วันจันทร์ที่ 26 เมษายน Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 2021 ด้วยยอดการส่งมอบรถยนต์สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 184,877 คัน คาดเพราะการขยายกำลังการผลิตในกิกะเซี่ยงไฮ้และการผลิต Model 3 และ Model Y ในฟรีมอนต์ที่ปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนชิป และ Tesla ได้หยุดการผลิตรถยนต์ซีดาน Model S และรถยนต์ SUV Model X ในไตรมาสที่ 1 เพื่อปล่อยรถรุ่นปรับปรุงใหม่

Tesla เล่าถึงความเก่งกาจของทีมวิศวกรที่สามารถแก้ไขผลกระทบจากการขาดแคลนชิป โดยการรีบเปลี่ยนไปใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ตัวใหม่ และการพัฒนาเฟิร์มแวร์สำหรับชิปตัวใหม่ของผู้ผลิตชิปรายใหม่ นอกจากนี้บริษัทยังคงพัฒนาซอฟต์แวร์ Full Self-Driving (FSD) ซึ่งตอนนี้ระบบเกือบจะใช้กล้องทั้งหมดโดยจะเลิกใช้เรดาร์ในไม่ช้า ต่างจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นที่ใช้ทั้งกล้อง ลิดาร์และเรดาร์

Tesla ประสบความสำเร็จสามารถทำกำไรได้ 7 ไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งในไตรมาสล่าสุดสามารถทำรายได้ทั้งหมด 10,400 ล้านเหรียญ (326,248 ล้านบาท) และคิดเป็นกำไร 438 ล้านเหรียญ (13,735 ล้านบาท) ซึ่งได้ตัวช่วยจากรายได้ของการขายเครดิตกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นถึง 518 ล้านเหรียญ (16,239 ล้านบาท)

นอกจากนี้ Tesla ได้ขายบิตคอยน์จากที่ซื้อไว้เมื่อเดือนมกราคมด้วยมูลค่า 1,500 ล้านเหรียญออกไป 272 ล้านเหรียญ (8,525 ล้านบาท) ซึ่งได้ผลกำไรถึง 101 ล้านเหรียญ (3,166 ล้านบาท)

อนาคตยอดการส่งมอบรถยนต์ของ Tesla มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เริ่มจากส่งมอบรถยนต์ที่ปรับปรุงใหม่ Model S ในเดือนมิถุนายนและ Model X ในเดือนตุลาคม รวมถึงการเริ่มผลิตรถยนต์ในกิกะเบอร์ลินประเทศเยอรมนีที่จะเริ่มส่งมอบภายในสิ้นปีและจะเริ่มการผลิตในกิกะเท็กซัสที่จะเริ่มส่งมอบภายในสิ้นปีด้วยเช่นกัน

อีกทั้งคุยว่าเป็นไปได้ในปี 2022 รถยนต์ SUV ยอดนิยม Model Y จะสามารถเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในโลกหรือไม่ก็อาจจะเป็น Cyber Truck รถกระบะไฟฟ้า ซึ่งจะผลิตในกิกะเท็กซัสและเริ่มส่งมอบสิ้นปีนี้

ที่มา : cnet และ theverge

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส