ผลประกอบการของไฟเซอร์ดีวันดีคืน จากเดิมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่คาดว่าจะทำรายได้ 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้ ต่อมาในเดือนพฤษภาคมก็ปรับตัวเลขคาดการณ์รายได้สูงขึ้นเป็น 2.6 หมื่นล้านเหรียญ

445 สาขา ใน 52 ประเทศ นี่คือสถิติอันน่าทึ่งของบริษัทเฟอร์นิเจอร์สัญชาติสวีเดนอย่าง 'อิเกีย (IKEA)' ที่ก่อตั้งในปี 1943 โดย อิงวาร์ คัมพราด (Ingvar Kamprad) และกลายเป็นบริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนับตั้งแต่ปี 2008 แต่ถ้าพูดเพียงกว้าง ๆ แบบนี้อาจจะยังไม่เห็นภาพ มีรายงานจาก 'The New York Times' ว่าชั้นหนังสือรุ่น Billy Bookcases นั้นมีคนคลิกซื้อทุก 10 วินาที และมากกว่านั้น 1 ใน 10 ของเด็กที่คลอดในยุโรปถูกปั๊มขณะพ่อแม่อยู่บนเตียงจากอิเกียอีกด้วย แน่นอนว่าตัวเลขเหล่านี้หรือสถิติที่สวยงามอาจจะไม่ได้ทำให้รู้สึกแปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะเราทุกคนรู้ดีว่าอิเกียนั้นเป็นบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลก ขายได้เยอะขนาดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ แต่สิ่งที่น่าสนุกกว่านั้นคือเทคนิคที่อิเกียเลือกใช้ต่างหาก มันเป็นเทคนิคทางจิตวิทยาที่ช่วยผลักให้พวกเขามาอยู่ตรงนี้ได้ และมันก็ใช้ได้ผลเป็นอย่างดีซะด้วย อย่างแรกที่เรารู้อาจจะรู้จักกันดี นั้นก็คือ 'IKEA Effect' ซึ่งเราทุกคนรู้ดีว่าถ้าซื้อเฟอร์นิเจอร์จากอิเกียกลับมาที่บ้าน สิ่งที่เราต้องทำก็คือประกอบร่างมันขึ้นมาเอง (โดยมีเรื่องเล่าว่าเจ้ากล่องลังที่ออกแบบมาให้แบนเหมือนอย่างทุกวันนี้ เกิดจากการที่พนักงานของบริษัทคนหนึ่งในปี 1951 ในพยายามจะขนโต๊ะใส่หลังรถกลับบ้านแต่ทำไม่ได้ เลยถอดขาออกซะเลย) เหมือนการเล่นเลโก้ขนาดเท่าของจริง ตอนแรกที่ทำเราอาจจะรู้สึกว่ายุ่งยากเสียเวลาเหลือเกิน…

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน นายิบ บูเคเล (Nayib Bukele) ประธานาธิบดีของเอลซัลวาดอร์ได้กล่าวในวิดีโอที่แสดงในการประชุม Bitcoin 2021 ที่ไมอามีประเทศสหรัฐฯ ว่าเขาจะส่งร่างกฎหมายไปยังรัฐสภาในสัปดาห์หน้าเพื่อพิจารณาให้บิตคอยน์เป็นเหรียญที่สามารถใช้ในการชำระหนี้หรือเงินที่ถูกกฎหมาย ซึ่งจะทำให้เอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่รับรองให้บิตคอยน์ถูกกฎหมาย

สแควร์ (Square) ผู้ให้บริการชำระเงินผ่านสมาร์ตโฟนที่ก่อตั้งและบริหารโดย แจ็ก ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) ซีอีโอของ Twitter เป็นหนึ่งในแกนนำสนับสนุนบิตคอยน์จะจับมือกับ บล็อกสตรีมไมนิง (Blockstream Mining) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีบล็อกเชนโครงสร้างพื้นฐานของบิตคอยน์ สร้างโรงงานสำหรับทำเหมืองบิตคอยน์แบบโอเพนซอร์สที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อขับเคลื่อนการขุดบิตคอยน์ด้วยพลังงานสะอาด

แจ็ก ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) ซีอีโอและผู้ก่อตั้งของสแควร์ (Square) ผู้ให้บริการชำระเงินผ่านสมาร์ตโฟน และเป็นซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์ (Twitter) รวมทั้งเป็นหนึ่งในแกนนำสนับสนุนบิตคอยน์ (Bitcoin) ได้ทวีตเผยว่าสแควร์กำลังพิจารณาสร้างอุปกรณ์หรือกระเป๋าดิจิทัลฮาร์ดแวร์สำหรับเก็บบิตคอยน์ ซึ่งจะเปิดเผยข้อมูลการออกแบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ร่วมกับชุมชนนักพัฒนา เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับทุกคนโดยที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลหรือตัวกลางออกไปสู่ตลาดโลก

แบไต๋พามารู้จักกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) กองทุนที่กำลังได้รับความสนใจมาแรงแซงทางโค้ง พร้อมกับ 11 ภาคส่วนที่น่าลงทุนในปี 2021

ความคืบหน้าล่าสุดในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Presiden Joe Biden) กำลังจะบังคับใช้คำสั่งใหม่ห้ามนักลงทุน ลงทุนในบริษัท Huawei และบริษัทสัญชาติจีนกว่าอีก 58 บริษัท

ช่วงนี้กระแสคริปโตเรียกว่ามาแรงแหกทางโค้งมาก ๆ แต่การนำเงินดิจิทัลมาใช้จริงนั้นดูยังเป็นไปไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก แต่ล่าสุดทาง Coinbase ได้ร่วมมือกับ Apple และ Google เพื่อทำให้การนำคริปโตมาใช้ในชีวิตจริงนั้นง่ายกว่าเดิมแล้ว สำนักข่าว Reuters รายงานวา่ วันอังคารนี้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มบัตรของ Coinbase ลงในกระเป๋าเงิน (Wallet) ของ Apple และ Google ได้ และชำระเงินเพื่อสินค้าได้ทันที Coinbase ระบุว่า บริษัทจะแปลงสกุลเงินคริปโตที่อยู่ในบัญชีให้กลายเป็นสกุลเงินดอลลาร์ จากนั้นจึงส่งเงินจากบัตรออกไปเวลาเราซื้อของหรือถอนเงินออกจาก ATM นอกจากนี้ยังมีโปรโมชันพิเศษรับรางวัลจาก Coinbase หากชำระเงินด้วยคริปโตอีกด้วย การเคลื่อนไหวของ Coinbase เกิดขึ้นหลังจากที่ PayPal ออกมาบอกว่าจะดำเนินการให้ผู้ใช้งานสามารถจ่ายเงินเป็นสกุลเงินคริปโตในการซื้อของได้ สำหรับเมืองนอกถือว่าเป็นการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงทางการเงินที่น่าสนใจมากเลยครับ ปล. การลงทุนมีความเสี่ยง อ้างอิง Reuters พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

CNBC รายงานว่า ตำรวจของสหราชอาณาจักรได้บุกเข้าไปในย่านอุตสาหกรรมแถว ๆ เบอร์มิงแฮม โดยตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นโรงงานกัญชาซึ่งปัจจุบันยังคงผิดกฏหมาย แต่ความพีคคือดันเจอเหมืองขุดบิตคอยน์แทนซะงั้น ก่อนบุกเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่าโรงงานดังกล่าวมีคนเข้าออกตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีการระบายอากาศและการเดินสายไฟที่เยอะมาก นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังใช้โดรนตรวจจับอุณหภูมิก็พบว่าโดรนยังตรวจจับความร้อนจำนวนมากที่ออกมาจากโรงงานได้ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณมาตรฐานของอุตสาหกรรมการปลูกกัญชาที่ต้องปลูกในที่ร่ม ใช้แสงสว่าง การใช้ความร้อน รวมถึงต้องมีการถ่ายเทของอากาศที่เหมาะสม ภายหลังการบุกเข้าไปในโรงงานดังกล่าว ตำรวจก็พบว่าไม่มีกัญชาแม้แต่ต้นเดียว แต่พบเครื่องทำเหมืองที่ชื่อว่า Antminer S9 กว่าร้อยตัวที่สร้างความร้อนมหาศาล แต่ก็ผิดอยู่ดีเนื่องจากใช้ไฟฟ้าที่ผิดกฏหมาย สร้างความเสียหายมากถึงหลายพันปอนด์ (1 ปอนด์ ประมาณ 44.3 บาท) ผลที่ตามมาคือ เหมืองดังกล่าวก็ต้องปิดตัวลงไปตามระเบียบ อ้างอิง The Verge พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม ไมเคิล เซย์เลอร์ (Michael Saylor) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ MicroStrategy บริษัทให้บริการซอฟต์แวร์ระบบธุรกิจอัจฉริยะที่ถือครองบิตคอยน์ (เมื่อ 12 มีนาคม) 91,326 BTC ได้ทวีตว่าเมื่อวานวันอาทิตย์ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของ Tesla หนึ่งในบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์ได้ร่วมประชุมกับนักขุดบิตคอยน์ชั้นนำในอเมริกาเหนือ ซึ่งตกลงกันว่าจะจัดตั้งสภาหรือกลุ่มการทำเหมืองบิตคอยน์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานที่โปร่งใสและเร่งการริเริ่มให้เกิดความยั่งยืนทั่วโลก

นาทีนี้ หากใครเก็งกำไรสกุลเงินดิจิตอลโดยเฉพาะบิตคอยน์ ต้องรู้จักชายนามว่า 'อีลอน มัสก์' (Elon Musk) เป็นอย่างดี เพราะเมื่อใดที่ชายเจ้าของบริษัท Tesla และ SpaceX ทวีตว่า "เขากำลังคิดอะไรอยู่" ก็มักจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก และเมื่อไม่นานนี้ เขาออกมาทวีตว่า "ตอนนี้ Tesla จะไม่รับชำระค่าซื้อรถยนต์ด้วยบิตคอยน์แล้ว เพราะกังวลเรื่องปัญหาของสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลมหาศาลในการขุดบิตคอยน์" ทวีตเดียวแดงทั้งกระดาน นอกจากบิตคอยน์ที่ตอนนี้มูลค่าก็ร่วงลงเหลือราว 1 ล้านบาทเศษ / บิตคอยน์ (ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2564)​ จากที่เคยขึ้นสู่จุดสูงสุดกว่า 2 ล้านบาท / บิตคอยน์ เมื่อประมาณหนึ่งเดือนแล้ว พวกเหรียญดิจิตอลอื่น ๆ ก็พากันร่วงตามลงมาเป็นแถวเลยทีเดียว แม้ตอนนี้จะยังหน้ามืดเมาหมัดกันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น หลายต่อหลายคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมมันถึงกลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงแบบนี้ เพราะอย่างที่รู้กันว่าการขุดบิตคอยน์นั้นไม่ใช่การขุดเหมืองหรือขุดแร่ที่สร้างผลกระทบให้กับสิ่งแวดล้อมแบบเดิมที่เราคุ้นเคยกัน มันสร้างผลกระทบแบบนั้นจริง ๆ เหรอ? ที่เป็นแบบนี้เพราะเรายังไม่เข้าใจว่าบิตคอยน์มันคืออะไรและมันมาจากไหน และการที่บิตคอยน์ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาก็ทำให้มันยิ่งส่งผลให้การ “ขุด” เหรียญดิจิทัลนี้สร้างผลกระทบขึ้นมาได้จริง ๆ และถ้าไล่ไปเรื่อย ๆ มันก็เชื่อมโยงกับการขุดเหมืองโลหะต่าง…

ผู้ให้บริการด้านการขุดบิตคอยน์ในประเทศจีนอย่าง Huobi Mall และ BTC.TOP ได้หยุดให้บริการเหมืองเนื่องจากทางการประเทศจีนได้ประกาศปราบปรามการขุดและการเทรดบิตคอยน์ ซึ่งส่งผลให้ราคาสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ ร่วงเป็นแถบ ๆ คณะกรรมการที่นำโดยรองนายกรัฐบมนตรี ลิ่ว เหอ (Liu He) ได้ประกาศปราบปรามเหมืองและการเทรดคริปโตเคอเรนซีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกที่ทางการจีนมุ่งเป้าไปที่การขุดเหมืองโดยตรง ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศจีนที่มีสัดส่วนในอุปทานคริปโตของโลกมาถึง 70% เลยทีเดียว หลังจากมีคำประกาศของจีน ราคาของบิตคอยน์ก็เหมือนจะถูกทุบอีกครั้ง โดยลดลงไปเกือบ 50% แล้วจากราคาสูงสุดในตอนนี้ โดยในวันอาทิตย์เพียงวันเดียว มูลค่าหายไปถึง 17% ทาง Huobi ก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าระบบการขุดเหมืองจะต้องถูกระงับไปก่อน "ตอนนี้เรากำลังติดต่อกับผู้ให้บริการต่างประเทศเพื่อย้ายเหมือง (ชุดฮาร์ดแวร์สำหรับขุดบิตคอยน์) ออกไปต่างประเทศเพื่อให้สามารถขุดบิตคอยน์ในอนาคตได้อีกครั้ง" พร้อมปิดท้ายว่า "ใจเย็น ๆ ไม่ต้องกังวลไป" - Huobi กล่าว ด้าน BTC.TOP อีกหนึ่งแหล่งสำหรับขุดคริปโตก็ต้องหยุดให้บริการลงเนื่องจากความกดดันจากหน่วยงานของจีนเหมือนกัน โดย เจียง ซูเออร์ (Jiang Zhuoer) ได้แจ้งรายละเอียดเรื่องเหมืองว่าจะถูกย้ายไปอยู่ในอเมริกาเหนือเป็นหลัก และอีกหนึ่งเหมืองคือ Hashcow ที่มีเหมืองนับ 10 แห่งในรวมถึงซินเจียงและเสฉวนก็ได้ประกาศทำตามคำสั่งของหน่วยงานจีนเช่นเดียวกัน…

หลังจากตลาดคริปโตกลับมาคึกคักมาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทางจีนก็เริ่มแสดงความเคลื่อนไหวต่อตลาดคริปโตอีกครั้ง โดยเริ่มเรียกร้องให้มีการหยุดทำเหมืองบิตคอยน์ได้แล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คณะกรรมการเสถียรภาพและการพัฒนาทางการเงิน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการจัดการความเสี่ยงในระบบการเงินของประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการจัดการการเงิน เช่น การสร้างระบบเตือนภัยความเสี่ยงด้านการเงิน การปฏิรูปสถาบันการเงินขนาดเล็ก แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่การประกาศปราบปรามคริปโตเคอเรนซี โดยเฉพาะเรื่องการเทรดและการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ โดยทางการจีนให้เหตุผลว่าคริปโตเคอเรนซีหรือสกุลเงินดิจิทัลนั้นอาจทำให้เกิดความเสี่ยงหรือเงินเฟ้อได้ การประกาศของคณะกรรมการดังกล่าวออกมาไม่นานหลังจากมีการออกคำสั่งห้ามสถาบันการเงินลงทุนในคริปโตเคอเรนซี ซึ่งมีผลต่อราคาของบิตคอยน์และเหรียญต่าง ๆ ลดฮวบในทันที อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ล่าสุดไมไ่ด้ระบุแน่ชัดว่าหน่วยงานจะมีมาตรการอะไรกับผู้ให้บริการเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซีนอกเหนือจากขู่ว่าจะมีการลงโทษอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ผลกระทบจากแถลงการณ์ที่ว่านั้นไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ในประเทศจีน แต่ยังส่งผลต่อตลาดทั่วโลกเพราะเหมืองขุดบิตคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็อยู่ที่จีนนั่นเอง อันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่จีนประกาศห้ามหรือแบนบิตคอยน์ แต่ก็ต้องรอดูการเคลื่อนไหวกันว่าครั้งนี้จะเอาจริงกว่าที่ผ่าน ๆ มาหรือไม่ อ้างอิง The Register พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

ไฟน์เดอร์ (Finder) เว็บไซต์จัดทำสถิติและการเปรียบเทียบต่าง ๆ ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดของออสเตรเลีย ได้ไปทำการสำรวจชาวออสเตรเลียจำนวน 1,004 คนเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับคริปโต ผลปรากฏว่าชาวออสเตรเลียมากกว่าครึ่งหนึ่งคิดว่าอีลอน มัสก์ (Elon Musk) เป็นคนสร้างบิตคอยน์ขึ้นมา จากผลการสำรวจพบว่าชาวออสเตรเลียจำนวน 56% ไม่รู้จักซาโตชิ นากาโมโตะ (Satoshi Nakamoto) ผู้สร้างบิตคอยน์ผู้ลึกลับ แต่กลับเชื่อว่าอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา (Tesla) และสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) เป็นผู้ก่อตั้งเหรียญคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกเหรียญนี้แทน ซึ่งผลสำรวจยังบอกอีกว่าผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากยังไม่ทราบว่าปริมาณของเหรียญบิตคอยน์นั้นจะถูกจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญและไม่สามารถเพิ่มขึ้นไปกว่านี้ได้อีกแล้ว โดย 44% ของพวกเขาคิดว่าบิตคอยน์มีอุปทานที่ไม่จำกัดแบบเดียวกับเงินเฟียต (fiat) การสำรวจยังพบอีกว่าชาวออสเตรเลียจำนวนมากเป็นคนเล่นคริปโตอยู่แล้วหรือเป็นคนที่ยินดีจะเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ โดย 25% ของผู้ตอบแบบสอบถามอาจเป็นผู้ถือเหรียญอยู่ก่อนแล้วหรือวางแผนที่จะเป็นเจ้าของคริปโตภายในสิ้นปี 2021 ซึ่งมีมากถึง 20% ที่มีความตั้งใจจะซื้อคริปโตในอนาคต แต่กลับไม่รู้ว่าจะซื้ออย่างไร อ้างอิง พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม JD.com บริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำและผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในจีนได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2021 ซึ่งมีรายได้สุทธิ 203.2 พันล้านหยวน (992,000 ล้านบาท) เติบโตขึ้น 39% เมื่อเทียบกับรายได้สุทธิในไตรมาส 1 ปี 2020 ที่ 146.2 พันล้านหยวน (713,896 ล้านบาท) สูงกว่าการคาดการณ์ผลการดำเนินงาน (IBES) จาก Refinitiv ที่ 191.83 พันล้านหยวน (936,439 ล้านบาท) และแสดงถึงความแข็งแกร่งของตลาดอีคอมเมิร์ซในจีนหลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด - 19 ในประเทศ

ยังคงโดนไม่เลิกกับตลาดคริปโตเคอเรนซี โดยเฉพาะเหรียญเจ้าตลาดอย่างบิตคอยน์ (Bitcoin) ล่าสุด สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าทางการจีนได้สั่งแบนไม่ให้สถาบันการเงินและบริษัทชำระเงินทั้งหลายให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมคริปโตเคอเรนซีอย่างเด็ดขาด องค์กรอุตสาหกรรมของจีน 3 แห่ง ได้แก่ สมาคมการเงินทางอินเทอร์เน็ตแห่งชาติของจีน สมาคมธนาคารแห่งประเทศจีนและสมาคมการชำระเงินและการหักบัญชีของจีนกล่าวว่าสกุลเงินเสมือนจริงชนิดนี้ 'ไม่ได้เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าอย่างแท้จริง' และยังคงได้รับการพูดถึงว่าเป็นตลาดที่ไว้ซื้อขายเก็งกำไรซะมากกว่า ซึ่งเป็นการขัดขวางคำสั่งทางเศรษฐกิจและการเงินของจีน เบื้องต้นรอยเตอร์รายงานว่าจีนได้แบนการเทรดคริปโตแล้ว แต่ผู้ซื้อชาวจีนยังคงสามารถถือเหรียญบิตคอยน์และเงินดิจิทัลสกุลอื่น ๆ ได้อยู่ ซึ่งหลังจากจีนประกาศไม่นาน ราคาของบิตคอยน์ก็ร่วงลง 7% ทันที จากก่อนหน้าที่ราคาก็ร่วงลงอยู่แล้ว ปัจจุบัน ราคาบิตคอยน์อยู่ที่ราว 1.3 ล้านบาทต่อเหรียญ นับว่าแทบจะต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาของบิตคอยน์ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ประกาศว่าเทสลา (Tesla) จะไม่ยอมรับชำระเงินด้วยบิตคอยน์อีกต่อไป เนื่องจากเขามองว่าการขุดบิตคอยน์ต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการขุดและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ทำให้ราคาบิตคอยน์ร่วงหนักมาตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ทีมนักวิจัยของสหรัฐฯ อย่างคอยน์ เมตริกส์ (Coin Metrics) ระบุว่าด้วยความเป็นผู้นำตลาดคริปโตของบิตคอยน์ ในฐานะสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ บัดนี้เริ่มลดน้อยลงทุกวันด้วยส่วนแบ่งของตลาดคริปโตที่ลดลงเหลือ 45 เปอร์เซ็นต์จาก 70 เปอร์เซ็นต์เมื่อต้นปี ทำให้นักลงทุนเริ่มมองหาผลตอบแทนใหม่…