วันพุธที่ 20 ตุลาคม เทสลา (Tesla) ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 มีกำไรสุทธิ 1,620 ล้านเหรียญ (54,091 ล้านบาท) มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วถึง 5 เท่า จากรายได้ 13,757 ล้านเหรียญ (459,208 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา 54% ถึง 2,000 ล้านเหรียญ (66,760 บาท) ทั้งที่ทั่วโลกเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และขาดแคลนชิปอย่างต่อเนื่อง

ไตรมาสนี้เทสลามีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจาก Model 3 และ Y สร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์รวมกันถึง 232,102 คัน ส่วนรถยนต์รุ่นหรู Model X และ S มียอดส่งมอบเพียง 9,289 คัน ซึ่งลดลงจากไตรมาสที่ 2 เกือบ 40% แต่เมื่อรวมยอดส่งมอบทั้งหมดเพิ่มขึ้นเกือบ 70% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2020 ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดจากการผลิตของ Model Y ที่กิกะเซี่ยงไฮ้เพิ่มมากขึ้นจึงช่วยให้ส่งมอบได้มากขึ้นด้วย

ทั้งนี้เทสลาจะยังคงเปิดการอัปเดต FSD รุ่นเบต้าต่อไปโดยจะติดตามตรวจสอบข้อมูลอย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยให้การเปิดตัวใช้งานจริงเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งได้อัปเดตแอป Tesla บนสมาร์ตโฟนเพื่อใช้ Phone Key ร่วมกับรถรุ่นต่าง ๆ ที่ปรับปรุงใหม่ในการปลดล็อกและสตาร์ตรถ รวมทั้งสามารถซื้อการอัปเกรด อุปกรณ์เสริม และการสมัครสมาชิก

ระบบ Infotainment ได้รับการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่ Disney+, เกมยิงปืนแบบคลาสสิก Sky Force Reloaded, โหมดการล้างรถ (Car Wash Mode) และมีการปรับแต่งประสิทธิภาพรถยนต์สำหรับสภาพอากาศหนาว

อนาคตเทสลาตั้งเป้าว่าการส่งมอบรถยนต์จะเติบโตเฉลี่ย 50% ต่อปีในระยะเวลาหลายปีและมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานระดับชั้นนำในอุตสาหกรรม ส่วนการผลิตในไตรมาสหน้าจะขึ้นอยู่กับความพร้อมของส่วนต่าง ๆ ที่กำลังขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้เทสลาจะเปลี่ยนให้รถยนต์รุ่น Standard Range ในทุกซีรีส์ที่ผลิตทั่วโลกไปใช้แบตเตอรี่ LFP เพื่อลดต้นทุน แต่ความจุของพลังงานและระยะวิ่งจะลดลง ส่วนราคาจะลดลงตามมาด้วยหรือไม่ก็ต้องติดตามกันไปต่อ

ที่มา : engadget และ cnet

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส