Joker (2019) คือหนังที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัตการณ์ของดีซี ได้เข้าชิงออสการ์ถึง 11 สาขา แล้วก็คว้ามาได้ 2 สาขา หนังทำกำไรได้อย่างมหาศาล กวาดรายได้ทั่วโลกไป 1,104 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียงแค่ 55 ล้านเหรียญ ทั้งที่เป็นหนังในจักรวาล Batman แต่กลับเป็นหนังดราม่า-จิตวิทยา ขายการแสดง โดยที่ไม่มีซูเปอร์ฮีโรมาปรากฏกายเลยสักรายเดียว แต่รู้ไหมครับ เบื้องหน้าของหนัง Joker ที่สวยหรู ประสบความสำเร็จอย่างงดงามอย่างที่ทุกคนทราบกันดีนั้น เบื้องหลังกลับตรงกันข้าม เพราะหนังไม่ได้ผ่านขั้นตอนการถ่ายทำมาอย่างราบรื่นเลย เพราะ 2 นักแสดงนำมากฝีมือ อย่าง วาคีน ฟินิกซ์ (Joaquin Phoenix) และ โรเบิร์ต เดอนีโร (Robert De Niro) นั้น กลับมีแนวทางการทำงานที่ต่างกันและส่งผลให้ทั้งคู่ขัดแย้งกัน สร้างความปวดหัวให้กับผู้กำกับ ทอดด์ ฟิลลิปส์ (Todd Phillips) อย่างมาก

โรเบิร์ต เดอนีโร, ทอดด์ ฟิลลิปส์, วาคีน ฟินิกซ์

วาคีน ฟินิกซ์ และ โรเบิร์ต เดอนีโร นั้นทั้งคู่ต่างก็เป็นนักแสดงมากฝีมือ เป็นที่รู้กันดีในแวดวงฮอลลีวูดว่า เวลาสองคนนี้รับบทใด พวกเขาจะอินและลงลึกไปกับบทนั้น ๆ และอยู่ในร่างของตัวละครนั้นตลอดการถ่ายทำ แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งคู่ก็มีแนวทางการทำงานที่ต่างกัน และที่กลายเป็นประเด็นให้ทั้งคู่ไม่ลงรอยกันก็คือขั้นที่นักแสดงมานั่งร่วมโต๊ะอ่านบทร่วมกัน ซึ่งฟินิกซ์กลับไม่ชอบขั้นตอนการซ้อมบทแบบนี้ เขาให้ความเห็นว่า
“งานแสดงสำหรับผมมันควรจะสมจริงเหมือนสารคดี หมายถึงเราควรจะมีความรู้สึกอย่างไรก็ได้ที่ควรจะรู้สึกในสถานการณ์นั้น และควรจะมีความคิดแบบเดียวกับที่ตัวละครจะต้องเผชิญในขณะนั้น”

งานนี้ก็เลยกลายเป็นปัญหาให้ผู้กำกับฟิลลิปส์ต้องปวดหัวกันยกใหญ่ เมื่อนักแสดงนำไม่ครบองค์ประชุม สิ่งที่ฟิลลิปส์คิดได้ในขณะนั้นก็คือไปปรึกษากับเดอนีโรว่าทำอย่างไรดี เมื่อฟินิกซ์ไม่ขอเข้าร่วมกิจกรรมอ่านบทร่วมกัน
“บ๊อบก็บอกกับผมกลับมาว่า ‘ไปบอกเขานะว่าเขาคือนักแสดงและเขาจะต้องมาร่วมในวงนี้ ผมต้องการได้ยินบทพูดทั้งหมดในหนัง พวกเราทุกคนจะต้องมาอยู่ในห้องนี้และอ่านบทไปด้วยกัน’ ตอนนั้นผมอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมาก เพราะฟินิกซ์เองก็ยืนยันว่า ‘ไม่มีทางที่ผมจะเข้าร่วมการอ่านบทร่วมกัน’ ส่วนบ๊อบก็ ‘ การทำงานของผมคือการอ่านบทร่วมกันก่อนการถ่ายทำ นั่นเป็นวิธีการที่เราทำงานกัน’ “

แต่สุดท้ายเด็กก็ต้องยอมอ่อนข้อให้ผู้ใหญ่ แล้วเดอนีโรก็ได้ตามที่เขาต้องการ ฟินิกซ์ยอมเข้าร่วมการอ่านบทร่วมกัน แต่ก็ทำแบบขอไปที พอถึงท่อนที่เขาต้องอ่าน เขาก็อ่านแบบพึมพำ ฟังไมได้ศัพท์ พอถึงช่วงพักเขาก็แยกตัวไปอัดบุหรี่ ฟินิกซ์เผยว่า
“ผมรู้สึกแย่มาก หลังจากที่ต้องมาอ่านบทร่วมกันแบบนั้น” และยืนกรานที่จะขอออกจากวง

แต่เดอนีโรก็ไม่ยอมปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังระหว่างทำงานต่อไปแบบนี้ เขาดึงตัวฟินิกซ์ไปคุยกันอีกห้องหนึ่ง ถึงปัญหาระหว่างเขาทั้งคู่ พอคุยกันจบ ทั้งคู่เดินออกมาด้วยกัน เดอนีโรก็โชว์ให้ทุกคนเห็นด้วยการจับหน้าของฟินิกซ์มาหอมฟอดใหญ่ที่แก้ม แล้วกล่าวว่า “ทุกอย่างจะต้องโอเค ที่รัก”

เป็นอีกครั้งที่เดอนีโรพิสูจน์ให้เห็นว่า การที่เขาเลือกใช้ไม้นวมในการเจรจา เขาก็มักจะได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการเสมอ หลังจากการเจรจาครั้งนั้น เดอนีโรและฟินิกซ์ก็สามารถร่วมงานกันได้ราบรื่นตลอดการถ่ายทำ ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ค่อยพูดคุยกันนักก็ตาม
ฟินิกซ์เล่าบรรยากาศระหว่างเขากับเดอนีโรให้ฟังว่า
“วันแรกเราทักทายอรุณสวัสดิ์ แต่ผมก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลังจากนั้นเราจะไม่เสวนาอะไรกันมากนัก”
ซึ่งเรื่องนี้เดอนีโรเองก็ยืนยันว่าระหว่างเขาและฟินิกซ์นั้นแทบไม่ได้พูดคุยกันเลย แต่ก็ไม่ได้เป็นเพราะไม่ชอบหน้าหรือโกรธเกลียดกันแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะทั้งคู่ไม่มีประเด็นอะไรต้องพูดคุยกันเสียมากกว่า
“บทของเขาและบทของผมนั้น มันไม่มีเหตุจำเป็นให้เราต้องพูดคุยตกลงอะไรกันอยู่แล้ว เราก็แค่เข้าใจตรงกันว่า ‘ต่างคนต่างทำงานไป ขอเพียงให้ตัวละครของเขาเชื่อมโยงกันได้ก็พอ’ แค่นี้ทุกอย่างมันก็เรียบง่ายขึ้นแล้ว เราก็ไม่ต้องเสวนาอะไรกันมากนัก และมันก็ไม่มีเรื่องให้ต้องคุยด้วย”

ก็นับว่าเป็นการทำงานแบบมืออาชีพกันจริง ๆ ครับ แนวทางการทำงานไม่ตรงกัน แต่ก็หาทางออกร่วมกันได้ แล้วได้ผลงานที่ออกมายอดเยี่ยม

ที่มา