The Wrap ได้รายงานว่า เดวิด ซาสลาฟ (David Zazlav) ซีอีโอของ Warner Bros. Discovery ได้กล่าวในการประชุม Goldman Sachs Communacopia and Technology Conference ว่าการยุติแฟรนไชส์ ‘Harry Potter’ เป็นสิ่งที่ผิด เนื่องจากแฟรนไชส์นี้ยังคงเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่า และมองว่าแฟรนไชส์นี้เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ Warner Bros. กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง
เขายังมองไปถึงการดัดแปลง ‘Harry Potter’ ในรูปแบบซีรีส์บน HBO ว่าเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม และหวังว่านำแฟรนไชส์ ‘DC Universe’ และ ‘The Lord of the Rings’ กลับมาสร้างมูลค่าให้แก่บริษัทได้อีกครั้ง
“ทรัพย์สินทางปัญญาที่ครอบครองอยู่นั้นเป็นหนึ่งในสุดแข็งของ Warner Bros. ไม่ว่าจะเป็น ‘Harry Potter’, DC และ ‘The Lord of the Rings’ ซึ่งถูกใช้น้อยเกินไป เราไม่ได้สร้างเนื้อหาใหม่ ๆ ในแฟรนไชส์ ‘Harry Potter’ มากว่าทศวรรษแล้ว และเราไม่ได้ทำอะไรกับ ‘The Lord the the Rings’ เลย
เราคิดว่าการวางแผนระยะยาวให้กับภาพยนตร์ DC ไปอีก 10 ปี จะสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นมากกว่า รวมถึงการนำ ‘Harry Potter’ กลับมาในรูปแบบซีรีส์บน HBO อย่างต่อเนื่องนาน 10 ปี และสร้างภาพยนตร์ในจักรวาล ‘The Lord of the Rings’ อีกหลายเรื่อง จะทำให้ Warner Bros. กลับมาเป็นสตูดิโอที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอีกครั้ง”
‘Harry Potter’ นั้น เป็นแฟรนไชส์ที่สร้างมูลค่าให้แก่ Warner Bros. Discovery อย่างมหาศาล โดยภาพยนตร์ 8 ภาคหลัก ทำรายได้ทั่วโลกรวมกันไปกว่า 7,700 ล้านเหรียญ และ ‘The Fantastic Beasts’ ทั้ง 3 ภาค แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในระดับสูง แต่ก็ทำเงินให้แฟรนไชส์นี้ไปอีก 1,865 ล้านเหรียญ
นั่นทำให้ Warner Bros. Discovery ยังคงมีความหวังกับจักรวาลพ่อมด หรือที่เรียกว่า Wizarding World อยู่
สำหรับโปรเจกต์ ‘Harry Potter’ เวอร์ชันซีรีส์บน HBO นั้น ดูเหมือนจะเป็นแผนระยะยาว 10 ปี เพื่อนำความสดใหม่กลับมาในจักรวาลนี้อีกครั้ง โดยจะเน้นไปที่การเรียนใน Hogwarts และให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดบนนิยายต้นฉบับอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่ Warner Bros. Discovery อาจสร้างซีรีส์แยกของ ‘The Fantastic Beasts’ ด้วย
ที่มา : ScreenRant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส