นับเป็นช่วงเวลาดี ๆ สำหรับวงการเกมกับซีรีส์เพราะเรากำลังได้ดูซีรีส์ ‘The Last of Us’ ที่สร้างมาจากเกมแล้วออกมาได้ดีจนถึงขั้นยอดเยี่ยม ขนาดคนที่ไม่ได้เล่นเกมมาเห็นยังชอบ จนทำให้หลายคนไปหาซื้อเกมมาเล่น หรือคนที่เคยเล่นเกมมาแล้วก็ไปหาเกมนี้มาเล่นอีกครั้งจนยอดขายเกมพุ่งอย่างรวดเร็ว และพอเล่นเกม ‘The Last of Us’ จบเชื่อว่าหลายคนคงจะอารมณ์ค้างเพราะอยากเล่นเกมแบบนี้ต่อ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเกมอะไรที่มีกลิ่นอายระบบการเล่นบรรยากาศที่คล้าย ‘The Last of Us’ เมื่อเป็นอย่างนั้นเราเลยไปค้นหาเกมที่มีบรรยากาศโลกที่ล่มสลาย ซอมบี้ คู่หูสาวน้อย (หนุ่มน้อย) การดิ้นรนเอาชีวิตรอด ความเหงาอ้างว้าง ที่มีกลิ่นอายของ ‘The Last of Us’ มานำเสนอ เพื่อให้คนที่อารมณ์ค้างจากซีรีส์และเกมได้ไปหามาเล่นกัน จะมีเกมอะไรบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย

A Plague Tale Innocence

A Plague Tale Innocence

เริ่มต้นเกมแรกที่ให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนกำลังเล่น ‘The Last of Us’มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องระบบการเล่นฉากอันรกร้าง ความตาย การควบคุมตัวละครที่บอกเลยว่าคล้าย ‘The Last of Us’ ในยุคกลางเลยทีเดียว โดยในเกมนี้เราจะได้รับบทเป็น อามิเซีย เดอ รูน (Amicia de Rune) อดีตลูกคุณหนูที่จู่ ๆ ทุกคนในบ้านก็ถูกฆ่าตายจนหมด เหลือเพียงเธอกับน้องชายที่ต้องหนีเอาชีวิตรอดและค้นหาความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยตลอดทั้งเกมนั้นเราจะได้เล่นเป็นตัวละครพี่สาวที่ต้องปกป้องน้องชาย จากการถูกตามล่าของศัตรูในโลกยุคกลางที่แสนเลวร้าย ตัวเกมจะเน้นการลอบเร้นแอบซ่อนและหาทางแก้ปริศนาที่มีการต่อสู้บ้าง ที่บอกเลยว่าให้ความรู้สึกเหมือนเล่น ‘The Last of Us’ ที่ไม่มีซอมบี้ แต่จะมีกองทัพโคตรหนูกินคนมาแทน กับฉากที่บอกเลยว่าหลอนอ้างว้างและน่ากลัวพอ ๆ กันเลย ใครที่ยังคงสนุกกับซีรีส์เราสองผู้เดียวดายอยู่ก็มาหาเกมนี้เล่นต่อได้เลยอารมณ์เดียวกันสุด ๆ ส่วนใครกลัวหนูหรือพวกที่มันยั้วเยี้ยหนืด ๆ เหนียว ๆ อี๋ ๆ ก็ข้ามไปเลยเพราะเกมนี้มีเยอะมาก ๆ

A Plague Tale Innocence

Bioshock Infinite

Bioshock Infinite

เมื่อพูดถึงจุดเด่นของเกม ‘The Last of Us’ ที่หลายคนชื่นชอบมากที่สุด ก็น่าจะเป็นระบบคู่หูที่เกือบตลอดทั้งเกมนั้นเราจะได้อยู่กับสาวน้อย เอลลี่ (Ellie) ที่เธอจะชวนเราพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ ที่บอกถึงการมีตัวตนเหมือนเธอเป็นผู้ร่วมเดินทางจริง ๆ ไม่ใช่แค่ ‘AI’ ที่เดินตามเรา รวมถึงการช่วยเราในการต่อสู้ทั้งการเรียกเราตอนมีศัตรูในฉาก ไปจนถึงฉากที่เราสองคนจะได้ประทับใจกับการมีตัวตนของเธอคนนี้ ที่ไม่ใช่แค่ตัวละครที่ทำแค่ช่วยยิงกับพูดแค่ประโยคเดิม ๆ ซ้ำ ๆ แถมเป็นตัวถ่วงที่ถ้าคู่หูพลาดตายเกมก็จบด้วยที่หลายคนปวดหัว จนทำให้เราไม่รู้สึกผูกพันกับเกมเหล่านั้น แต่ก็มีอีกเกมที่ให้เรารู้สึกผูกพันและรักตัวละครคู่หูได้นั่นก็คือเกม ‘Bioshock Infinite’ เกมที่เราจะได้รับบทเป็นนักสืบที่ถูกจ้างให้ไปตามตัวเด็กสาวที่ถูกขังอยู่ในนครลอยฟ้า ที่ในตอนแรกเราจะเดินทางคนเดียวกับตัวเกมก็เป็นเกมยิงมุมมองบุคคลที่ 1 (เห็นแค่มือกับปืน) ทั่วไป จนเมื่อเจอกับ เอลิซาเบธ (Elizabeth) มาเป็นเพื่อนเรื่องราวเนื้อหาตัวเกมก็เปลี่ยนไปทันที เพราะเราจะได้เห็นความน่ารักสดใสของสาวน้อยที่อ่อนต่อโลก ที่เธอจะพูดคุยและถามเราในเรื่องราวต่าง ๆ เหมือนเอลลี่ และตอนต่อสู้เธอก็จะใช้พลังในการเปิดประตูมิติเพื่อช่วยเราในการต่อสู้ที่ทำให้ตัวเกมเล่นสนุกกว่าเดิม และพอเรื่องราวมาถึงช่วงที่เอลิซาเบธถูกจับตัวไปเรากลับรู้สึกคิดถึงเธอขึ้นมาทันที เรียกว่าให้อารมณ์คล้าย ‘The Last of Us’  แบบสุด ๆ รวมถึงตอนจบที่ปวดตับทำลายสมองไม่แพ้กัน ใครที่ชอบแนวยิงจัด ๆ สาวน้อยน่ารักเกมนี้คือคำตอบ

Bioshock Infinite

Resident Evil Revelations 2

Resident Evil Revelations 2

ต่อเนื่องจากบทความก่อนหน้านี้ที่เราได้พูดถึงเกมที่มีระบบคู่หูสุดแย่ ทำหน้าที่เพียงแค่ยิง ๆ และพูดประโยคเดิม ๆ ไม่มีความเป็นชีวิตชีวาที่เราหมายถึง ‘Resident Evil 5’ กับ 6 ที่ทำออกมาได้แย่ในแง่ของระบบคู่หู จนทาง ‘Capcom’ คิดใหม่ทำใหม่ในเกมซีรีส์ ‘Resident Evil Revelations’ ที่ในภาคแรกก็ตัวเกมก็พยายามกลับไปสู่รากเหง้าของความกลัว กับระบบคู่หูที่ทำออกมาได้ดีแต่ก็ยังครึ่ง ๆ กลาง ๆ จนมาถึง ‘Resident Evil Revelations 2’ ตัวเกมก็เปลี่ยนระบบคู่หูให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น และสามารถสลับตัวละครไปมาได้ระหว่างเล่นเพื่อแก้ไขปริศนา ที่ให้อารมณ์คล้าย ๆ ‘The Last of Us’ แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ‘Resident Evil Revelations 2’ ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาอีกเยอะในแง่ระบบคู่หู แต่โดยรวมก็ถือว่าเล่นสนุกเนื้อเรื่องดีน่าติดตาม ที่ถ้าคุณชอบซีรีส์ ‘Resident Evil’ เกมภาคนี้ก็ไม่ควรพลาด แถมตัวเกมยังสามารถเล่นสองคนพร้อมกับเพื่อนได้ด้วย (คราวนี้เราก็จะได้ ‘AI’ ที่มีชีวิตจริง ๆ ที่เดินทางไปด้วยกัน) ใครชอบความหลอนกับซีรีส์เด็กดีที่ไม่ค่อยมีคำหยาบแต่ภาคนี้จัดเต็ม (ฟักแฟงแตงโมไชโยโห่ฮี้วทั้งเกมบอกเลย) ก็ไปหามาเล่นกันดูบอกเลยว่างานนี้ป่าช้าแตกเพราะเพื่อนเราแน่นอน

Resident Evil Revelations 2

State of Decay 2

State of Decay 2

คราวนี้เปลี่ยนมาดูเกมที่ให้บรรยากาศเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง ในโลกที่ล่มสลายและซอมบี้ที่ชอบงับคุณแต่ผมน่ะชอบคุณงับ (เล่นไปเรื่อย) กับเกม ‘State of Decay 2’ เกมที่จะให้เราเลือกเล่นเป็นตัวละครหลาย ๆ ตัวที่ต้องหาทางเอาชีวิตรอดในโลกที่ล่มสลาย ด้วยการตามหาทรัพยากรมาพัฒนาฐานหาเพื่อนร่วมทีม ที่แต่ละคนก็จะมีความสามารถที่ต่างกันในการใช้งาน ที่ถ้าเราใช้ตัวละครเดิม ๆ ซ้ำ  ๆ ตัวละครตัวนั้นจะเหนื่อยล้าและป่วยได้ เราจึงต้องเปลี่ยนตัวละครไปเรื่อย ๆ และถ้าตัวไหนตายตัวละครนั้นก็จะตายเลยไม่มีฟื้น ซึ่งให้บรรยากาศคล้าย ๆ ‘The Last of Us’ ในแง่ของบรรยากาศที่เราสามารถเล่นกับเพื่อน ๆ หรือชวนตัวละคร ‘AI’ ไปเป็นภาระ (ช่วยแบกของ) ได้ด้วย ใครที่ชอบแนว ๆ จัดสรรทรัพยากรก็ไปหามาเล่นดูตัวเกมค่อนข้างสนุกเล่นเพลินเลยทีเดียว

State of Decay 2

Days Gone

Days Gone

เชื่อว่าหลายคนที่ได้เล่นหรือรู้จักเกมวันนั้นของเดือน (ไม่ใช่และ) ต้องเป็นวันที่หายไปอย่าง ‘Days Gone’ มาแล้ว คงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “โด่พี่มันไม่เห็นเหมือน ‘The Last of Us’เลย โด่เกมนี้เราต้องขี่มอเตอร์ไซค์มีซอมบี้เป็นร้อย ๆ พัน ๆ ตัวแต่ใน ‘The Last of Us’ มันมีแค่ตัวสองตัวเองจะเทียบกันได้ไงล่ะโด่” หยุดก่อนน้องโด่พี่ไม่เด่จะอธิบายให้ฟังว่าทำไมเกม ‘Days Gone’ ถึงมาอยู่ในบทความนี้ ก็เพราะเนื้อหาที่กล่าวถึงวันที่โลกล่มสลายว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทุกคนเป็นอย่างไรหลังเหตุการณ์นั้นเหมือนเกม ‘The Last of Us’ รวมถึงบรรยากาศของโลกที่ล่มสลายการพยายามเอาชีวิตรอดของพี่ ดีค (Deek) ที่ให้อารมณ์คล้าย ๆ พี่ โจล (Joel) ก่อนเกมภาคแรกอะไรแบบนั้น และถ้าเกม ‘The Last of Us’ อยู่ในที่กว้าง ๆ ทะเลทรายแบบในเกมนี้เราก็คงจะเห็นสิ่งต่าง ๆ เหมือนในเกมนี้แน่นอน แถมตัวเกมยังให้อารมณ์ฉากการควบคุมตัวละครเนื้อหาที่คล้าย ๆ กันด้วย (แต่จะไปคล้าย ‘The Last of Us 2’ มากกว่าก็ตาม) แต่โดยรวมแล้วถ้าคุณเพิ่งเล่น ‘The Last of Us’ จบก็มาหาเกมนี้เล่นต่อได้เลย แม้จะไม่ค่อยสุดจัดปลัดบอกจนปลัดลาออกก็ยังบอกว่าสุดจัด (มุกอะไรครับเนี้ย) แต่ก็แทนกันได้

Days Gone

Ico

Ico

อีกหนึ่งเกมที่ไม่มีซอมบี้ที่ชอบงับคุณแต่ผมน่ะ (อ้าวเล่นไปแล้วหรอขออภัย) กับเกมที่เน้นระบบคู่หูเป็นตัวชูโรงเหมือน ‘The Last of Us’ นั่นคือเกมเด็กมีเขาสาวน้อยจืดจางกับไม้กระบองกู้โลกในเกม ‘ICO’ เกมที่เราจะได้รับบทเป็น ไอโก้ (Ico) เด็กชายต้องสาปที่เกิดมามีเขาตั้งแต่เกิดที่ไม่ได้ถูกใครมาสวม (มุกอะไรครับเนี้ย) ที่ถูกจับใส่โลงศพมาทิ้งในหอคอยปริศนาก่อนที่เด็กชายจะหนีออกมาจากโลงที่เหมือนเป็นการต่อชีวิตสะเดาะเคราะห์ให้ จนเขามาเจอกับสาวน้อยผู้จืดจาง (จืดจางจริง ๆ เพราะน้องตัวซีดชุดสีขาวผมสีน้ำตาลจาง ๆ ไม่เรียกจืดจางก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว) ยอร์ดา (Yorda) ที่ทั้งคู่ต้องหาทางออกไปจากหอคอยนี้พร้อมกับแก้ปริศนาต่าง ๆ ที่ทั้งคู่ต้องร่วมมือกัน และระหว่างเล่นเราจะได้พูดคุยกับน้องยอร์ดาในเรื่องต่าง ๆ ว่าเธอคือใครเป็นอย่างไรที่ให้ความรู้สึกไม่รู้ไม่เข้าใจและต้องการรู้ความจริง ที่ให้อารมณ์เหงาแต่ไม่เดียวดายของเกมแบบ ‘The Last of Us’ เลยทีเดียว ใครชอบเกมแนวแก้ปริศนาเส้นผมบังภูเขาที่แค่เป่าก็มองเห็น กับสาวน้อยจางจืดแบบนี้ก็ไปหามาเล่นดูของดีบอกเลย

Ico

Dying Light 2

Dying Light 2

ถ้าจะพูดถึงเกมที่เป็นเหมือนโลกคู่ขนานของ ‘The Last of Us’ ที่เป็นมุมมองของเหล่าคนเถื่อนตัวร้ายในเกมที่คอยดักปล้นฆ่าและชิงสิ่งของจากผู้คนที่รอดชีวิต เกมแสงสุดท้ายที่เหมือนเพลงพี่ตูน ‘Bodyslam’ แต่ไม่ใช่แสงสุดท้ายแห่งความหวังแต่เป็นแสงสุดท้ายแห่งความตายอย่าง ‘Dying Light 2’ ที่ถ้าใส่ซอมบี้เห็ดในเกมนั้นลงไปบอกเลยว่ามันคือ ‘The Last of Us’ ในฉบับมุมมองบุคคลที่ 1 แบบไม่ต้องสงสัย ซึ่งสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมนี้เราจะได้รับบทเป็นนักวิ่งที่ต้องไต่ไปตามตึกต่าง ๆ ซึ่งผู้รอดชีวิตส่วนมากจะใช้ชีวิตบนตึกรามบ้านช่อง แทนการอยู่ข้างล่างที่เต็มไปด้วยผีดิบกินคน กับการหาทางเอาชีวิตรอดและแก้ไขปริศนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลังโลกล่มสลายไปเป็นสิบ ๆ ปี ที่ความสนุกของเกมนี้คือการวิ่งหนีตายจากเหล่าผีในตอนกลางคืน ที่พวกมันจะโหดขึ้นอึดขึ้นเร็วขึ้นและมีซอมบี้ตัวพิเศษที่ที่จะคอยไล่ล่าคุณ เหมือนโอตะที่ตามโอชิตัวเองจนตอนเล่นเราต้องตะโกนออกมาดัง ๆ ว่า “เอ๋วิ่งซิเอ๋” กันเลยทีเดียว แต่ในตอนท้ายเกมถ้าคุณเก่งเทพแล้วคราวนี้ซอมบี้จะเป็นฝ่ายวิ่งนี้เอ๋แทน ใครชอบบรรยากาศรกร้างและมุมมองของผู้รอดชีวิตคนอื่นก็ไปหามาเล่นดู แล้วคุณจะรักเกมนี้เหมือนเอ๋ (แต่เดี๋ยวนะเอ๋คือใคร)

Dying Light 2

The Last of Us Part II

The Last of Us Part II

ปิดท้ายกับเกมที่คุณควรเล่นต้องเล่นและไม่ควรพลาดเมื่อคุณเล่น ‘The Last of Us’ ภาคแรกจบแล้วและอารมณ์ค้างก็มาจัด ‘The Last of Us Part II’ ต่อเลย ที่บอกเลยว่าตัวเกมภาคนี้ได้เพิ่มเติมเนื้อหาความโหดดิบระบบการเล่นและเนื้อเรื่องที่มีซับภาษาไทย พร้อมความหยาบคายที่เปลี่ยนจากคำว่าฟักแฟงแตงโมไปเป็นหัวประตูแทนที่ดูน่ารักกุ๊กกิ๊กไปอีกแบบ (ยอมใจคนแปลซับเกมนี้จริง ๆ บอกเลย) ซึ่งใครที่เล่นเกมภาคแรกมาแล้วมาภาคนี้คุณต้องเรียนรู้ระบบใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามา กับฉากที่กว้างใหญ่ขึ้นเนื้อหาที่โหดดิบกว่าเดิมพร้อมตัวละครใหม่ที่เป็นน้องสาวต่างพ่อต่างแม่ของพี่ต่อยหิน คริส เรดฟิลด์ (Chris Redfield) ที่ถ้าคุณไม่รักก็จะโคตรเกลียดนางเลย นอกจากนี้ก็มีซอมบี้สายพันธุ์ใหม่อีกสองแบบที่เรียกว่าสุดจริงอะไรจริงที่เล่นแล้วเล่นอีกไม่เบื่อแน่นอน แต่ถ้าคุณไม่อยากรับรู้เรื่องราวก่อนซีรีส์ก็อย่าเพิ่งเล่นเกมนี้เดี๋ยวจะเสียอารมณ์ (เราเตือนคุณแล้ว) และไม่ต้องห่วงไม่มีใครมานั่งสปอยล์คุณแน่นอน เพราะเกมนี้ออกมานานแล้ว ดังนั้นเราจึงจะมีรูปแทนการสปอยล์ให้คุณได้ดูที่ข้างล่าง (ล้อเล่นไม่มี) ที่ถ้าคุณได้เล่นบอกเลยว่าคุณจะทั้งรักทั้งเกลียดภาคนี้ เหมือนที่นักเล่นเกมทั่วโลกที่เกลียดมากกว่ารักเกมภาคนี้บอกเลย

The Last of Us Part II

ก็จบกันไปแล้วกับการแนะนำเกมที่ให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเกม ‘The Last of Us’ ที่เอามาแก้ขัดระหว่างรอซีรีส์ ซึ่งถ้าใครสนใจอยากเล่นเกม ‘The Last of Us’ ก็สามารถหาเล่นได้ทั้งบน ‘PlayStation 3’ ถึง 5 ก็มีเกมนี้ทั้งหมด ส่วน ‘PC’ คงต้องรออีกเล็กน้อยแต่ได้เล่นแน่นอน ส่วนใน ‘The Last of Us Part II’ นั้นจะมีบน ‘PlayStation 4 กับ 5 เท่านั้น ใครสะดวกเครื่องไหนก็ไปจัดมาเล่นกันดู หรือถ้ายังไม่อยากสปอยล์ตัวเองด้วยการเล่นเกมก็ไปเล่น 7 เกมที่เราเอามานำเสนอได้เหมือนกัน ที่เล่นแล้วจะได้อารมณ์ความรู้สึกเหมือน ‘The Last of Us’ แก้ขัดระหว่างดูซีรีส์ได้แน่นอน ส่วนใครที่มีเกมไหนที่ให้อารมณ์คล้าย ๆ ‘The Last of Us’ อีกก็เอามาบอกเพื่อน ๆ กันได้ ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรในวงการเกมก็ติดตามที่แบไต๋ได้เลย หรือจะย้อนไปดูบทความเก่า ๆ ก็มีหลายเรื่องที่คุณอาจสนใจ รับรองว่าอ่านสนุกฟังเพลินแน่นอน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส