(Advertorial)

ต้องเรียกว่า Huawei เป็นค่ายที่จริงจังเรื่องกล้องมากก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่ Huawei P9 ที่เริ่มต้นร่วมมือกับ Leica มาเมื่อ 3 ปีก่อน ประสิทธิภาพกล้องของสมาร์ตโฟนเรือธงจากหัวเว่ยก็ก้าวกระโดดมาตลอดจากการลงทุนอย่างหนักหน่วงในเรื่องนี้ ซึ่งเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทุกครั้งที่ Huawei P Series ออกรุ่นใหม่มา ถ้าจะเล่าพอสังเขปก็คือ

  • Huawei P9 (2016) – มือถือรุ่นแรกที่พัฒนาร่วมกับ Leica ด้วยการใส่กล้องขาวดำเข้าไปเป็นเลนส์คู่ ทำให้ได้มือถือที่ให้ภาพสดใสตามแบบฉบับของไลก้า แถมยังดูคมจนเป็นที่เลื่องลือในโซเซียลตอนนั้น
  • Huawei P10 (2017) – มือถือภาคต่อที่ปรับปรุง P9 ให้ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน (เรียกอีกอย่างว่ารุ่นนี้ไม่ค่อยเด่น ก่อนจะอวยให้เต็มเนี่ยว ขอเบรคกับรุ่นนี้นิดหนึ่ง :P)
  • Huawei P20 Pro (2018) – จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี AI ในกล้องมือถือที่ปรับแต่งภาพเองตามซีนที่ถ่าย เซนเซอร์แบบ Pixel-Binning ที่รวม 4 พิกเซลย่อยเป็นพิกเซลใหญ่ และระบบถ่ายภาพกลางคืนแบบไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง (AIS) ที่สมาร์ตโฟนค่ายอื่นๆ ทำตามในเวลาต่อมา
  • Huawei P30 Pro (2019) – มือถือกล้องบ้าพลัง แบบบ้าไปแล้ว!

ความบ้าแรกของ Huawei P30 Pro คือกล้องซูม 16.8 เท่า!

Huawei P30 Pro ถือเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่ติดตั้งเลนส์แบบ Periscope มาด้วย (หากนับจากวันวางขายจริง) ซึ่งเลนส์สี่เหลี่ยมตัวนี้ออกแบบพิเศษโดยใช้ปริซึ่มสะท้อนแสงที่ได้รับให้วิ่งเข้าเซนเซอร์ในแนวระนาบกับเครื่อง จากที่ปกติแสงจะวิ่งเข้าเซนเซอร์ในแนวตั้งฉาก ทำให้หัวเว่ยสามารถพัฒนาเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 125 mm f/3.4 ได้ในมือถือเครื่องบางๆ ซึ่งถ้าไม่ใช้การสะท้อนแสงแบบนี้ ตัวโมดูลกล้องซูมจะหนามากจนเป็นไปไม่ได้

กล้องแบบ Periscope

นอกจากนี้ Huawei P30 Pro ยังมีเลนส์มุมกว้างระยะ 16 mm f/2.2 อยู่ด้วย เพื่อเก็บภาพมุมกว้างมากๆ อย่างการถ่ายภาพในห้องแคบๆ ได้สะดวกขึ้น และตัวเลนส์หลัก 27 mm f/1.6 ความละเอียด 40 ล้านพิกเซลก็เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Huawei P30 Pro สามารถซูมภาพได้ถึง 10 เท่า ไปดูตัวอย่างภาพกัน!

ภาพแรกนี้คือระยะซูม 270 mm หรือซูม 10 เท่าเมื่อคิดจากเลนส์หลัก ซึ่งการซูม 10 เท่านี้จะเรียกว่า Hybrid Zoom เพราะเป็นนำข้อมูลจากเลนส์ซูม 5 เท่าและข้อมูลจากเลนส์หลัก 40 ล้านพิกเซลมาคำนวณให้ได้ภาพที่คมชัด

ภาพต่อมาคือระยะซูม 125 mm หรือซูม 5 เท่า จากเลนส์ Periscope ก็คมชัดตามแบบการซูมด้วยเลนส์จริงๆ

ภาพจากเลนส์หลัก 27 mm หรือซูม 1 เท่า ซึ่งจะเห็นว่าเราอยู่ห่างจากตัวแบบมากๆ แต่ก็ยังซูมเข้าไปเห็นได้ชัดเจน

และสุดท้ายคือภาพจากเลนส์มุมกว้าง 16 mm หรือซูม 0.6 เท่า ที่ทำให้เราเก็บมุมมองภาพได้กว้างกว่าเดิม

โบนัสทิ้งท้ายอีกภาพหนึ่งคือซูมดิจิทัลระดับ 50 เท่า ที่แม้ภาพจะแตกไปหน่อย แต่ก็ยังสามารถเก็บรายละเอียดจนแยกแยะได้ว่าถ่ายอะไรมาอยู่ดี!

ซึ่งคำว่าซูม 10 เท่าที่เราพูดถึงคือ Huawei P30 Pro สามารถซูมภาพได้ในช่วง 27-270 mm โดยไม่แตก แต่ถ้านับเลนส์มุมกว้างเข้ามาด้วย Huawei P30 Pro จะสามารถถ่ายรูปได้ในช่วง 16-270 mm หรือซูม 16.8 เท่าเลย ซึ่งถ้าเป็นคนเล่นกล้องจะเข้าใจว่าการจะได้ภาพในช่วงขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องพกเลนส์ไปเปลี่ยน 2 ตัว หรือถ้าคุณภาพดีหน่อยก็ต้องพก 3 ตัว ซึ่งก็หนักหลายกิโล ส่วนหัวเว่ยสามารถทำได้ในมือถือเครื่องบางๆ เครื่องเดียว นี่แหละเรื่องบ้าๆ ของ P30 Pro เรื่องแรก

ความบ้าที่ 2 กล้องถ่ายกลางคืนที่เห็นมากกว่าตาคนเห็น

ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเราจะมีกล้องมือถือตัวเล็กๆ ที่มีประสิทธิภาพถ่ายภาพกลางคืนได้มีรายละเอียดมากกว่าที่ตามนุษย์เห็น แต่ Huawei P30 Pro ทำได้ด้วยการรื้อสถาปัตยกรรมของเซ็นเซอร์ใหม่ครับ

(ซ้าย) การวางพิกเซลสีบนเซ็นเซอร์แบบเดิม (ขวา) SuperSensing ที่เปลี่ยนเขียวเป็นเหลืองแทน

ตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบันเซ็นเซอร์ของกล้องดิจิทัลจะใช้แม่สีหลัก 3 สีของแสงคือ RGB (แดง-เขียว-น้ำเงิน) ในการปิดทับพิกเซลบนเซ็นเซอร์เพื่อให้กล้องดิจิตอลสามารถถ่ายภาพสีออกมาได้ ซึ่งเราเรียกตารางพิกเซลสี RGB แบบนี้ว่า Bayer Filter ที่แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยบางค่ายก็เพิ่มสีขาวเข้าไปกลายเป็น RGBW เพื่อเพิ่มความสว่าง หรือบางค่ายก็เรียงลำดับ RGB สับไปสับมา แต่พื้นฐานก็คือเซนเซอร์ภาพแบบ RGB ที่กำเนิดมากว่า 40 ปี

ที่นี้เจ้าเซ็นเซอร์ SuperSensing ตัวใหม่ของหัวเว่ยนั้นรื้อรากฐานการออกแบบเซ็นเซอร์เดิม จาก 4 พิกเซลที่เรียงตัวแบบ RGGB หรือมีพิกเซลสีเขียว 2 ตัวในการรับภาพ กลายเป็นออกแบบแบบ RYYB หรือใช้พิกเซลสีเหลือง 2 ตัวมาแทนพิกเซลสีเขียวไปเลย แล้วปรับการประมวลผลภาพใหม่โดยใช้ข้อมูลจากสีเหลืองเข้ามาแทน จนหัวเว่ยเคลมว่าสามารถรับแสงได้มากกว่าเซ็นเซอร์แบบเดิม 40% และสามารถเร่ง ISO ไปได้สูงสุดถึง 409,600 ซึ่งเป็นระดับที่กล้อง DSLR หลายตัวยังทำไม่ได้เลย

แต่ความลับในการถ่ายภาพกลางคืนให้สว่างนั้นก็ไม่ได้มีแค่ตัว SuperSensing ที่เปลี่ยนรากฐานการพัฒนาเซ็นเซอร์ไปใหม่อย่างเดียว ยังมีส่วนประกอบอีก 3 อย่างที่ทำให้เก็บแสงได้มากขึ้น

  1. ขนาดเซ็นเซอร์ตัวหลักที่ 1/1.7 นิ้ว ใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ของมือถือทั่วๆ ไป คุณภาพภาพจึงดี
  2. เลนส์ LEICA Summilux f/1.6 รับแสงเข้ามาได้เยอะ (ถ้าดูหลังเครื่องจะเห็นว่ากระจกชิ้นเลนส์ตัวหลักมันใหญ่มากสำหรับกล้องมือถือ)
  3. ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS ที่อยู่ในเลนส์หลัก ทำให้เปิดชัตเตอร์ได้นานขึ้น

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ทำให้ได้ภาพแบบนี้ครับ

ภาพจากช่องมองภาพเวลาถ่าย จะเร่งแสงจอดีๆ จะเห็นเงาลางๆ ของกระเป๋าในภาพ

นี่คือความมืดที่เราเห็นจริงๆ ตาเราก็มองเห็นประมาณที่ช่องมองภาพเห็นนี่แหละ

ภาพนี้ถ่ายด้วย ISO 204,800 บนเครื่องบินที่ปิดไฟจะเหลือแต่แสงสลัวๆ

นี้คือภาพที่ถ่ายได้ในโหมด Auto พร้อม Master AI ที่ดึงสีขึ้นมาได้แบบดูดี

แล้วถ้าจะถ่ายกลางคืนให้เป็นกลางคืน (แบบที่ iPhone ถ่ายได้) ให้ทำยังไง ก็ให้เปลี่ยนเป็นเลนส์มุมกว้าง หรือใช้โหมด Pro ถ่ายแทนครับ ซึ่งจะเลือก ISO ได้อิสระ แต่เราก็ชอบที่มันถ่ายแล้วสว่างมากกว่านะ นี่แหละคือความบ้าที่ 2 ของกล้อง Huawei P30 Pro

ความบ้าที่ 3 กล้องหลังพร้อม ToF ทำให้ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอดีขึ้น

กล้อง ToF หรือ Time to Flight นั้นเป็นกล้องพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อวัดระยะ โดยอาศัยการยิงแสงเลเซอร์หรืออินฟราเรดออกไป แล้วจับเวลาการสะท้อนกลับมาเพื่อคำนวณหาระยะของวัตถุต่างๆ ในภาพ ซึ่งเมื่อ Huawei P30 Pro มีกล้อง ToF จนรู้ระยะของวัตถุต่างๆ ในภาพได้ละเอียดขึ้นแล้ว ก็ทำให้ถ่าย Portrait ได้ดีขึ้น ตัดขอบระหว่างบุคคลกับฉากหลังได้เนียนขึ้น ซึ่งผู้ใช้ก็สามารถเลือกรูปแบบ Bokeh ด้านหลังได้ด้วยว่าจะเป็นรูปกลมๆ เป็นแผ่นดิสก์ โบเก้รูปหัวใจ หรืออื่นๆ

และที่น่าสนใจคือการถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอทำได้เนียนตาขึ้นกว่าเดิมด้วย

ส่วนการ Selfies ก็ให้สีสันและฉากหลังได้ดีกว่าเดิมด้วยระบบ AI HDR+ ที่เกลี่ยแสงให้เก็บทั้งแสงหน้าและฉากหลังได้

สรุป ถ้ายังไม่เชื่อ ก็ไปลองเล่นที่ร้านขายมือถือดู

เรารู้ว่าความสามารถของกล้อง Huawei P30 Pro นั้นบ้ามาก และหลายเรื่องอย่างการซูม 10 เท่าหรือการถ่ายภาพในที่มืดได้ขนาดนี้มันยากที่จะเชื่อในมุมของผู้ใช้สมาร์ตโฟนแบรนด์อื่น (แต่ถ้าใช้ P20 Pro มา ก็น่าจะเชื่อได้ไม่ยากว่ามันทำได้จริง) เอาเป็นว่าของแบบนี้ต้องพิสูจน์ครับ ไปลองให้เห็นกับตาที่ร้านขายมือถือทั่วไทยก็ได้ แล้วจะรู้ว่าพี่ไม่ได้โม้!

ปล. Huawei P30 Pro เปิดราคาไทยที่ 31,990 บาทนะ ตอนนี้เปิด Pre-Order เรียบร้อยแล้ว ถ้าสนใจก็ไปจับจองกันได้