ผลการเก็บข้อมูล ชี้ให้เห็นว่า ผู้ใช้งาน iOS นิยมซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์มากกกว่าผู้ใช้งาน Android
iOSAndroidจากการติดตามเก็บข้อมูลเรื่องการช้อปปิ้งออนไลน์ของ Adobe พบว่า ผู้ใช้งานระบบปฏิบัติกาน iOS สร้างยอดขาย Mobile sales revenue มากกว่าผู้ใช้งาน Android ถึงเกือบจะ 4 เท่าตัว

  • รายได้จากผู้ใช้งาน iOS 79%
  • รายได้จากผู้ใช้งาน Android 21%

ส่วนการเก็บข้อมูลของ IBM ก็ออกมาในแนวทางเดียวกันกับข้อมูลของ Adobe (เป็นการเก็บข้อมูลจาก mobile shopping ตามเทศกาลต่างๆ เช่น Black Friday)

มูลค่าเฉลี่ยต่อการสั่งซื้อ

  • ทางฝั่ง iOS มีมูลค่าเฉลี่ยของการสั่งซื้ออยู่ที่ 121.86 ดอลล่าร์
  • ทางฝั่ง Android มีมูลค่าเฉลี่ยของการสั่งซื้ออยู่ที่ 98.07 ดอลล่าร์

ด้าน online traffic

  • ทางฝั่ง iOS มี traffic account อยู่ที่ 34.2% จาก traffic ทั้งหมด
  • ทางฝั่ง Android มี traffic account อยู่ที่ 15% จาก traffic ทั้งหมด

ยอดขายออนไลน์

  • ทางฝั่ง iOS มี sales accounted อยู่ที่ 21.9% จาก ยอดขายออนไลน์ทั้งหมด
  • ทางฝั่ง Android มี sales accounted อยู่ที่ 5.8% จาก ยอดขายออนไลน์ทั้งหมด

สาเหตุที่เป็นแบบนี้ อาจจะมาจาก . . .

หากมาดูที่ส่วนแบ่งตลาดของโทรศัพท์ จะพบว่า
Screen Shot 2557-12-03 at 9.15.38 PMจากการเก็บข้อมูลของ Gartner

  • ระบบปฏิบัติการ Android ครองตลาดมากถึง 82% ทั่วโลก
  • ระบบปฏิบัติการ iOS จาก Apple ครองตลาดเพียง 12% ทั่วโลก

Screen Shot 2557-12-03 at 9.14.47 PMจากการเก็บข้อมูลของ comScore

  • ระบบปฏิบัติการ Android ครองตลาดที่ 52% ทั่วโลก
  • ระบบปฏิบัติการ iOS จาก Apple ครองตลาดที่ 42% ทั่วโลก

ตามทฤษฎี ยิ่งมีผู้ใช้งาน Android  ทำให้มีนักพัฒนามากขึ้นและมีพวก publisher มากขึ้นตาม

แต่ทางปฏิบัติ ความได้เปรียบในด้านส่วนแบ่งการตลาดกลับไม่สามารถช่วยอะไร Android ได้เลย เพราะ มองที่การใช้งาน จะพบว่า iOS นั้นได้รับความนิยมกว่า ซึ่งก็จะเห็นได้จากข้อมูลข้างต้น ซึ่งแน่นอนว่า หากคุณเป็นผู้พัฒนา website หรือ application … คุณคงอยากให้มันใช้งานได้ดีบนระบบปฏิบัติการ iOS เพราะมันอาจจะทำเงินให้คุณได้มากกว่า (หากดูจากปริมาณการเข้าไปจับจ่ายใช้สอยแล้ว)

แต่ก็อาจมีโต้แย้งได้ว่า มันไม่น่าเกี่ยวอะไร และ ไม่สามารถบ่งบอกได้ถึงเรื่องการใช้งาน แต่อาจเป็นเพราะว่า ผู้ใช้งาน Apple อาจจะกระเป๋าหนักกว่า จึงมีกำลังทรัพย์ในการจับจ่ายใช้สอยมากกว่า

ที่มา : businessinsidergartnercomscore
รูปจาก : exteenblog