แอนเดอร์สัน พาร์ค (Anderson .Paak) มาแจมกลองกับวง BTS ในไลฟ์สตรีม ‘Proof: Live’ ของ BTS ในบทเพลง “Yet To Come (The Most Beautiful Moment In Life)” บทเพลงมาแรงที่ขึ้นเทรนด์มาแรงอันดับ 1 เกือบทุกแพลตฟอร์ม เป็นการเปิดตัวอัลบั้มชุดล่าสุด ‘Proof’ ได้อย่างสง่างาม

“Yet To Come” เป็นบทเพลงที่มีความหมายคมคายและงดงามบอกเล่าเรื่องราวของการเดินทางของชีวิตที่ต้องผันผ่านทั้งร้ายดี ซึ่งแม้จะผ่านความเจ็บช้ำบนหนทางแห่งการเติบโตมากแค่ไหน ก็ขอให้จงเชื่อมั่นต่อไปว่าวันที่ดีกำลังจะมาถึง

“Yet To Come” และอัลบั้ม ‘Proof’ ออกมาให้เราได้ฟังตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการรวบรวมบทเพลงทั้งหมด 48 เพลงรวมทั้งบทเพลงฮิตทั้งหลายของวงไม่ว่าจะเป็น ซิงเกิลเปิดตัวอย่าง “No More Dream” หรือ “Boy With Luv” ที่ฟีเจอริ่งกับ Halsey

อัลบั้ม Proof

ในไลฟ์สตรีม BTS ได้แนะนำพาร์คที่จะมาร่วมแจมในบทเพลงนี้ และพาร์คก็ได้พูดสั้น ๆ กับวงบอกถึงความคิดที่เขามีต่อบทเพลงนี้ “ผมรักมัน มันทำให้ผมคิดถึงโบสถ์ มันยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยมน่าอัศจรรย์ใจมาก” และ พาร์คยังกล่าวต่ออีกว่าลูกชายของเขา โซล ราชีด (Soul Rasheed) เป็นคนแนะนำให้เขาได้รู้จักกับวง BTS “เขาเป็นแฟนตัวยงเลยล่ะ และเขาก็ทำให้ผมกลายเป็นแฟนเพลงไปอีกคน และผมก็ถึงขั้นลุ่มหลงจนกลายเป็นหนึ่งใน ARMY ตั้งแต่นั้นมา”

แอนเดอร์สัน พาร์ค กับเจโฮป วี และ จองกุก

พาร์คนั้นเป็นหนึ่งในแฟนเพลงตัวยงของเคป็อปถึงขนาดที่กำลังจะมีผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีชื่อว่า “K-POPS!” ภาพยนตร์ดราม่าคอมเมดี้ที่พาร์คจะได้แสดงร่วมกันกับลูกชายของเขา ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของนักดนตรีที่เดินทางไปยังประเทศเกาหลีเพื่อเขียนเพลงให้กับศิลปินเคป๊อป จนได้พบว่าลูกชายที่หายหน้าไปนานได้กลายเป็นหนึ่งในวงเคป๊อปชื่อดังของประเทศนี้ไปซะแล้ว

แอนเดอร์สัน พาร์ค

ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการแสดงความรักที่พาร์คมีต่อวัฒนธรรมเคป๊อปแล้ว มันยังเชื่อมโยงกับตัวตนของเขาอย่างลึกซึ้งอีกด้วย

“แม่ของผมมาจากประเทศเกาหลีแต่เธอถูกรับเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กดังนั้นผมเลยไม่เคยได้รู้อะไรเกี่ยวกับวัฒนธรรมเกาหลีเลยจนกระทั่งผมได้พบกับภรรยาของผม ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นเหมือนภาพสะท้อนของประสบการณ์ในการเรียนรู้เรื่องราวในส่วนที่ขาดหายไปของผมเคียงข้างภรรยาและลูกของผมและเป็นการที่เราได้ใช้ช่วงเวลาดี ๆ ที่มีร่วมกันให้มากขึ้น” พาร์คกล่าว “ผมรู้ว่านี่คือบางสิ่งที่ผมควรจะเขียนมันออกมาและกำกับมันด้วยตัวของผมเอง ซึ่ง Stampede Ventures ก็ได้ให้โอกาสและเชื่อมั่นที่จะให้ผมทำมัน ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะได้นำมันไปสู่จอภาพยนตร์ครับ”

ที่มา

NME

pitchfork

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส