เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมาเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ พ.ร.บ.จราจรทางบก โดยเนื้อหาสำคัญคือให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ปีต้องนั่ง ‘คาร์ซีต’ ห้ามอุ้มนั่งตักเด็ดขาด ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000 บาท ผู้โดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะนั่งแถวตอนใด โดยพ.ร.บ.นี้มีผลใช้บังคับในอีก 120 วันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

รู้จักกับคาร์ซีต

คาร์ซีตสำหรับเด็กถูกผลิตขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1933 โดยบริษัท Bunny Bear ออกแบบเบาะรถยนต์สำหรับเด็กหลายรูปแบบ จุดประสงค์แรกทำเป็นเบาะที่ยกสูงเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถมองดูเด็กระหว่างควบคุมยานพาหนะได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ค่อยเปลี่ยนมาเป็นการปกป้องเด็กที่โดยสารในรถยนต์ แต่มันยังไม่สมบูรณ์ดีนักด้วยข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง และเมื่อปี ค.ศ. 1962 เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กที่แท้จริงคิดค้นขึ้นในอังกฤษโดย Jean Ames โดยมีสายรัดที่ยึดเบาะนั่งไว้กับที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง ภายในเบาะนั่ง เด็กถูกรัดด้วยสายรัดรูปตัว Y ซึ่งสวมทับศีรษะและไหล่ทั้งสองข้างและรัดไว้ระหว่างขาทั้งสองข้าง การออกแบบเพื่อรองรับเด็กที่กำลังเติบโตตามมาอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ประโยชน์และความสำคัญของคาร์ซีต

องค์อนามัยโลก (WHO) ได้เผยสถิติอุบัติเหตุจากยานพาหนะประเภทรถยนต์ พบว่าจำนวนเด็กที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั่วโลกนั้นมากถึงปีละ 186,300 คน การเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นเนื่องจากเด็กไม่ได้นั่งคาร์ซีตที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ แต่กลับถูกรัดไว้กับที่นั่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น ที่นั่งสำหรับผู้ใหญ่ซึ่งไม่ได้จัดตำแหน่งร่างกายเด็กอย่างเหมาะสมและไม่รองรับแรงกระแทก หรือไม่ได้สวมสายรัดใด ๆ เพราะคาร์ซีตถูกออกแบบมาเป็นพิเศษจึงเหมาะกับเด็กมากกว่าเพราะด้วยระบบการล็อกและสรีระที่เข้ากันทำให้เกิดความปลอดภัยมากกว่าเข็มขัดนิรภัยแบบทั่วไป จุดนี้ทำให้หลาย ๆ ประเทศออกกฏหมาย

ประเภทของคาร์ซีต

Infant Carrier Seats

คาร์ซีตสำหรับทารกออกแบบมาสำหรับทารก สามารถใช้กับเด็กที่มีอายุอย่างน้อย 2 ขวบและถึงขีดจำกัดน้ำหนักของที่นั่ง คาร์ซีตประเภทนี้ได้รับการออกแบบให้นั่งในรถในตำแหน่งที่หันไปทางด้านหลังเท่านั้น 

คาร์ซีตสำหรับทารกสามารถใช้ได้นาน 6 ถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับอัตราการเติบโตของทารกและขนาดของคาร์ซีต เพราะเด็กบางคนโตเร็วกว่าคาร์ซีตอีก สำหรับวิธีแก้ปัญหาเมื่อเด็กมีน้ำหนักหรือส่วนสูงถึงขีดจำกัดของคาร์ซีตแล้ว ก็เปลี่ยนไปใช้คาร์ซีตประเภทอื่นที่ออกแบบมาสำหรับทารกและเด็กเล็กที่มีอายุมากกว่า

Convertible car seats

คาร์ซีต แบบปรับเปลี่ยนได้สามารถหันหน้าหันหลังได้ตามต้องการ ใช้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงน้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม คาร์ซีตประเภทนี้อาจมีราคาที่สูงหน่อยแต่สามารถใช้ประโยชน์ได้นานและคุ้มค่า ข้อเสียของคาร์ซีตแบบปรับเปลี่ยนได้คือไม่สามารถเคลื่อนย้ายและไม่สามารถใช้เป็นเป้อุ้มเด็กได้ เพราะไม่มีฐานและไม่สามารถเคลื่อนย้ายจากรถคันหนึ่งไปอีกคันได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้ปกครองบางคนพบว่าที่นั่งที่ใหญ่กว่านี้ยากต่อการใช้งานสำหรับทารกตัวเล็ก แม้ว่าที่นั่งขนาดใหญ่จะให้ความรู้สึกปลอดภัย

3-In-1 Seats

คาร์ซีทสำหรับรถยนต์รุ่น Grow and Go Air ที่ปลอดภัย
ภาพจากเว็บ AMAZON

คาร์ซีตแบบ All-in-one หรือเบาะนั่งแบบ 3-in-1 นั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับเบาะรถยนต์แบบเปิดประทุน ข้อดีของเบาะนั่งแบบนี้คือ ซื้อเพียงครั้งเดียว เพราะมันมีขนาดใหญ่และสามารถใช้กับเด็กไปได้นานจนกว่าเด็กจะสามารถคาดเข็มขัดนิรภัยได้

Booster Seat

บูสเตอร์คาร์ซีตสำหรับเด็กที่นั่งหันหน้าไปข้างหน้าเท่านั้น และมีลักษณะเป็นเบาะเสริมแบบสูง สามารถใช้ได้กับเด็กอายุตั้งแต่ 4-12 ปี น้ำหนักตั้งแต่ 18-36 กิโลกรัมด์ ข้อดีก็คือเบาะเสริมในรถยนต์ประเภทนี้สามารถใช้งานได้จนกว่าเด็กจะโตพอที่จะไม่ต้องการเบาะนั่งประเภทนี้อีกต่อไป เบาะรถยนต์ประเภทนี้มีชุดหัวเข็มขัดและสายรัดมาให้อยู่แล้ว แต่ก็สามารถใช้ร่วมกับเข็มขัดนิรภัยที่มีอยู่ในรถก็ได้เช่นกัน 

รู้จักกับข้อจำกัดและประเภทของคาร์ซีตกันแล้ว ข้อแนะนำอีกข้อคือเด็ก ๆ ควรนั่งคาร์ซีตจนกว่าพวกจะสูง 145 เซนติเมตร ซึ่งมีอายุระหว่าง 8 ถึง 12 ปี และควรนั่งเบาะหลังจนถึงอายุ 13 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตามกฏหมายที่ออกมาจะเริ่มมีผลอีกประมาณ 4 เดือนนับจากประกาศบังคับใช้ พ่อ ๆ แม่ ๆ ก็ยังพอมีเวลาหามาติดตั้งกัน ย้ำอีกครั้งหากฝ่าฝืนจะมีโทษถูกปรับ 2,000 บาทนะครับ

ระบบติดตั้ง Car Seat

นอกจากจะเลือกคาร์ซีตที่เหมาะสมกับเด็ก ๆ แล้ว ระบบติดตั้งคาร์ซีตก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน อย่างระบบ ISOFIX เป็นระบบติดตั้งคาร์ซีตแบบใหม่ที่ได้รับมาตรฐานจากสากล และมีใช้อยู่ทั่วโลกทั้งในเอเชียและยุโรป ISOFIX เป็นระบบติดตั้งเบาะรถยนต์โดยจะล็อกเบาะรถหรือฐานเบาะเข้ากับคลิปโลหะ 2 จุด (จุดยึด ISOFIX) ระหว่างเบาะรถที่อยู่ในรถ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เข็มขัดนิรภัยอีกต่อไป เพราะระบบ ติดตั้งคาร์ซีต แบบ ISOFIX เป็นการยึดติดคาร์ซีตด้วยตัวยึด ISOFIX ที่มีความแข็งแรง แน่นหนาตามมาตรฐานสากล ปกติแล้วการ ติดตั้งคาร์ซีต จะมี 2 ระบบคือระบบติดตั้งคาร์ซีตแบบเข็มขัดนิรภัย (แบบธรรมดา) จะใช้เวลาในการติดตั้งคาร์ซีตประมาณ 2 – 3 นาที ส่วนระบบติดตั้งคาร์ซีตแบบ ISOFIX จะช่วยย่นระยะเวลาในการติดตั้งคาร์ซีต ให้เหลือเพียงไม่ถึงนาที โดยตัวยึดระบบ ISOFIX จะอยู่ที่เบาะด้านหลังของรถยนตร์

ประเภทของคาร์ซีต ISOFIX

เบาะนั่ง ISOFIX มีอยู่ 3 ประเภท โดยระบบความหนาแน่น ความแข็งแรงเหมือนกันหมด แต่มีสิ่งเดียวที่แตกต่างคือเบาะนั่งบางรุ่นจะพอดีกับรถยนต์บางรุ่นเท่านั้น

  1. Vehicle-Specific Approval – ใช้ระบบการเชื่อมต่อแบบ 2 จุด โดยใช้ได้กับรถบางรุ่นเท่านั้น
  2. Semi-Universal Approval – สามารถดันไปข้างหน้าหรือข้างหลัง โดยมีอุปกรณ์พยุงเท้าหรือเชือกผูกด้านบน ซึ่งใช้ได้กับรถบางรุ่นเท่านั้น
  3. Universal Approval – เบาะนั่งสำหรับเด็กในคล้ายกับกลุ่ม 1 แต่เป็นแบบหันหน้าไปทางด้านหน้าซึ่งพอดีกับรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ โดยใช้ระบบการเชื่อมต่อแบบ 2 จุดและสายรัดด้านบน

ISOFIX มีประโยชน์อย่างไร

  • ลดข้อผิดพลาดและความเสี่ยงจากการติดตั้งคาร์ซีตที่ไม่ถูกต้อง
  • สร้างการเชื่อมต่อที่แน่นหนาระหว่างเบาะรถยนต์และตัวรถ เพื่อการปกป้องที่ดีกว่าเดิม
  • ลดโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

ที่มา madehow.com, ที่มา Sanook, ที่มา verrywellfamily, ที่มา babygift, ที่มา halfords, ที่มา maxi-cosi

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส