บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จับมือพันธมิตร 7 ผู้แทนจำหน่ายจาก 4 ประเทศ ได้แก่ Jinhui, AIONIC, V Group และ Harmony Group (ประเทศไทย) นอกจากนี้ยังมี 99 เมียนมาร์, Harmony Group (เวียดนาม) และ EV HUB (สิงคโปร์) เดินหน้ารุกตลาดอาเซียนเต็มที่ พร้อมประเดิมตลาดด้วย AION Y Plus

คุณโอเชียน หม่า ผู้จัดการบริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

AION แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนล่าสุด มียอดขายรถ EV ติดอันดับ Top3 ของโลก (อันดับ 2 ของประเทศจีนเป็นรองแค่ BYD) มีเป้าหมายเพื่อนำพลังงานใหม่ (New Energy) มาสู่โลก ชื่อของ AION มาจากคำว่า AI (ไอ ภาษาจีนแปลว่า ความรัก) และ ON (Alway on) สื่อถึง AI เปิดความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ตลอดเวลา โดยมีแบรนด์ในเครือ AION และ Hyper ซึ่งเป็นซูเปอร์คาร์ระดับพรีเมียม ที่มียอดขายกว่า 1,000,000 คัน

ทั้งนี้ AION มียอดครึ่งปี 2023 ที่ 250,000 คัน และกำลังจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย พร้อมลงทุนก่อตั้งโรงงานผลิตและสำนักงานใหญ่ที่ไทย เพื่อเป็นฐานการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเดิมตลาดอาเซียนด้วยรุ่น AION Y Plus โดยมี 4 Distributor รายใหญ่ รวมถึงตั้งเป้าการขาย 16,000 คัน/ปี

AION Y Plus รถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์เดียวกัน จุดเด่นของ AION คือเรื่อง Long range, Large Space และ Intelligence มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น 490 Elite มาพร้อมแบตเตอรี่ 63.2 kWh ขับขี่สูงสุด 490 กม. และรุ่น 550 Ultra มาพร้อมแบตเตอรี่ 68.3 kWh ขับขี่สูงสุด 550 กม.

นอกจากจุดเด่นของห้องโดยสารกว้างขวางจากระยะฐานล้อ 2,750 มิล (เทียบกับคู่แข่งอย่าง BYD Atto 3 ระยะฐานล้อ 2,720 มิล) ยังมาพร้อมจุดขายคือเบาะปูเพื่อเปลี่ยนห้องโดยสารเป็นเตียงนอนขนาด 1.8 เมตร ชมภาพยนตร์ผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว และจอดิจิทัลฝั่งคนขับขนาด 10.25 นิ้ว หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ที่ชาร์จไร้สาย และที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง กล้องรอบคัน 360 องศา และระบบคันเร่งอัจฉริยะ i-PEDAL แต่ประตูท้ายไม่ใช่ระบบไฟฟ้า

AION Y Plus มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น 490 Elite ราคา 1,069,900 บาท และรุ่น 550 Ultra ราคา 1,299,900 บาท

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส