นึกว่าจะเป็นหนังใหญ่ที่กล้ายืนหยัดฉายในสถานการณ์โควิด-19 ปีนี้ เพียงไม่กี่เรื่องหลังจากเรื่องอื่นหนีไปกันหมดแล้ว แต่ล่าสุด 007 James Bond No Time To Die เรื่องสุดท้ายของ Daniel Craig ที่จะมารับบทเป็นสายลับพยัคฆ์ร้ายก็ขอเลื่อนฉายหนีความเสี่ยงเจ๊งจากเดิม 20 พฤศจิกายน ไปเป็น 2 เมษายน 2021 ซึ่งเดือนเมษายนนั้นก็เป็นเดือนเดิมที่หนังตั้งใจจะเข้าฉายในปีนี้ เท่ากับว่าหนังเลื่อนฉายจากกำหนดฉายแรก 1 ปีเต็ม และวันที่ 2 เมษายนยังเป็นวันฉายเดิมของ Fast 9 ซึ่งก็ประกาศขยับไปเป็น 28 พฤษภาคม 2021

สาเหตุที่หนังใหญ่พากันเลื่อนฉายหมด ก็เพราะหนังฟอร์มยักษ์ที่พลีชีพไปก่อนหน้านี้ทั้ง Tenet และ Mulan ไม่ประสบความสำเร็จกับรายได้จากการฉายโรง แม้ว่าจะไม่ได้แย่ถึงขั้นขาดทุนหนัก แต่ตลาดอเมริกาที่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ได้ในเมืองใหญ่ ๆ อย่างนิวยอร์กหรือลอสแอนเจลิสนั้น ส่งผลกระทบจริง ๆ กับรายได้หนังโดยรวม Mulan นั้นยังดีกว่าหน่อยตรงที่ทำรายได้ไปพอสมควรกับการขายผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง Disney+

ทำให้จนถึงขณะนี้หนังฟอร์มใหญ่ของปีนี้เรื่องถัดไปก็คือ Wonder Woman 1984 ที่วางคิวฉายในสหรัฐฯ ไว้วันคริสต์มาส 25 ธันวาคม รวมถึงมีแนวโน้มสูงว่า Top Gun: Maverick, Dune และ Free Guy หนังทุนสูงที่วางคิวฉายไว้ภายในปีนี้ก็น่าจะเลื่อนฉายตามมาในเร็ว ๆ นี้เช่นกัน ส่วน No Time To Die นั้นก็เริ่มได้รับความเสียหายจากการที่สินค้าต่าง ๆ ซึ่งเป็น สปอนเซอร์ของหนังอย่างนาฬิกา เช่น Omega และ Swatch, Coke, DHL และ Pop Funko เริ่มจะปล่อยวางขายกันในเดือนพฤศจิกายน การที่หนังเลื่อนฉายก็จะต้องถูกปรับจากทางบริษัทสปอนเซอร์เหล่านี้ แต่เชื่อว่า ผู้สร้างหนัง 007 คงเลือกจะยอมแลกแล้ว

นอกจากนี้ีก็มีความเป็นไปได้ว่า หนังฟอร์มใหญ่ทั้งหลายจะเจอโรคเลื่อนไปเรื่อย ๆ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯ ก็ไม่มีทีท่าจะคลี่คลายง่าย ๆ ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อสะสมไปแล้วกว่า 700,000 คน เสียชีวิตแล้ว 200,000 ราย ประธานาธิบดี Donald Trump ก็ยังมาติดเชื้ออีกด้วย เห็นแบบนี้ก็นึกถึงการประกาศเลื่อนวันฉายอย่างไม่มีกำหนดของหนังจากสตูดิโอ Sony Pictures ที่บอกเลยว่า จะเอาหนังเข้าฉายเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติเท่านั้น หมายถึง ไม่ต้องรอเลื่อนรอขยับกันบ่อย ๆ

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส