นอกจากที่ในงานเปิดตัวประจำเดือนกันยายนของแอปเปิ้ล (Apple) จะมีการเปิดตัว iPhone 13, iPad 9, และ iPad mini แล้วนั้น ยังมี Apple Watch Series 7 ที่เปิดตัวในงานนี้อีกด้วยเช่นกัน ดีไซนคล้ายเดิม แต่มีขอบที่บางลง ทำให้สามารถมีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น

(ซ้ายไปขวา) Apple Watch Series 3, Series 6 และ Series 7
(ซ้ายไปขวา) Apple Watch Series 3, Series 6 และ Series 7

Apple Watch Series 7 จะมีพื้นที่หน้าจอเพิ่มขึ้นถึง 20% ในขณะที่ขอบบางลงเหลือเพียง 1.7 มม. เล็กกว่ารุ่นที่ผ่านมาถึง 40% มาในขนาดตัวเรือนที่ใหญ่ขึ้น 41 มม. และ 45 มม. เพิ่มมา 1 มม. จากรุ่นที่ผ่านมา และด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นทำให้แสดงตัวอักษรได้ใหญ่ขึ้น พร้อมมีคีย์บอร์ด QWERTY ให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์ข้อความได้โดยตรงจากตัวเรือนด้วย รวมถึงมาพร้อมหน้าปัดลายใหม่ Contour และ Modular Duo ออกแบบมาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ

ตัวเรือนยังผ่านการรับรองมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น IP6X รวมถึง WR50 ที่ให้ผู้ใช้สามารถทำกิจกรรมในน้ำได้ เช่น การว่ายน้ำ มีหน้าจอที่มีความแข็งแรงทนทานทนต่อการแตกร้าวด้วยความหนาของหน้าจอที่เพิ่มขึ้นกว่า 50%

นอกจากนี้รุ่นใหม่นี้ยังคงมาพร้อมกับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ECG, และการวัดออกซิเจนในเลือด แต่ยังไม่สามารถวัด Body Composition หรือมวลกล้ามเนื้อ มวลไขมันได้เหมือน Samsung Galaxy Watch4

ทั้งนี้ Apple Watch รุ่นนี้สามารถใช้งานได้นานขึ้นมากถึง 18 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และด้วยการชาร์จในรูปแบบใหม่จะสามารถชาร์จได้เร็วขึ้นถึง 33% ชาร์จจาก 0 – 80 % ใน 45 นาที (ต้องชาร์จกับอะแดปเตอร์ USB-C ความแรง 20 Watt ซึ่งแอปเปิ้ลไม่ได้แถมมา ใน iPhone ก็ไม่แถม สรุปต้องหาซื้อเอง) และชาร์จ 8 นาที ก็แทร็กการนอนได้ 8 ชั่วโมง

Apple Watch Series 7 เรือนอะลูมิเนียม มาใน 5 สี สีมิดไนท์ สีสตาร์ไลท์ สีเขียว สีน้ำเงินใหม่ และสีแดง (PRODUCT)RED พร้อมสายนาฬิกาใหม่ที่สามารถใช้ร่วมกันได้ ส่วนรุ่นอื่น ๆ ยังมีจำหน่ายในสีเดิม ในราคาเริ่มต้นที่ 399 เหรียญ​ (ประมาณ​ 13,400 บาท) วางจำหน่ายภายในปีนี้

https://www.youtube.com/watch?v=-FbG-y9Me08

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส