
วันนี้ หัวเว่ย ประเทศไทย จับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่อย่าง วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) ประกาศเปิดตัว Huawei FusionCube HCI โซลูชันที่จะมายุบรวมความซับซ้อนทั้งหมดนั้น ให้กลายเป็น “กล่องสมองกลอัจฉริยะ” ที่พร้อมปฏิวัติระบบหลังบ้านของธุรกิจไทย

HCI คืออะไร ? ทำไมธุรกิจต้องสนใจ ?
ลองนึกภาพสมาร์ทโฟนที่รวมเอาโทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์ และระบบนำทางไว้ในเครื่องเดียว Hyper-Converged Infrastructure (HCI) ก็ทำงานในหลักการเดียวกัน มันคือการหลอมรวมระบบ 4 ส่วนหลักที่เคยแยกจากกัน คือ การประมวลผล (Computing), การจัดเก็บข้อมูล (Storage), ระบบเครือข่าย (Network) และ ความปลอดภัย (Security) เข้าไว้ด้วยกันในแพลตฟอร์มเดียวที่จัดการได้จากศูนย์กลาง
ผลลัพธ์คือความ “ง่าย เร็ว และแกร่ง” ซึ่งเป็นหัวใจที่ทุกองค์กรในยุคดิจิทัลต้องการ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการแข่งขัน
FusionCube: ไม่ใช่แค่ฮาร์ดแวร์ แต่คือ “รากฐานอัจฉริยะ”
ภายในงานเปิดตัวภายใต้แนวคิด “Always Intelligent, Always Resilient” (อัจฉริยะเสมอ พร้อมรับทุกสถานการณ์เสมอ) นายเชลดอน หวัง รองประธานอาวุโส ธุรกิจเอนเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ย ประเทศไทย ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า “FusionCube ไม่ใช่เพียงโซลูชันไอทีทั่วไป แต่มันคือ รากฐานอัจฉริยะ (Intelligent Foundation) ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

คำกล่าวนี้สะท้อนว่า หัวเว่ยไม่ได้มองว่านี่คือการขายกล่องเซิร์ฟเวอร์ แต่คือการมอบเครื่องมือที่สามารถคิดและดูแลตัวเองได้ ช่วยลดภาระและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา (O&M) ในระยะยาวได้อย่างมหาศาล ซึ่งเป็นจุดเจ็บปวด (Pain Point) ของฝ่ายไอทีในหลายองค์กร
เจาะลึก 3 จุดแข็งที่พิสูจน์แล้ว
Huawei FusionCube HCI ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 12,000 องค์กรทั่วโลก ชูจุดเด่นที่จับต้องได้ 3 ประการ:
- ง่ายเหมือนต่อเลโก้ (Plug-and-Play): ลดเวลาติดตั้งระบบที่เคยใช้เวลาเป็นวันหรือสัปดาห์ เหลือเพียงไม่กี่นาที และเมื่อธุรกิจเติบโต ต้องการขยายทรัพยากร ก็สามารถทำได้ด้วยการคลิกเดียว ไม่ต้องหยุดระบบให้วุ่นวาย
- หัวใจที่ไม่เคยหลับใหล (High Stability): ออกแบบมาให้ทำงานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง มีระบบสำรองและฟื้นฟูตัวเองอัตโนมัติ ทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างไม่สะดุด
- ประสิทธิภาพที่วัดผลได้จริง: จากกรณีศึกษาในอุตสาหกรรมขนส่ง การนำระบบจัดการอัจฉริยะของ FusionCube มาใช้ สามารถ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 2 เท่า และน่าทึ่งกว่านั้นคือ ลดต้นทุนการปฏิบัติงานลงได้มากถึง 30%
ภายใต้วิสัยทัศน์ “เติบโตในประเทศไทย เพื่อประเทศไทย” การเปิดตัวครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่ไม่เพียงเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจไทย แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาคอย่างแท้จริง