สวัสดีครับทุกคน หลังจากที่เราได้รู้ถึงสเปกของ PS5 กันไปแล้ว อีกทั้งยังได้เห็นวิดีโอ Teardown ของตัวเองกันชัด ๆ ทำให้ตอนนี้เราน่าจะได้เห็นข้อมูลของ PS5 กันทั้งหมดแล้ว

แต่เคยลองคิดกันดูไหมครับว่า ถ้าหากเราจะจัดสเปก PC เครื่องนึง ให้มีสเปกเทียบเท่า PS5 โดยมีราคาเท่ากันนั้น มันจะสามารถเป็นไปได้หรือไม่ หรือ ถ้าในงบ 499$ ประมาณ 15,500 บาท เราจะได้ PC สเปกแบบไหนกัน ?

ไม่ต้องคิดอะไรกันให้มากมาย ก่อนอื่นเราต้องมาดูสเปกของ PS5 กันก่อนเลยครับ


Playstation 5 Specification

  • CPU: AMD Ryzen Zen 2 3.5GHz 8 Cores / 16 Threads
  • GPU: AMD Radeon RDNA 2 2.23 GHz (36 CU, 10.28 TFLOPs) Ray Tracing Acceleration
  • RAM: 16GB GDDR6 448GB/s Bandwidth
  • Storage: Custom SSD 825 GB
  • Optical Drive: Ultra HD Blu-ray
  • PSU: 350W
  • ราคา 499$ หรือประมาณ 15,500 บาท

โดยต้องขอบคุณ Sony ที่เลือกใช้ AMD ทำให้เราสามารถเทียบวัดประสิทธิภาพต่อ Hardware ของ PC Desktop ได้ง่าย ๆ โดยในขั้นแรกนั้น ผมจะทำการประกอบ PC ที่มีสเปกเท่ากัน หรือใกล้เคียง สเปกของ PS5 กันก่อนครับ


PC Specification (Equivalent to PS5)

ขอบคุณเว็บไซต์ notebookspec สำหรับใช้ในการจัดสเปก
  • CPU: AMD Ryzen 7 3700X 3.6GHz 8 Cores / 16 Threads
  • GPU:RX 5700 8GB (40 CU, 9.75 TFLOPs)
  • RAM: CORSAIR 16GB DDR4 3200 (8GBx2)
  • Storage: SSD SAMSUNG 970 EVO 1TB M.2 NVMe
  • MB: ASUS PRIME B450M-A
  • Optical Drive: None
  • PSU: CORSAIR CV650
  • Case: COOLER MASTER MasterBox Lite 3 Window
  • ราคา: 1,100$ หรือประมาณ 35,280 บาท

โดยสเปกที่ผมจัดไว้ด้านบนนั้น เป็นการเลือก Hardware ที่ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เริ่มจาก CPU ก่อนเลย ผมได้เลือกใช้ AMD Ryzen 7 3700X สถาปัตยกรรม Zen 2 โดยมี 8 Cores 16 Threads และวิ่งที่ความเร็ว 3.6GHz ซึ่งถ้าดูดี ๆ มันแทบจะเหมือนกับ CPU ของ PS5 เลยทีเดียวครับ

Radeon RX base on RDNA

ในส่วนของ GPU นั้น ตรงนี้ค่อนข้างยากอยู่เหมือนกัน เพราะมันมีตัวเลือกเยอะมาก แน่นอนว่าผมได้เลือก AMD อีกครั้ง เนื่องจากว่าด้วยสถาปัตยกรรมที่เหมือนกัน RX 5700 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากว่ามันเป็น มีจำนวน CUs และ TFLOPS ที่ใกล้เคียงกันมาก อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรม RDNA เหมือนกับ PS5 ที่เป็น RDNA 2 (ใหม่กว่า) โดย GPU RDNA 2 ของ PC นั้นยังไม่ได้เปิดตัวนั้นเองครับ

ในส่วนอื่น ๆ อย่าง MB นั้นผมได้เลือกตัวที่ราคาถูกที่สุด แต่ในส่วนของ RAM ผมได้เลือก CORSAIR DDR4 16GB 3200 (8GBx2) และผมได้ตัด Optical Drive ออกไป พร้อมกับเลือกใช้ SSD M.2 จาก 1TB Samsung พร้อมกับปิดท้ายด้วย PSU Corsair 650W และหยิบเอา Case ที่ราคาถูกแต่ทนทานอย่าง Cooler Master มาใช้

โดยทั้งหมดก็มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 35,280 บาท คำนวณจากเว็บไซต์ notebookspec โดยราคานี้เราสามารถชื้อ PS5 ได้ถึง 2 เครื่อง แถมยังมีเงินเหลือไปชื้อเกมอีกด้วยครับ แต่ก็อย่าลืมนะว่า PC ยังใช้อะไรได้อีกเยอะนอกจากเล่นเกมเพียงอย่างเดียว เราคงไม่ต้องพูดถึง Netflix หรือบริการ Streaming ต่าง ๆ ที่ทุกวันนี้ Smart TV, Android TV ทุกเครื่องก็สามารถดูได้อยู่แล้ว (คงไม่มีใครคิดจะชื้อ PS5 มาดู Netflix หรอกเนอะ)


แล้วถ้าจำกัดงบไว้ที่ 499$ หรือประมาณ 15,500 บาท ล่ะ เราจะได้ PC สเปกแบบไหน

PC Specification for 499$ (15,500 Bath)

ขอบคุณเว็บไซต์ notebookspec สำหรับใช้ในการจัดสเปก
  • CPU: AMD Ryzen 5 3500X 3.6GHz 6 Cores / 6 Thread
  • GPU: GALAX GTX 1650 OC 4GB
  • RAM: KINGSTON 8GB DDR4 2666
  • Storage: HDD Western Digital Blue 1TB
  • MB: GIGABYTE B450M S2H
  • Optical Drive: None
  • PSU: COOLERMASTER Elite V3 500W
  • Case: Tsunami Case
  • ราคา 524$ หรือประมาณ 16,340 บาท

จากสเปกด้านบนนั้น เมื่อจำกัดงบเอาไว้ที่ ประมาณ 15,500 บาท นั้น บอกตามตรงว่าผมเองก็ยังไม่สามารถจัดสเปกในราคานั้นได้ โดยที่ไม่ต้องยอมลดประสิทธิภาพของ CPU หรือ GPU ไปได้เลยครับ แต่เมื่อ PS5 มาขายในไทยเมื่อไร ราคามันก็อาจจะมีบวกเพิ่มไปบ้าง เพราะฉะนั้นแล้วในราคานี้ถือว่าไม่ห่างกันมาก

ด้วยขุมพลังของ Ryzen ไว้ใจได้เสมอ

มาดูที่ CPU กันก่อนเลย อีกครั้งที่ผมเลือกใช้ AMD ครับ เป็นตัว Ryzen 5 3500X สถาปัตยกรรม Zen 2 แบบเดียวกับ PS5 มาพร้อมกับ 6 Cores / 6 Threads แน่นอนว่าน้อยกว่าของ PS5 รวมไปถึงประสิทธิภาพเองก็เช่นกัน แต่สำหรับ Mid-End PC แล้ว CPU ตัวนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างคุ้มค่ามากครับ

จริง ๆ แล้วในส่วนของ CPU บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่ไปเล่นพวก Intel Gen 10 เลยอย่าง Core i5-10400F ที่มาพร้อมกับ 6 Cores / 12 Threads อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ เพราะผมเองก็ชอบ CPU ตัวนี้มากเหมือนกัน แต่เมื่อจับคู่กับราคา MB แล้วมันจะราคาสูงเกินไปนั้นเอง

GTX 1650 การ์ดจอระดับล่าง ที่สเปกคุ้มค่ากับราคา

ต่อมากับ GPU แน่นอนว่าต้องเป็น Nvidia GTX 1650 สุดคุ้มของเรานั้นเอง เหตุผลที่เลือก Nvidia นั้นไม่ต้องสงสัยเลยครับ เพราะมันเป็นการ์ดจอที่ราคาถูกและคุ้มที่สุดในระดับ Mid-End

ส่วน Storage นั้นผมจำเป็นต้องเลือกใช้ HDD แทน SSD ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ก็คือ ในแง่การใช้งานจริง HDD 1TB มันก็ไม่ค่อยจะพอใช้สักเท่าไรอยู่แล้ว ถ้าหากจะให้ผมจัด SSD ราคาใกล้ ๆ กัน แต่เก็บข้อมูลได้แค่ 120GB มันก็อาจจะฟังดูตลกไปสักหน่อย และทำให้การใช้งานจริงนั้นลำบากมาก ๆ นั้นเอง

ส่วนประกอบอื่น ๆ อย่าง MB, PSU และ RAM นั้นเป็นส่วนที่ผมหั่นงบมันออกไปมากที่สุด ตัวเลือกมีค่อนข้างหลากหลาย ทำให้เราได้ PC Desktop ในราคา 16,340 บาทมา โดยยังไม่รวมหน้าจอ Mouse & Keyboard OS และอื่น ๆ อีกนะ


การจัดการความร้อน และ Liquid Metal


นอกจากสเปกที่เป็นปัจจัยสำคัญแล้ว มันก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกันครับ อย่างเช่น พัดลม Heatsink ระบบระบายความร้อน นี่ยังไม่รวมพวก RGB อีกนะ (ถ้านับ)

ในวิดิโอ Teardown PS5 เราจะได้เห็นถึงชิ้นส่วนภายในทั้งหมด โดยสิ่งที่หน้าสนใจที่สุดก็คือ ตัวเครื่อง PS5 ได้เลือกใช้ Liquid Metal เป็นสารนำความร้อนแทน Thermal Paste หรือ ซิลิโคน ที่เรารู้จักกัน

Liquid Metal นั้นสามารถทำหน้าที่นำความร้อนได้ดีกว่าซิลิโคนทั่ว ๆ ไปอย่างแน่นอนครับ และมันจะมีอายุการใช้งานนานกว่าซิลิโคนอย่างแน่นอน ทำให้เรานั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องถอดพัดลมหรือ Heatsink มาเพื่อจัดการกับปัญหา Thermal Compound เลยก็เป็นได้

หน้าตาแบบนี้

แน่นอนว่าในวงการ PC เองนั้น Liquid Metal เป็นตัวเลือกที่มีให้ใช้มานานมากแล้ว แต่มันก็ไม่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ส่วนใหญ่มากนัก เนื่องจากว่ามันราคาค่อนข้างสูงมาก อีกทั้งยังมีความอันตราย หากผู้ใช้งานไม่ชํานาญมากพอ เพราะมันจะทำให้ทั้ง CPU และ Mainboard ของเราพังได้ง่าย ๆ เลยครับ

ในวิดีโอ PS5 Teardown นั้น เราจะเห็นได้เลยว่าทาง Sony มีการออกแบบภายในบอร์ดมาเป็นอย่างดีมาก มีการกระจาย Chip แต่ละส่วนออกไป และในตัว SoC ของ Processor หลัก ก็ได้มีการวางโฟม พร้อมกับทา Liquid Metal เอาไว้เป็นอย่างดีมาก จนเราสามารถเห็นได้ในวิดิโอเลย (ถ้าลองทาเอง มันจะไม่สวยเรียบแบบนี้)

และอย่างที่ผมบอกไปว่ามันค่อนข้างอันตราย หากมีการประกอบออกมาไม่ดี ตรงนี้ Sony ถือว่าใจกล้า และมั่นใจมาก ๆ เราคงจะนึกภาพออกว่า PS5 มันจะขายได้มากกว่า 10 ล้านเครื่อง หรืออาจจะมากกว่า 100 ล้านเครื่อง และทุก ๆ เครื่องก็จะมาพร้อมกับ Liquid Metal ซึ่งตรงนี้มันจะทำให้ทั้งโลกอาจจะต้องพิจารณาใหม่ เกี่ยวกับมาตรฐานของ Thermal Compound เลยครับ

ใหญ่พอ ๆ กับตัวเครื่องเลยทีเดียว

นอกจากนี้เองในส่วนของ Heatsink ที่ต้องบอกตามตรงว่า ผมไม่เคยเห็น Heatsink อะไรที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน สำหรับ Game Console หรือแม้แต่ PC Desktop เองก็ตาม ซึ่งดูจากวิดีโอแล้ว จะเห็นเลยว่ามันใหญ่พอ ๆ กับตัวเครื่อง PS5 เลยทีเดียว และก็เป็นอย่างที่รู้กันว่า PS5 นั้นมันเครื่องใหญ่แค่ไหน

พัดลมขนาด 120mm หรือ 12 เซนติเมตร

ตัว Heatsink นั้นเป็นแบบ Heatpipe ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี มาพร้อมกับพัดลม Double-Side ขนาด 120mm หรือ 12 เซนติเมตร โดยเราสามารถเห็นพัดลมแบบนี้ได้ทั่ว ๆ ไปอย่างเช่นพัดลมติดเคสใน PC Desktop หรือพัดลมที่มาพร้อมกับ CPU Cooler จากค่ายชั้นนำต่าง ๆ ซึ่งต้องบอกว่า 120mm นี้มันใหญ่มาก ๆ อีกทั้งยังเป็นแบบ Double-Side อีกด้วย ทำให้สามารถจัดการเรื่องเป่าลมเข้าออกได้ดีกว่าที่เคยเป็น

โดยรวมแล้ว Playstation 5 นั้นถือว่าจัดการกับความร้อนได้เป็นอย่างดีมาก ทันทีที่เห็น โดยไม่ต้องรอผลทดสอบเลยครับ และถ้ามองกลับมาอย่าง PC Desktop เองแล้ว การที่เราจะจัดการกับความร้อนได้ แน่นอนว่าถ้าไม่เป็น Liquid Cooling หรือพัดลมดี ๆ สักชุด ก็ต้องเป็น Custom Liquid Cooling หรือชุดน้ำแบบเปิด ที่จะทำให้งบมันบานปลายไปมากกว่านี้อย่างแน่นอน


การที่เราจะจัดสเปก PC Desktop สักเครื่อง ให้เทียบเท่ากับ PS5 นั้นมันทำได้ครับ แต่ก็ต้องใช้งบที่มากกว่าเดิมสองเท่า อีกทั้งก็ไม่รู้เลยว่าจะอยู่ไปได้อีกกี่ปี ในขณะที่ Console นั้นจะ Optimize ในการเล่นเกมดีกว่า PC อยู่แล้ว มองยังไงก็ไม่คุ้มที่จะทำครับ

ในขณะเดียวกัน ถ้าเราจะจำกัดงบไว้ให้ราคาเท่ากับ PS5 และประกอบ PC ขึ้นมาล่ะก็ สิ่งที่เราได้ ก็จะกลายเป็น PC สเปกระดับล่าง-กลาง ที่คงจะเล่นเกมได้ไม่ดีเท่าไร และเทียบเท่ากับ PS4 Pro ก็คงจะได้

สรุปโดยรวมแล้วนั้น Playstation 5 เป็นอะไรที่คุ้มมากสำหรับราคา 499$ หรือประมาณ 15,550 บาทครับ และเมื่อมันเข้าไทยแล้ว ก็อาจจะมีราคาอยู่ที่ 16,000-17,000 แต่นั้นก็ยังเป็นราคาที่ดีมาก ๆ สำหรับประสิทธิภาพที่เราได้รับ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่อัดแน่นเข้ามาในเครื่อง

แต่อย่างไรก็ตาม สาวก PC Gamer ก็อย่าเพิ่งน้อยใจกันไป เป็นอย่างที่รู้กันว่า RTX 3080 นั้นแค่การ์ดใบเดียว ก็สามารถเอาชนะ PS5 ได้อย่างสบาย ๆ มาพร้อมกับราคาที่แพงกว่าเท่าตัว อีกทั้งตอนนี้ก็ยังขาดตลาดอยู่ด้วยอะนะ

สำหรับวันนี้ลาไปก่อน ในอนาคตเราจะได้เจอกันอีกแน่นอนครับ ติดตาม Beartai.com กันให้ดี ๆ ล่ะ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส