โรคมะเร็ง (Cancer) โรคร้ายที่คร่าชีวิตของผู้ทั่วโลกเป็นอันดับต้น ๆ แม้ว่าโรคมะเร็งหลายชนิดสามารถรักษาได้เมื่อตรวจพบเร็ว แต่หลายคนน่าจะทราบดีว่าโรคนี้มักคืบคลานและเติบโตในร่างกายโดยที่เราไม่รู้ตัว

หลายครั้งที่เราเห็นข่าวหรือพบว่าคนที่รู้จักจู่ ๆ ตรวจพบมะเร็งระยะที่ 4 โดยไม่มีอาการเจ็บป่วยที่ชัดเจนแสดงให้เห็น ซึ่งในระยะนี้รักษาให้หายขาดได้น้อยมาก ส่วนใหญ่ทำได้เพียงรักษาเพื่อประคับประคองอาการเท่านั้น เป็นสถานการณ์ที่กัดกินจิตใจและลดทอนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและคนใกล้ตัวได้เกินจินตนาการ

การสังเกตอาการที่อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบไม่มีที่มาที่ไปชนิดที่คุณอาจไม่ได้ใส่ใจ อาจหมายถึงความสุขและชีวิตของคุณ เพื่อให้คุณรู้ทันอาการของโรคนี้มากขึ้น Hack for Health ได้รวบรวมอาการที่อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งมาให้คุณแล้ว

สัญญาณโรคมะเร็งเป็นแบบไหน เมื่อไหร่ควรไปหาหมอ

สัญญาณของโรคมะเร็งอาจเป็นการเจ็บป่วยที่ดูเหมือนจะเป็นอาการทั่วไป แต่ลักษณะหรือรูปแบบของอาการอาจมีจุดสังเกตให้คุณพอรู้ตัวได้บ้าง

1. อาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย

เซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ที่มีการเติบโตแบบผิดปกติ เมื่อเซลล์นี้เริ่มก่อตัวในร่างกาย มะเร็งจะดึงสารอาหารไปสู่เซลล์ที่ผิดปกติมากขึ้นจนอาจทำให้อวัยวะส่วนอื่น ๆ ได้รับสารอาหารน้อยลง หรือเสียเลือดจากการมีเลือดออกภายใน โดยอาการเหนื่อยล้าจากโรคมะเร็งไม่เหมือนกับความเหนื่อยทั่วไป อย่างเหนื่อยจากการทำงานหรือการออกกำลังกาย แต่จะทำให้รู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ ไม่มีเรี่ยวแรงจนไม่อยากทำอะไร นอนพักก็ไม่หาย นอนเยอะผิดปกติ

ซึ่งหากคุณมีอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลียติดต่อกัน แล้วไม่ดีขึ้น หรือความอ่อนเพลียส่งผลต่อการใช้ชีวิตและการทำงาน นั่นเป็นสัญญาณว่าคุณควรไปหาหมอได้แล้ว

2. น้ำหนักลดโดยไม่รู้สาเหตุ

หากจู่ ๆ น้ำหนักคุณลดลงโดยไม่รู้สาเหตุ อย่าเพิ่งดีใจว่าผอมโดยไม่ต้องออกกำลังกาย เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งได้ สาเหตุเบื้องหลังอาจมาจากการเผาผลาญพลังงานที่เปลี่ยนไป เซลล์มะเร็งดึงพลังงานไปใช้มากขึ้น เบื่ออาหาร กลืนลำบาก อิ่มเร็ว เพราะมีก้อนเนื้อไปเบียดกระเพาะอาหาร

โดยสัญญาณนี้มักพบเป็นสัญญาณแรกของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ และมะเร็งปอด อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่น้ำหนักตัวลดลงโดยส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากโรงมะเร็ง แต่อาจมาจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ทำงานหนักขึ้น หรืออื่น ๆ

แต่ถ้าคุณใช้ชีวิตแบบปกติ แล้วในระหว่าง 6 เดือนถึง 1 ปี น้ำหนักคุณลดมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ แนะนำว่าให้ไปหาหมอ หรือถ้าพบอาการอื่น ๆ (กลืนอาหารหรือดื่มน้ำไม่ได้ อุจจาระมีเลือดปน อาเจียนเป็นเลือด) ร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์ทันที

3. เป็นไข้ตัวร้อน

เวลาเป็นไข้ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าตัวเองเป็นหวัดไม่ก็ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งสังเกตได้จากอาการตัวร้อน ร่วมกับไอ จาม น้ำมูกไหล หรืออาการอื่นที่เกิดจากการติดเชื้อในทางเดินหายใจ แต่ถ้าจู่ ๆ คุณเป็นไข้ในช่วงกลางดึก โดยไม่ได้มีอาการติดเชื้อ เป็นไข้แบบเป็น ๆ หาย ๆ ร่วมกับการมีเหงื่อออกขณะนอนหลับ ควรไปตรวจที่โรงพยาบาล เพราะอาการนี้พบได้ในโรคมะเร็งทุกชนิด

4. อาการปวด

อาการปวดจากโรคมะเร็งพบได้ราว 1 ใน 4 ของคนที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง สาเหตุมาจากการที่ก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้นจนไปเบียดหรือกดทับอวัยวะอื่น เซลล์มะเร็งปล่อยสารเคมีออกมา และการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ตำแหน่งการปวดอาจแตกต่างกันไปตามตำแหน่งของมะเร็ง แต่มะเร็งที่เกิดในบริเวณที่มีอวัยวะรวมตัวกัน อย่างบริเวณช่องท้องก็อาจปวดท้องหรือปวดหลังได้

หากคุณมีอาการปวดเป็น ๆ หาย ๆ หรือรู้สึกปวดจนไม่สามารถทำงาน เรียน หรือใช้ชีวิตประจำวันได้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

5. เลือดออก

การมีเลือดออกโดยไม่มีสาเหตุถือว่าค่อนข้างน่ากังวล แม้จะไม่ได้มาจากโรคมะเร็ง แต่อาจมาจากโรคอื่นได้ สำหรับคนที่มีเลือดออกผิดปกติตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอาจหมายถึงโรคมะเร็งที่ต่างกันไป เช่น

  • อุจจาระเป็นเลือดหรือมีเลือดปน: โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง มะเร็งกระเพาะอาหาร
  • ปัสสาวะมีเลือดปน: โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งอัณฑะ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปากมดลูก
  • ตกขาวมีเลือดปน

นอกจากนี้ คนที่เป็นมะเร็งส่วนอื่น ๆ อาจมีเลือดออกด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากคุณเห็นมีอาการเลือดออกที่ดูผิดปกติแนะนำว่าให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล

6. สภาพผิวที่เปลี่ยนไป

ผิวหนังสามารถสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพของคุณได้ โดยโรคมะเร็งบางชนิดทำให้ผิวของคุณเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น

  • เกิดไฝที่มีขอบหยักหรือขอบไม่เท่ากัน มีผิวขรุขระ มีสีเข้มกว่าปกติ มีขนาดใหญ่ หรือขยายขึ้นเรื่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งผิวหนัง
  • ตัวเหลืองตาเหลืองหรือดีซ่าน ซึ่งเป็นสัญญาณความผิดปกติจากภายในที่เกิดจากการติดเชื้อหรือโรคมะเร็ง

หากคุณพบอาการที่เราบอกไป ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นโรคมะเร็งหรือเสี่ยงต่อโรคนี้เสียทีเดียว แต่เพื่อความสบายใจและความปลอดภัย การไปตรวจและพูดคุยกับแพทย์ถึงอาการที่เกิดจะช่วยให้คุณสบายใจและรับมือได้ง่ายขึ้น หากวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งได้แต่เนิ่น ๆ อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาได้ สุดท้ายนี้ อย่าลืมดูแลสุขภาพอย่างเหมาะเพื่อลดความเสี่ยงของโรคนี้ให้ได้มากที่สุด

ที่มา1, ที่มา2, ที่มา3

ภาพปก

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส